วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ข่าววันที่ 6 ส.ค.54

มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ตจัดพิธีเทกระจาด ครั้งที่ 2 ประจำปี 2554 ช่วยเหลือผู้ยากไร้

เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 4 สิงหาคม 2554 ที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต นางเบญจวรรณ ตัมพานุวัตร ประธานมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต พร้อมด้วยนายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต นายแพทย์ศิริชัย ศิลปอาชา ประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต นางรจนา รักแต่งาม ในนามตัวแทนเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ต ตลอดจนคณะกรรมการมูลนิธิ และแขกผู้มีเกียรติ ร่วมในพิธีสักการะและฉลองวันเกิดเทพเจ้าโป๊ยจุนเซี้ยฮุด และพิธีเทกระจาดตามประเพณี ครั้งที่ 2 ประจำปี 2554 ในการนี้มีประชาชนที่ยากไร้ นับพันคนในจังหวัดภูเก็ตมารอรับการแจกทาน
              นางเบญจวรรณ กล่าวว่า การจัดงานพิธีเทกระจาดตามประเพณี ครั้งที่ 2 ประจำปี 2554 ขึ้นในวันนี้ ซึ่งตรงกับวัน 5 ค่ำ เดือน 7 (วันผ้อต่อ) เป็นวันอุทิศส่วนกุศลให้แก่วิญญาณไร้ญาติของทุกปี ทางมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ตจึงยึดถือวันดังกล่าวนี้จัดงานเทกระจาด (แจกทาน)เป็นครั้งที่ 2 ของปีอีกครั้ง ซึ่งเมื่องานทางด้านพิธีกรรมเซ่นไหว้ดวงวิญญาณไร้ญาติเสร็จสิ้นก็จะมีงานเท กระจาด (แจกทาน) ขึ้น โดยเป็นการแจกข้าสารอาหารแห้งต่าง ๆ ให้แก่ผู้ยากไร้ที่มารอรับ ซึ่งข้าวสารอาหารแห้งต่างๆ บางส่วนทางมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ตจะได้รับบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาค ทุกๆ ปีเสมอมา
               "ในวันนี้ของทุกปีทางมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ตจะมีการจัดเตรียมข้าวสารจำนวน 240 กระสอบ (24,000 กิโลกรัม) ต่อ 6 เดือน เพื่อบรรจุถุงพลาสติก/ถุงละ 5 กิโลกรัม ซึ่งการแจกทานให้แก่ผู้ยากไร้นั้นจะได้รับคนละ 5 กิโลกรัม สำหรับข้าวสาร และพร้อมกับ อาหารแห้งเบ็ดเตล็ดอื่น ๆ ในแต่ละครั้ง จะมีประชาชนผู้ยากไร้ เข้าร่วมรับแจกทานกว่า 2,000 คน ทุก ๆ 6 เดือน ในส่วนหนึ่งทางมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต ได้จัดเตรียมข้าวสารสำหรับโครงการอาหารกลางวันแก่เด็ก นักเรียน ผู้ด้อยโอกาส ซึ่งในปัจจุบันมีโรงเรียนทั้ง 28 โรงเรียนทั่วจังหวัดภูเก็ต อย่างไรก็ตามการเทกระจาด (แจกทาน) นับว่าเป็นกิจกรรมส่วนหนึ่งของมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ตเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์การดำเนินงานช่วยเหลือผู้ยากไร้พื้นที่ จังหวัดภูเก็ต" นางเบญจวรรณ กล่าวในที่สุด
***  สารภี  ศรีธรรมรัตน์/สนับสนุนข่าว  โสภณ  เคี่ยมการ/ทาน
--------------------------------------------
ดีเดย์ส่งโผครูสอนดีถึงคณะกรรมการจังหวัดต้นก.ย.นี้ เพื่อคัดเลือกก่อนประกาศผลรอบแรกในเดือนต.ค.

