วันพุธที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2555

ข่าวประจำวันที่ 28 มี.ค.55

ชาวบ้านท่าเรือใหม่ร้องศูนย์ดำรงธรรมฯ ภูเก็ตแก้ปัญหาปลาเน่าจากโรงงานปลาป่นส่งกลิ่นเหม็นรบกวนนานนับปี กระทบต่อการท่องเที่ยว และวิถีชีวิตของชาวบ้าน

                เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 28 มี.ค. 55 ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต ชาวบ้านที่ทำงานอยู่ที่คานเรือ รัตนชัยคานเรือ เลขที่ 60/58 ม.7 ถนนท่าเรือใหม่ ต.รัษฎา และที่อาศัยอยู่บริเวณคานเรือดังกล่าว ประมาณ 50 คนนำโดยนางสาวปองจิต เกตุรัตน์ ตัวแทนชาวบ้าน เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายประพันธ์ ขันธ์พระแสง ผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต หลังได้รับความเดือดร้อนจากโรงงานปลาป่นของแพแสงอรุณส่งกลิ่นเหม็นรบกวน
                โดยนางสาวปองจิต กล่าวว่า ตนและชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนจากกลิ่นปลาเน่า ละอองน้ำที่มาจากปล่องควันพร้อมด้วยขี้เขม่าการเผาไม้ฟืนของโรงงานปลาป่นของแพแสงอรุณ ซึ่งการจากการจัดการที่ไม่สมบูรณ์และไม่ถูกสุขลักษณะ นอกจากชาวบ้านแล้วที่ได้รับความเดือดร้อน ยังมีชาวต่างชาติที่นำเรือยอร์ช เรือใบ ไปซ่อมบำรุงที่คานเรือ ก็ได้ทำหนังสือร้องเรียนตำหนิแนบมากับ  หนังสือร้องเรียนดังกล่าวด้วย เหตุดังกล่าวจึงเป็นภาพลักษณ์ที่ไม่ดีต่อการท่องเที่ยวของ จ.ภูเก็ต
                อย่างไรก็ตามชาวบ้านไม่สามารถที่จะทนต่อกลิ่นเหม็นได้ เนื่องจากได้รับความเดือดร้อนมานานนับปีแล้ว ซึ่งปัจจุบันมีกลิ่นเหม็นทุกวัน และรุนแรงกว่าอดีตที่ผ่านมา บางครั้งทำให้ลูกค้าของคานเรือ พนักงานที่ทำงานที่คานเรือเกิดอาการคลื่นไส้ วิงเวียนศีรษะ บางคนโดนละอองน้ำที่ออกมาจากปล่องควันเกิดอาการคันทั้งตัว เป็นผดผื่น นอกจากนี้บนดาดฟ้าเรือยอร์ชและใบเรือหรือตัวเรือที่โดนละอองน้ำจากปล่องควันจะเป็นจุดสีเหลืองๆ คล้ายสนิมจากเหล็กล้างไม่ออก และกลิ่นเน่าเหม็นจะฝังลึกในเนื้อผ้าทำให้เสื้อผ้ามีกลิ่นเหม็น และเท่าที่สังเกตุดูลูกค้าชาวต่างชาติที่เคยนำเรือยอร์ชและเรือใบมาเข้าซ่อมที่คานเรือจะไม่นำเรือมาซ่อมที่คานเรือดังกล่าวอีก ทำให้ผู้ที่ทำงานอยู่ที่คานเรือได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก                ดังนั้นตนและชาวบ้านจึงได้เข้ายื่นหนังสือเพื่อขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตมีคำสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวนี้ช่วยแก้ไขปัญหาให้กับชาวบ้าน โดยขอให้ทางโรงงานปลาป่นแก้ไขปัญหาเรื่องการส่งกลิ่นเหม็นรบก่วนดังกล่าวให้หมด                 ด้านนายประพันธ์  ขันธ์พระแสง ผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต กล่าวกับชาวบ้านว่า ทางจังหวัดจะมีการตั้งคณะกรรมการโดยมีหน่วยงานเกี่ยวข้องลงไปดูแลตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป ซึ่งจะเป็นวันเวลาใดนั้นจะแจ้งให้ทางชาวบ้านทราบอีกครั้ง

---------------------------------------------------------------------------------------------------

จังหวัดภูเก็ตประชุมหน่วยงานเกี่ยวข้องการจัดเก็บข้อมูล จปฐ.ประจำปี 2555 เพื่อนำข้อมูลไปพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน.