นพ.สุภกร บัวสาย ผู้จัดการสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน กล่าวว่า สสค.ได้จัดทำโครงการสังคมไทยร่วมกันยกย่องเชิดชูครูสอนดี เพื่อยกระดับคุณภาพการเรียนการสอน โดยคุณสมบัติของครูสอนดีคือ สอนเป็น เห็นผล คนยกย่อง ซึ่งในปี 2554 จะมีครูสอนดีเกิดขึ้น 20,000 คน หรือในแต่ละตำบลจะมีครูสอนดี 2 3 คน จะดำเนินการต่อเนื่อง 3 ปี เมื่อสิ้นสุดปี 2556 จะมีครูสอนดีเกิดขึ้น 60,000 คน ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการสรรหาครูสอนดี โดยคณะกรรมการเพื่อการคัดเลือกครูสอนดีและลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาระดับท้องถิ่น จะให้สถานศึกษาเสนอชื่อครูที่อยู่ที่สอนในสถานศึกษาและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จะเสนอชื่อครูที่สอนเด็กด้อยโอกาสนอกสถานศึกษาและครูที่สอนการศึกษาทางเลือก ทั้งนี้รายละเอียดและกำหนดเวลาเสนอชื่อสามารถสอบถามได้ที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการเพื่อการคัดเลือกครูสอนดีและลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาระดับท้องถิ่น ซึ่งอยู่ในสำนักงานเทศบาลหรือองค์การบริหารส่วนตำบลในพื้นที่ที่สถานศึกษาตั้งอยู่
ในช่วงต้นเดือนกันยายนนี้ คณะกรรมการฯระดับท้องถิ่น  จะส่งรายชื่อรอบแรกไปยังคณะกรรมการฯ ระดับจังหวัด เพื่อทำการพิจารณาคัดเลือกครูสอนดีตามสัดส่วนของแต่ละจังหวัด รวมถึงการพิจารณากลั่นกรองรายชื่อผู้ได้รับทุนครูสอนดี โดยจะมีการประกาศรายชื่อครูสอนดีและผู้ได้รับทุนครูสอนดีในรอบแรกในเดือนตุลาคมนี้ จากนั้นจะเปิดโอกาสให้มีการทักท้วงผลการคัดเลือก และอาจมีการสังเกตการณ์สอนของครูสอนดี เพื่อให้ได้ครูสอนดีที่สอนเป็น เห็นผล คนยกย่องของชุมชนอย่างแท้จริงนพ.สุภกร กล่าว 
                นพ.สุภกร กล่าวทิ้งท้ายว่า ในกรณีที่บางท้องถิ่นยังไม่ได้แต่งตั้งผู้รับผิดชอบก็สามารถสอบถามไปยังฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการเพื่อการคัดเลือกครูสอนดีและลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาระดับจังหวัด ได้ที่สำนักงานองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซด์สอนดีดอทคอม. www.sorndee.com 
*** โสภณ  เคี่ยมการ ส.ปชส.ภูเก็ต/ข่าว /ทาน
----------------------------------
รพ.วชิระภูเก็ต ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต จัดกิจกรรมรวมพลคนกินนมแม่เทิดพระเกียรติ 12 สิงหามหาราชินี  เนื่องในวโรกาสวันแม่แห่งชาติและสัปดาห์นมแม่โลก

            นายแพทย์เฉลิมพล  วิริยานุกูลวงศ์  หัวหน้ากลุ่มงานสูติ-นรีเวชกรรม เปิดเผยว่า ด้วยโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ร่วมกับงานอนามัยแม่และเด็ก สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ตและเครือข่าย ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมเทิดพระเกียรติเนื่องในวันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ 12 สิงหาคม และ สัปดาห์นมแม่โลก (World Breastfeeding Week) ซึ่งเป็นสัปดาห์ที่ประเทศต่างๆ ทั่วโลกร่วมกันรณรงค์การส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่พร้อมกัน โดยมีองค์กรเครือข่ายพันธมิตรการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแห่งโลก (WABA) เป็นผู้ประสานงาน  เพื่อเป็นการกระตุ้นและประชาสัมพันธ์ให้ทุกคนเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวในระยะเวลา 6 เดือน และการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่พร้อมอาหารตามวัยจนลูกอายุ 2 ปี ทั้งนี้เพราะในน้ำนมแม่มีสารอาหารพร้อมระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เด็กแข็งแรงไม่เจ็บป่วย ลดโรคระบบทางเดินหายใจได้ 2-5 เท่า ของเด็กกินนมผง และนมแม่เป็นต้นทุนของการพัฒนาสมองและสติปัญญา ซึ่งสถิติกรมอนามัย ปี 2550 พบเด็กไทยกินนมแม่อย่างน้อย 6 เดือน ร้อยละ 15 
ตามคำขวัญสัปดาห์นมแม่โลกว่า นมแม่ดี บอกต่อรอบทิศด้วยจิตอาสา ร่วมมือ ร่วมใจ เพื่อให้เด็กไทยได้กินนมแม่
            สำหรับกิจกรรมภายในงานประกอบด้วย การประกวดแม่ตั้งครรภ์คุณภาพ  กิจกรรมหนูน้อยนมแม่แข่งคลาน  การเสวนานมแม่ สัมภาษณ์คุณแม่ทำงาน  บอร์ดนิทรรศการการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่  มุมเด็กเล่นพัฒนาการเด็ก มุมอาหารสุขภาพแม่-ลูก และการสาธิตอุปกรณ์บีบน้ำนมเก็บ
              สัปดาห์นมแม่โลก ตรงกับวันที่ 1-7 สิงหาคมในทุกปี โดยเป็นการณรงค์ให้โรงพยาบาลส่งเสริมแม่ที่มาคลอดให้ลูกกินนมแม่ทันที ไม่แยกแม่ลูก นอกจากนี้ยังมีการจัดอบรมพยาบาลให้สอนทักษะการแก้ปัญหาแก่แม่ที่พบอุปสรรคการให้นมลูก และจัดกิจกรรมรวมพลคนกินนมแม่ทั่วประเทศ ทั้งนี้ ตลอด 20 ปี การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ที่ไทยเป็นสมาชิกของปฏิญญาอินโนนเซนติ องค์การอนามัยโลกไทยได้รับรองโรงพยาบาลเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ 100 เปอร์เซ็นต์ จำนวน 483 แห่ง  มีข้อกำหนดประกอบด้วย 1. ประเทศสมาชิกต้องมีนโยบายและกิจกรรมเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ต่อเนื่อง 2. ต้องฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ให้ปฏิบัติเรื่องนโยบายนมแม่อย่างเคร่งครัด 3. ชี้แจงหญิงตั้งครรภ์ถึงประโยชน์ของนมแม่ 4. ช่วยให้แม่ให้นมหลังคลอดบุตร 5. สอนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ 6. อย่าให้ผสมผสานอาหารอื่นให้ทารกนอกจากนมแม่ 7. ให้แม่-ลูกได้อยู่ร่วมกันหลังคลอดตลอด 24 ชั่วโมง 8. สนับสนุนให้ลูกดื่มนมแม่ตลอด 9. ห้ามลูกดูดจุกนมยาง และ 10.หลังคลอดบุตร ให้แม่เข้าเครือข่ายเลี้ยงลูกด้วยนมแม่.
*** โสภณ  เคี่ยมการ  ส.ปชส.ภูเก็ต/ ข่าว  เสงี่ยม   เอียดตน /พิมพ์
------------------------------------------
นักศึกษา กศ.บป.มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ลงพื้นที่ศึกษาชุมชนราไวย์ จัดกิจกรรมสาธารณประโยชน์ตามโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์วัดสว่างอารมณ์

            นายวัชรินทร์  อารีรอบ ในนามตัวแทนนักศึกษาโครงการจัดการศึกษาสำหรับบุคคลทั่วไป (กศ.บป.) มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต  คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ โปรแกรมวิชาการพัฒนาชุมชน รุ่น 523 กล่าวในการลงพื้นที่ศึกษาชุมชนราไวย์ในการทำกิจกรรมปรับปรุงภูมิทัศน์วัดสว่างอารมณ์ ในวันที่ 5 ส.ค. 54  ว่า  นักศึกษาโปรแกรมการพัฒนาชุมชน รุ่น 523 ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการสร้างจิตสำนักร่วมกับชุมชนบ้านราไวย์ในการจัดทำโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์วัดสว่างอารมณ์ โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้บริเวณวัดสว่างอารมณ์มีความสวยงาม เหมาะกับการใช้เป็นสถานที่สำหรับจัดกิจกรรมสาธารณประโยชน์ และเพื่อใช้เป็นสถานที่พักผ่อนและออกกำลังกายของประชาชนในชุมชนเพราะเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญต่อชุมชนบ้านราไวย์เป็นอย่างยิ่ง