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 28 มีนาคมนี้ที่ห้องประชุมเฉลิมพระเกียรติ อ.เมืองภูเก็ตได้มีการจัดประชุมการบริหารจัดเก็บข้อมูล จปฐ.ประจำปี 2555 ขึ้นโดยมี นายวีรวัฒน์ ชื่อเพราะ รักษาการพัฒนาการจังหวัดภูเก็ตเป็นประธาน มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม อาทิ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดภูเก็ต สาธารณะสุข สถาบันการศึกษา ตำรวจ เป็นต้น  โดยในที่ประชุมได้มีการสรุปผลการจัดเก็บข้อมูล จปฐ ประจำปี 2555
          นายวีรวัฒน์ กล่าวถึงการจัดเก็บข้อมูล จปฐ.ว่า เป็นสิ่งที่ประชาชนจะได้รับประโยชน์จากการนำข้อมูลไปวางแผนแก้ไขปัญหาและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกภาคส่วน ฉะนั้นเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องจึงต้องมีความจริงจังในเรื่องของการเก็บข้อมูลนี้ เพื่อให้งานมีคุณภาพมากขึ้น มีการนำไปใช้ประโยชน์มากขึ้นและมีการแก้ไขปัญหาตรงตามความต้องการของประชาชนมากที่สุดซึ่งจะเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลอย่างแท้จริง.
   
-----------------------------------------------------------------------------------------

ภูเก็ตคุมเข้มสถานบริการบาลากู่หลังได้รับร้องเรียนว่าเป็นแหล่งมั่วสุมของเยาวชน

เมื่อเวลา 21.00 น.วันที่ 27 มีนาคมที่ผ่านมา  เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจังหวัดภูเก็ต อำเภอ ตำรวจ สรรพาสามิต ศุลกากร เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ตรวมกว่า 50 นาย นำโดยนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายศุภชัย โพชนุกูล นายอำเภอเมืองภูเก็ต เข้าตรวจสอบสถานบริการในพื้นที่เมืองภูเก็ต ที่ให้บริการสูบยาเส้นปรุงผ่านทางอุปกรณ์การสูบ ที่เรียกว่า บารากู่ หลังได้รับการร้องเรียนเข้ามาอย่างต่อเนื่องว่ามีสถานบันเทิง ร้านอาหาร ให้บริการสูบบารากู่เกิดขึ้นหลายแห่ง
             โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบสถานบริการในพื้นที่เมืองภูเก็ตเพียง 3 แห่งเท่านั้น เนื่องจากพบว่ามีหลายร้านไหวตัวทัน และปิดร้านหนี โดยผลการตรวจสอบ พบอุปกรณ์การสูบ  และจากการตรวจปัสสาวะของผู้เข้าใช้บริการ พบมีฉี่สีม่วง 3 คน  อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบสถานบริการทั้ง 3 แห่ง เจ้าหน้าที่ได้เก็บอุปกรณ์การเสพต่างๆ ภายในร้านเพื่อไว้ตรวจสอบหาสาเสพติดต่อไป และบางร้านยังได้มีการแจ้งข้อหาและสั่งปิดร้าน ฐานมีสินค้าหลบหนีศุลกากร สินค้าต้องห้าม ห้ามนำเข้าโดยไม่ผ่านศุลกากร และเป็นแหล่งมั่วสุมเสพยาเสพติดภายในร้าน ซึ่งเป็นความผิดตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 132
              รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ปัจจุบันมีสถานบริการต่างๆ ที่ไม่เข้าข่ายสถานบันเทิง เปิดให้บริการแก่เด็กและเยาวชนเข้าไปใช้บริการสูบยาเส้นปรุงรสผ่านอุปกรณ์ บารากู่ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตไม่ต่ำกว่า 20 แห่ง เฉพาะในเขตพื้นที่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต มีมากกว่า 10 แห่ง ซึ่งกลายเป็นสถานที่มั่วสุมสำหรับเด็กและเยาวชนในพื้นที่  สำหรับอุปกรณ์บารากู่นั้นยังไม่มีกฎหมายควบคุม แต่ก็มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องที่สามารถดำเนินการได้ เช่น กฎหมายสรรพสามิตเกี่ยวกับการนำเข้ายาเส้น ซึ่งไม่อนุญาตให้มีการนำเข้า ประกอบกับในปัจจุบันมีกฎหมายห้ามการสูบบุหรี่ยาสูบในสถานบริการ สถานบันเทิง หรือสถานที่สาธารณะต่างๆ รวมไปถึงการจำหน่ายเหล้า และบุหรี่ ให้แก่เด็กและเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ถือเป็นความผิดตามกฎหมาย ซึ่งทางจังหวัดจะใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องเข้ามาดำเนินการกับสถานประกอบการเหล่านี้ ในขั้นแรกจะดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้ทราบก่อน หลังจากนั้นก็จะดำเนินการจับกุมตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป หากพบว่ายังมีการให้บริการอยู่ หลังจากมีการประชาสัมพันธ์เตือนไปแล้ว ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้มีในเรื่องของการเสพยาบ้า ยาไอซ์ตามมา.

---------------------------------------------------------------------------

รองผู้ว่าฯ ภูเก็ต นำเจ้าหน้าที่ลุยตรวจจับสถานบริการที่ให้บริการสูบบารากู่ 3 แห่ง ในพื้นที่เมือง พบฉี่สีม่วง 3 ราย รับเสพยาไอซ์
                เมื่อเวลา 21.00 น.วันที่ 27 มี.ค.เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจังหวัด อำเภอเมืองภูเก็ต ตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต สรรพาสามิตร ศุลกากร เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต กว่า 50 นาย นำโดยนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายศุภชัย โพชนุกูล นายอำเภอเมืองภูเก็ต ได้เข้าตรวจสอบสถาน บริการในพื้นที่เมืองภูเก็ต ที่ให้บริการสูบยาเส้นปรุงผ่านทางอุปกรณ์การสูบ ที่เรียกว่า บารากู่ หลังได้รับการร้องเรียนเข้ามาอย่างต่อเนื่องว่ามีสถานบันเทิง ร้านอาหาร ให้บริการสูบบารากู่เกิดขึ้นหลายแห่ง                โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการตรวจสอบสถานบริการในพื้นที่เมืองภูเก็ตเพียง 3 แห่งเท่านั้น เนื่องจากพบว่ามีหลายร้านไหวตัวทัน และปิดร้านหนี โดยร้านแรกที่เข้าตรวจสอบคือร้านเขียวตอง  ผลการตรวจสอบ พบอุปกรณ์การสูบ  และจากการตรวจปัสสาวะของผู้เข้าใช้บริการ พบมีฉี่สีม่วง 2 คน เป็นชาย 1 คน หญิง 1 คน สอบถามรับว่าได้เสพยาไอซ์                 ร้านถัดไปคือ มังกี้แฮบ ก็สามารถตรวจสอบพบอุปกรณ์การสูบ และพบเยาวชนชายที่เข้าใช้บริการภายในร้านมีปัสสาวะเป็นสีม่วง 1 คน  และร้านสุดท้ายคือร้าน ม.สำราญ ซึ่งอยู่ระหว่างเก็บโต๊ะเตรียมปิดให้บริการ แต่จากการเข้าตรวจสอบภายในร้าน พบอุปกรณ์การเสพ บารากู ที่เพิ่งนำออกมาให้บริการใหม่ๆ ยังร้อนๆ อยู่ แต่ไม่พบผู้เข้าใช้บริการ                 อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบสถานบริการทั้ง 3 แห่ง เจ้าหน้าที่ได้เก็บอุปกรณ์การเสพต่างๆ ภายในร้านเพื่อไว้ตรวจสอบหาสาเสพติดต่อไป โดยเฉพาะในส่วนของร้านเขียวตอง ยังได้มีการแจ้งข้อหาและสั่งปิดร้าน ฐานมีสินค้าหลบหนีศุลกากร สินค้าต้องห้าม ห้ามนำเข้าโดยไม่ผ่านศุลกากร และเป็นแหล่งมั่วสุมเสพยาเสพติดภายในร้าน ซึ่งเป็นความผิดตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 132                 ขณะที่ในส่วนของผู้ที่ตรวจพบสารเสพติดในร่างกายได้นำตัวไปทำประวัติ ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองภูเก็ต เพื่อเข้าสู่ระบบบำบัดแบบสมัครใจ แต่ถ้าไม่สมัครใจก็จะถูกดำเนินคดีข้อหาเสพยาเสพติดต่อไป                 นายจำเริญ กล่าวว่า ปัจจุบันมีสถานบริการต่างๆ ที่ไม่เข้าข่ายสถานบันเทิง เปิดให้บริการแก่เด็กและเยาวชนเข้าไปใช้บริการสูบยาเส้นปรุงรสผ่านอุปกรณ์ บารากู่ ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตไม่ต่ำกว่า 20 แห่ง เฉพาะในเขตพื้นที่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต มีมากกว่า 10 แห่ง ซึ่งกลายเป็นสถานที่มั่วสุมสำหรับเด็กและยาวชนในพื้นที่       
                สำหรับอุปกรณ์บารากู่นั้นยังไม่มีกฎหมายควบคุม แต่ก็มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องที่สามารถดำเนินการได้ เช่น กฎหมายสรรพสามิตเกี่ยวกับการนำเข้ายาเส้น ซึ่งไม่อนุญาตให้มีการนำเข้า ประกอบกับในปัจจุบันมีกฎหมายห้ามการสูบบุหรี่ยาสูบในสถานบริการ สถานบันเทิง หรือสถานที่สาธารณะต่างๆ รวมไปถึงการจำหน่ายเหล้า และบุหรี่ ให้แก่เด็กและเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ถือเป็นความผิดตามกฎหมาย ซึ่งทางจังหวัดจะใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องเข้ามาดำเนินการกับสถานประกอบการเหล่านี้ ในขั้นแรกจะดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้ทราบก่อน