            ทั้งนี้การปรับปรุงภูมิทัศน์วัดสว่างอารมณ์ตามโครงการ ปรับปรุงภูมิทัศน์วัดสว่างอารมณ์ ประกอบด้วยกิจกรรม การจัดสวนหย่อมรอบต้นไม้ใหญ่ 4 ต้น  จัดสวนหย่อมรอบโบสถ์วัด  จัดสวนหย่อมบริเวณป้ายโรงเรียนและบริเวณป้ายวัดสว่างอารมณ์ ทาสีขอบปูนรอบต้นไม้ใหญ่ 4 ต้น ทาสีขอบปูนสวนหย่อมรอบโบสถ์  ทาสีขอบปูนป้ายโรงเรียนและขอบปูนป้ายวัด รวมถึงการทาสีแป้นบาสเก็ตบอลและโครงเหล็ก 2 แป้น
***  ณรงค์ศักดิ์  แสงสีดำ ส.ปชส.ภูเก็ต/ข่าว  เสงี่ยม  เอียดตน /พิมพ์
------------------------------------
จังหวัดภูเก็ตออกเยี่ยมเยียนมัสยิดนูรุ้ลอิสลาม ตำบลไม้ขาว อำเภอถลาง ช่วงเดือนรอมฏอน ประจำปี 2554

            เมื่อวันที่ 4 ส.ค. 54 ที่บริเวณมัสยิดนูรุ้ลอิสลาม (บ้านบ่อส่อม) หมู่ที่ 4 ต. ไม้ขาว อ. ถลาง นายสมเกียรติ  สังข์ขาวสุทธรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยนายไพบูลย์  อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต นายโกมล  ดุมลักษณ์ กรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย นายบำรุง  สำเภารัตน์  ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในตำบลไม้ขาว ได้เดินทางไปร่วมกิจกรรมถือศีลอดกับผู้นำศาสนาและประชาชน ตลอดจนทั้ง รับฟังปัญหาจากประชาชน เพื่อเป็นการหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาให้แก่ประชาชนในพื้นที่
            นายสมเกียรติ  กล่าวว่า ช่วงนี้ถือเป็นช่วงที่พี่น้องประชาชนที่นับถือศาสนาอิสลามได้ทำความดี ในการอบรมจิตใจ เป็นเดือนแห่งความเมตตา ที่พี่น้องชาวมุสลิมได้ทำความดี สำหรับการออกเยี่ยมเยียนของส่วนราชการในจังหวัดเพื่อเป็นการให้กำลังใจแก่พี่น้องประชาชนที่นับถือศาสนาอิสลาม ตลอดจนเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดี รวมถึงเป็นการสร้างความสามัคคีของคนในจังหวัดและประเทศชาติ ไม่ให้มีความแตกแยกกัน ซึ่งหากประชาชนมีความรัก ความสามัคคีกันแล้ว ก็จะเป็นการช่วยกันพัฒนาประเทศให้เจริญต่อไปได้
*** ณรงค์ศักดิ์  แสงสีดำ ส.ปชส.ภูเก็ต/ข่าว  เสงี่ยม  เอียดตน/พิมพ์
--------------------------------
กรรมาธิการคมนาคมวุฒิสภาติดตามการดำเนินงานท่าอากาศยานภูเก็ต

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 5 สิงหาคม 2554 ที่ห้องประชุมสำนักงานท่าอากาศยานภูเก็ต บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) คณะกรรมาธิการการคมนาคม คณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม นำโดยนาง ภารดี จงสุขธนามณี กรรมาธิการและประธานอนุกรรมาธิการด้านคมนาคมอากาศยาน วุฒิสภา ประชุมติดตามและตรวจสอบการดำเนินงานของท่าอากาศยานภูเก็ต โดยมีนาย นิวิทย์ อรุณรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นาง ธันยรัศม์ อัจฉริยะฉาย ประธานกรรมาธิการการท่องเที่ยว วุฒิสภา นาง ดวงใจ คอนดี ผู้อำนวยการท่าอากาศยานภูเก็ต พร้อมด้วยผู้บริหารท่าอากาศยานภูเก็ต หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง นาย สมบูรณ์ จิรายุส นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