หลังจากนั้นก็จะดำเนินการจับกุมตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป หากพบว่ายังมีการให้บริการอยู่ หลังจากมีการประชาสัมพันธ์เตือนไปแล้ว                การใช้อุปกรณ์สำหรับสูบยาเส้นปรุงรสที่เรียกว่า บารากู่ โดยวิธีการสูบนั้นจะใช้ถ่านหรือความร้อนจากไฟฟ้าเผายาเส้นผสมกับน้ำผึ้ง หรือกากน้ำตาลและผลไม้ ดอกไม้ตากแห้ง เพื่อให้มีกลิ่นและรสชาติต่างๆ เช่น แอปเปิล สตรอเบอร์รี เชอร์รี องุ่น มะม่วง กาแฟ วานิลลา มะนาว กุหลาบ รวมไปถึงสมุนไพรต่างๆ เพื่อให้เกิดกลิ่นหอม ซึ่งขณะนี้กำลังเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นและแพร่ระบาดในสถานบันเทิง สถานที่ท่องเที่ยวหรือหอพักต่างๆ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดำเนินการปราบปรามและป้องกันเพื่อให้เด็กและ เยาวชนเข้าไปเกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันไม่ให้มีในเรื่องของการเสพยาบ้า ยาไอซ์ตามมา นายจำเริญ กล่าวในที่สุด
-----------------------------------------------------------------------------
กงสุลฯ จีนประจำสงขลาหารือผู้ว่าฯ ย้ายสถานกงสุลมาประจำภูเก็ต
                วันนี้(28 มี.ค.55) มร.ซู หมิงเหลียง (Mr.Xu Mingling) กงสุลสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำสงขลา เข้าเยี่ยมคาระวะนายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ที่ห้องทำงาน ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต เพื่อแนะนำตัว เนื่องจากเพิ่งเข้ารับตำแหน่งดังกล่าว และเพื่อหารือเรื่องการตั้งสถานกงสุลจีนแห่งใหม่ มีนายตัน จี เคียง และนางสาวเบญจาภา ทับทอง หัวหน้าสำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราวจังหวัดภูเก็ต ร่วมให้การต้อนรับ                กงสุลสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำสงขลา กล่าวว่า การเข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ในวันนี้เพื่อมารายงานตัว เนื่องจากเพิ่งเข้ารับตำแหน่ง เพื่อปรึกษาหารือเรื่องการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างภูเก็ตกับกงสุลจีน ซึ่งขณะนี้คณะจากจีนที่มาทางภาคใต้ ส่วนใหญ่จะมาภูเก็ต ไม่ได้ไปที่สงขลาหรือหาดใหญ่ ปีนี้มีนักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวประเทศไทย โดยเฉพาะที่ จ.ภูเก็ต จำนวนมาก โดยปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวจีนมาภูเก็ตประมาณ 5000,000 คน ก็เกิดปัญหามากมาย แต่ว่ากงสุลจีน ซึ่งอยู่ห่างจากภูเก็ตหลายกิโลเมตร ทำให้การประสานงานมีความลำบาก ซึ่งต่อไปต้องศึกษาว่าจะสร้างกงสุลแห่งใหม่ที่ภูเก็ตหรือว่าที่หาดใหญ่ เนื่องจากอาคารกงสุลจีนปัจจุบัน เช่ามาประมาณ 20 ปีแล้ว อาคารค่อนข้างเก่าแก่ ไม่เหมาะสมกับสถานะของประเทศจีน                 กงสุลฯ จีนประจำสงขลา กล่าวอีกว่า ถ้าภูเก็ตสามารถเสนอที่ดินประมาณ 5 ไร่ให้ได้เราก็มั่นใจมากที่จะมาสร้าง ซึ่งถ้าย้ายมาสร้างที่ภูเก็ต จะทำให้มีความสะดวกง่ายต่อการประสานต้อนรับคณะจากจีนก็จะมีความสะดวกยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวชาวจีนจากที่เดินทางเข้ามาประมาณ 500,000 คนต่อปี ก็จะเดินทางเข้ามาภูเก็ตมากขึ้นอีก อย่างไรก็ตามทางกงสุลจีนพยายามทำงานต่อไปเพื่อดึงนักธุรกิจ นักท่องเที่ยวมาท่องเที่ยว และลงทุนที่ภูเก็ต                 นอกจากนี้กงสุลฯ ยังได้กล่าวถึงป้ายภาษาจีน ว่าจากการลงดูตามสถานที่ต่างๆ พบว่าจะไม่มีป้ายภาษาจีน จะมีเฉพาะภาษาไทยกับภาษาอังกฤษ ซึ่งแตกต่างกับที่กรุงเทพฯ มีทั้งป้ายภาษาไทย ภาษาอังกฤษและภาษาจีน จึงอยากให้ทางจังหวัดจัดให้มีป้ายในส่วนของภาษาจีนด้วย โดยเฉพาะป้ายเตือนภัย ทั้งที่สนามบินนานาชาติภูเก็ต และตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ                 ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ในเรื่องสถานที่ที่จะสร้างสถานกงสุลนั้นขอให้รัฐบาลจีนทำเรื่องขอมา ทางจังหวัดอาจจะให้เช่าที่แปลงของธนารักษ์ ซึ่งตนก็มองว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะถ้ามีกงสุลจีนที่ภูเก็ต เมื่อเกิดปัญหากับนักท่องเที่ยวก็สามารถช่วยเหลือได้ทันท่วงที ขณะที่ในเรื่องของป้ายภาษาจีน ตนจะนำเข้าที่ประชุมหน่วยงานเกี่ยวข้องเพื่อรีบดำเนินการให้ 
--------------------------------------------------------------------------------------------------
จังหวัดภูเก็ตกำหนดมาตรการในการป้องกันไฟป่าและควบคุมหมอกควัน
            นางสาวสมหมาย  ปรีชาศิลป์  รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า ด้วยปรากฏว่าฤดูแล้งของทุกปี มักจะเกิดไฟป่าขึ้นเป็นประจำโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งสาเหตุประการหนึ่งเกิดจากการเผาเพื่อเตรียมพื้นที่การเกษตร หาของป่าแล้วไฟลุกลาม ทำความเสียหายต่อทรัพยากรป่าไม้เป็นจำนวนมาหศาล ทำให้ภาครัฐต้องสูญเสียงบประมาณในการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ เครื่องมือ เครื่องใช้และยานพาหนะเพื่อเข้าดำเนินการระงับดับไฟป่าเป็นจำนวนมาก
               ดังนั้นเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการป้องกันมิให้เกิดความเสียหายจากไฟป่าดังกล่าว ทั้งให้ราษฎรได้มีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า กรมป่าไม้จึงกำหนดมาตรการในการป้องกันไฟป่า ประกอบด้วย เมื่อมีความจำเป็นต้องเผาวัชพืชในที่ดินทำกิน ขอความร่วมมือให้ราษฎรผู้ครอบครองที่ดินดังกล่าว จัดทำแนวกันไฟและควบคุมไฟมิให้ลุกลามไปยังพื้นที่อื่น ๆ โดยให้ประสานงานกับหน่วยส่งเสริมการควบคุมไฟป่าท้องที่ หรือหน่วยป้องกันรักษาป่าท้องที่หรือหน่วยงานภาคสนามของกรมป่าไม้ที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อจัดกำลังเจ้าหน้าที่คอยควบคุมในการดำเนินการต่อไป อีกทั้งขอความร่วมมือราษฎร  เมื่อพบเห็นไฟไหม้ป่าบริเวณใดให้ช่วยกันดับไฟโดยเร็ว เพื่อมิให้ไปขยายเป็นวงกว้าง ถ้ากรณีไฟรุนแรงไม่สามารถดับได้ให้รีบแจ้งและประสานงานศูนย์ส่งเสริมการควบคุมไฟป่าท้องที่, หน่วยส่งเสริมการควบคุมไฟป่าท้องที่, หน่วยป้องกันรักษาป่าท้องที่หรือสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ โทรศัพท์ 02-5620702 เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้เข้าไปดำเนินการดับไฟได้ทันการณ์
                  ทั้งนี้การจุดไฟเผาป่าหรือปล่อยให้ไฟลุกลามเข้าไปในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ หรือพื้นที่ป่าตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มีความผิดตาม 1) พรบ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14 ต้องระวางโทษตามมาตรา 31 จำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 5
,000 บาทถึง 50,000 บาท ในกรณีบุคคลใดเผาป่าเป็นเนื้อที่เกิน 25 ไร่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 ปี ถึง 15 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 150,000 บาท  และมีความผิดตาม 2) พรบ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 54 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ในกรณีบุคคลใดเผาป่าเป็นเนื้อที่เกิน 25 ไร่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 15 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000 บาท ถึง 100,000 บาท
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
อบจ.ภูเก็ตประชุมคณะอนุกรรมการช่วยเหลือการปฏิบัติงานการเลือกตั้งนายกฯ คาดมีผู้มาใช้สิทธิไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70