ทั้งนี้ทางท่าอากาศยานภูเก็ต ได้ชี้แจงเกี่ยวกับการพัฒนาท่าอากาศยานภูเก็ต ว่า ท่าอากาศยานภูเก็ตมีเนื้อที่ประมาณ 1,382 ไร่ มีทางวิ่งยาว3,000 เมตร มี 23 หลุมจอด รองรับอากาศยานขึ้น-ลงได้ชั่วโมงละ 20 ลำอาคารผู้โดยสาร เป็นอาคาร 3 ชั้น พื้นที่ 32,500 ตารางเมตร รองรับผู้โดยสารได้ปีละ 6.5 ล้านคน มีพื้นที่ที่จอดรถ พื้นที่ 24,863 ตารางเมตร จอดรถส่วนบุคคลได้ 366 คันและจอดรถบัสได้ 77 คัน อาคารคลังสินค้า พื้นที่ 6,950 ตารางเมตร รับสินค้าได้ปีละ 36,500 ตัน ปริมาณการจราจรทางอากาศเปรียบเทียบระหว่างปี 2552 กับปี 2553 พบว่าเพิ่มขึ้นประมาณ 28% โดยมีเที่ยวบินขึ้นลงประมาณ 46,000 เที่ยว ในขณะที่จำนวนผู้โดยสารซึ่งผ่านสนามบินเทียบระหว่างปี 2552 กับปี 2553 พบว่าเพิ่มขึ้นประมาณ 24% โดยมีจำนวน 4.7 ล้านคน มีสายการบินจำนวน36 สายการบินเป็นสายการบินประจำ 31 สายการบินและเช่าเหมาลำ 5 สายการบิน จำนวน 60 เมือง 23 ประเทศ
            อย่างไรก็ตามจากการเติบโตของผู้โดยสารอย่างต่อเนื่องส่งผลให้เกิดความแออัดของผู้ใช้บริการและเกินขีดความสามารถที่มีอยู่ จึงได้มีการจัดทำโครงการพัฒนาท่าอากาศยานภูเก็ตปี 2552 – 2556 เพื่อลดปัญหาดังกล่าวและสามารถที่จะรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเป็น 12.5 ล้านคน แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 5 ล้านคนต่อปี และผู้โดยสารภายในประเทศ 7.5 ล้านคนต่อปี ภายในปี 2563 และมีหลุมจอดเพิ่มขึ้น จาก 15 หลุมจอด เป็น 25 หลุมจอด มีงานที่จะต้องดำเนินการประกอบด้วย กลุ่มงานที่ 1 ออกแบบทางขับและลานจอดและขยายระบบเติมน้ำมันอากาศยาน กลุ่มงานที่ 2 ก่อสร้างอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ กลุ่มงานที่ 3 ก่อสร้างอาคารจอดรถ และสำนักงาน ทภก.ก่อสร้างอาคารทดแทน และกลุ่มงานที่ 4 ก่อสร้างระบบถนนและสาธารณูปโภคภายในท่าอากาศยานก่อสร้างระบบถนนและสาธารณูปโภคภายในท่าอากาศยาน ซึ่งขณะนี้ทั้งหมดอยู่ระหว่างการดำเนินการ ขณะเดียวกันก็มีการจัดทำโครงการเร่งด่วนเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเพื่อลดปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น เช่น การปรับปรุงห้องน้ำ การเพิ่มจำนวนที่พักรอของผู้โดยสาร เป็นต้น
            ทั้งหลังจากที่ทางคณะกรรมาธิการฯ ได้รับฟังบรรยายสรุปแล้ว ได้มีการเสนอความคิดเห็นและข้อเสนอแนะอย่างกว้างขวาง อาทิ การเพิ่มจำนวนที่นั่งสำหรับผู้โดยสารให้มากขึ้น และควรลดจำนวนร้านค้าที่มีจำนวนมากเกินไป ปัญหาหลุมจอดสำหรับเครื่องบินเช่าเหมาลำที่มีไม่เพียงพอ ปัญหาเรื่องของสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นมลพิษทางเสียง น้ำเสีย หรือขยะ ปัญหาการจราจรภายในท่าอากาศยานและภายนอก ปัญหารถให้บริการทั้งที่ถูกต้องและไม่ถูกต้อง การจัดกิจกรรมช่วยเหลือสังคมที่ควรจะมีความต่อเนื่องและสร้างสรรค์ การชี้แจงข้อมูลของโครงการให้กับประชาชนในชุมชนได้รับทราบ การเพิ่มรันเวย์ การออกแบบอาคารใหม่ควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในท้องถิ่นทั้งภาครัฐ ประชาชนและเอกชนได้มามีส่วนร่วมด้วย เป็นต้น
            อย่างไรก็ตามหลังจากที่ทางผู้บริหารท่าอากาศยานภูเก็ตชี้แจงและตอบข้อซักถามต่างๆ แล้ว นางภารดี กล่าวสรุปว่า ในบางประเด็นที่เป็นปัญหานั้นในส่วนของการท่าฯภูเก็ต ยังไม่สามารถให้ความกระจ่างได้ เนื่องจากการบริหารจัดการจะเป็นการสั่งการมาจากส่วนกลาง เมื่อกลับไปกรุงเทพฯ แล้วจะได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายมาชี้แจงอีกครั้ง เพราะจากข้อปัญหาต่างๆ ที่ได้รับทราบพบว่าเป็นปัญหาที่ค่อนข้างวิกฤตสำหรับภูเก็ต โดยเฉพาะความแออัดของสนามบินซึ่งปัจจุบันเกินขีดความสามารถที่มีอยู่ และจะรายงานผลมาให้ทางจังหวัดภูเก็ตได้รับทราบด้วย 
***สาลินี  ปราบ/สนับสนุนข่าว  ณรงค์ศักดิ์  แสงสีดำ ส.ปชส.ภูเก็ต/ทาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็นทั่วไป