               วันนี้ (28 มี.ค.55) ที่โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายมานพ ลีลาสุธานนท์ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ในฐานะผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการประชุมคณะอนุกรรมการช่วยเหลือการปฏิบัติงานการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต  ทั้งนี้เพื่อทำความเข้าใจถึงขั้นตอนต่างๆ เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยมีคณะอนุกรรมการจากหน่วยงานเกี่ยวข้องเข้าร่วม                นายมานพ กล่าวว่า จากการเปิดรับสมัครรับเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ในระหว่างวันที่ 5-9 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้มีผู้สนใจลงสมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.ภูเก็ต จำนวน 2 คน ได้แก่ นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ หมายเลข 1 และนายชยต วิสารทพงศ์ หมายเลข 2
                สำหรับการเตรียมการเลือกตั้งขณะนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งมีหน่วยเลือกตั้งทั่วจังหวัดภูเก็ตทั้งหมด จำนวน 357 หน่วย ใน 3 อำเภอ  คืออำเภอเมือง 206 หน่วย อำเภอกะทู้ 58 หน่วย และอำเภอถลาง 93 หน่วย                 อย่างไรก็ตาม คาดว่าการเลือกตั้งนายก อบจ.ภูเก็ต ในครั้งนี้ จะมีประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 โดยทาง อบจ.ภูเก็ต ได้ดำเนินการรณรงค์ จัดทำป้ายประชาสัมพันธ์ จัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิใช้เสียงให้มากที่สุด จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดภูเก็ต ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.ภูเก็ต ในวันที่ 7 เม.ย.2555 เวลา 08.00-15.00

-------------------------------------------------------------------------------------------------------

ภูเก็ตจัดโครงการ DD ดื่มไม่ขับพาเพื่อนกลับบ้าน รณรงค์ความปลอดภัยทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์

            เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (28 มี.ค. 55) ที่ห้องประชุมสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต นายแพทย์วิวัฒน์  ศีต
มโนชญ์  รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนจังหวัดภูเก็ต โดยมีนายสันต์  จันทรวงศ์  ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดภูเก็ต พร้อมส่วนราชการ ภาคเอกชน ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม
          นายแพทย์วิวัฒน์  กล่าวว่า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ได้ดำเนินโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนจังหวัดภูเก็ต ภายใต้การสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการส่งเสริมสุขภาพ (สสส. )เพื่อให้เกิดเครือข่ายการทำงานแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุจราจรของจังหวัดภูเก็ตและสามารถพัฒนาระบบข้อมูลและนำข้อมูลไปสู่การแก้ไขปัญหา ทั้งนี้การประชุมครั้งนี้เพื่อขับเคลื่อนนโยบายเมาแล้วขับจังหวัดภูเก็ตและร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กลยุทธ์ กลวิธีในการลดอุบัติเหตุจราจร
          นายแพทย์วิวัฒน์  กล่าวต่ออีกว่า ทาง สสจ. ภูเก็ตและภาคเครือข่ายเตรียมจัดโครงการ Designated Driver (D.D) Hero Project เพื่อรณรงค์ ประชาสัมพันธ์ลดอุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับจังหวัดภูเก็ต อีกทั้งรณรงค์ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ตามแนวคิด สงกรานต์ปลอดภัย ตายเป็นศูนย์ จึงจะดีเดย์ในวันที่ 11 เมษายน 2555 พร้อมทั้งจะมีการบันทึกความร่วมมือขององค์กรภาคีเครือข่ายด้านความปลอดภัยทางถนนด้วย

-------------------------------------------------------------------------------------------------------

ภูเก็ตเร่งปรับแผน ป้องกัน แก้ไขปัญหายาเสพติด เน้นสอดคล้องกับงบประมาณและตัวชี้วัด

            เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ ( 28 มี.ค. 55) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายประเจียด  อักษรธรรมกุล หัวหน้าสำนักงานจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการบูรณาการจัดทำแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด จังหวัดภูเก็ต โดยมีส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
          สำหรับวาระการประชุมที่สำคัญ มีการพิจารณาการปรับเปลี่ยนแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดปี 2555 การจัดสรรงบประมาณและเป้าหมายตัวชี้วัด
          นายประเจียด  กล่าวว่า การปรับแปนป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด โดยยึดเป้าหมาตามตารางสรุปเป้าหมาย เป็นกรอบในการดำเนินงาน และให้บูรณาการงบประมาณจากทุกแหล่ง ประกอบด้วย งบสำนักงาน ปปส. งบส่วนราชการอื่น  งบพัฒนาจังหวัดและงบองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
          อย่างไรก็ตาม แผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ประจำปี 2555 ตามยุทธศาสตร์ พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด ในส่วนของจังหวัดภูเก็ตได้มีการดำเนินการตามแผนโครงการ กิจกรรมในรอบ 6 เดือน มีความคืบหน้าไปมาก และมีการรายงานอย่างต่อเนื่อง และจะมีการปรับแผนปฏิบัติการเพื่อให้สอดคล้องกับงบประมาณด้วย  
------------------------------------------------------------------------------------------------------

อบจ. ภูเก็ตรับฟังความคิดเห็นประชาชน พัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็กให้เพียงพอ  ตามโครงการ 1 แหล่งน้ำ 1  ตำบล

                    เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (28 มี.ค. 55)  ณ ห้องจามจุรี 2 โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต   นาย มานพ ลีลาสุธานนท์ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ 1 แหล่งน้ำ 1 ตำบล จังหวัดภูเก็ต โดยมีตัวแทนจากส่วนราชการต่างๆ  ผู้บริหารปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดภูเก็ตในจังหวัดภูเก็ต เข้าร่วม
                   นายมานพ  กล่าวว่า เนื่องจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต และโครงการชลประทานภูเก็ตมักได้รับเรื่องร้องเรียนของโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็กจากเทศบาล / องค์การบริหารส่วนตำบลต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตแต่ละปีเป็นจำนวนมากโดยส่วนใหญ่ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำสำหรับการอุปโภค- บริโภค และการเกษตร ร่วมทั้งปัญหาน้ำท่วมเป็นประจำทุกปี ทั้งนี้องค์การบริหารส่วนจังหวัด ภูเก็ต ร่วมกับ โครงการชลประทานภูเก็ตได้ พิจารณาโครงการ การช่วยเหลือโดยการสร้างพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็ก ให้เพียงพอ ครอบคลุมทุกตำบลในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเพื่อให้เป็นแหล่งน้ำของชุมชน/ ตำบลไว้ใช้สำหรับการอุปโภค บริโภค และการเกษตรในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ได้อย่างทั่วถึงและเพียงพอ รวมทั้งเพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมขังในช่วงฤดูฝนอีกทางหนึ่งด้วย ดังนั้นจึงมีนโยบายร่วมกันในการดำเนินการ โครงการ “ 1 แหล่งน้ำ 1 ตำบล” ขึ้นเพื่อนำเสนอข้อมูลรายละเอียดของแผนการศึกษาและรับฟังข้อคิดเห็นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและหน่วยงานในพื้นที่ และจะนำความคิดเห็นรวบรวมไปประกอบการสำรวจ ออกแบบ  ประมาณราคาก่อสร้างโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งและปัญหาน้ำท่วมต่อไป


------------------------------------------------------------------------------------------------------

อบจ. ภูเก็ต จับมือโครงการชลประทานภูเก็ต จัดโครงการคลองสวยน้ำใส มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการน้ำสู่การท่องเที่ยวที่ยั่งยืน

              วันนี้ (28 มี.ค. 55) เวลา 08.00 น. ณ ห้องจามจุรี 2 โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต   นาย มานพ  ลีลาสุธานนท์ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ คลองสวยน้ำใสโดยมีตัวแทนจากส่วนราชการต่าง ๆ ในจังหวัดภูเก็ต เข้าร่วม
               นายมานพ  กล่าวว่า ด้วยความเสื่อมโทรมของคุณภาพน้ำในลำคลองต่างๆ ที่อยู่ในเขตชุมชนหนาแน่นในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งมีที่มาของปัญหาคุณภาพน้ำอันเกิดจากคลองเป็นที่รองรับน้ำเสียและของเสียจากแหล่งกำเนิดต่างๆ ทั้งจากบ้านเรือน แหล่งชุนชน และสถานที่ประกอบการมายังแหล่งน้ำโดยไม่ได้รับการบำบัด ส่งผลทำให้ไม่สามารถนำน้ำมาใช้ประโยชน์เพื่อการอุปโภคและบริโภคได้ อย่างเต็มประสิทธิภาพ อีกทั้งยังทำให้สูญเสียความสวยงามของทัศนียภาพของชุมชนริมฝั่งลำน้ำที่เหมาะในการส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางน้ำได้ ประกอบกับคูคลองในปัจจุบันส่วนใหญ่มีความตื้นเขิน เมื่อถึงช่วงฤดูฝนยังไม่สมารถระบายน้ำไม่ทันท่วงทีจึงทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมให้พื้นที่เกิดแก่ชุมชนเป็นประจำทุกปี
              องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตจึงได้ร่วมกับ โครงการชลประทานภูเก็ต ดำเนินนโยบายเชิงรุก เพื่อการฟื้นฟูนโยบายเชิงรุก เพื่อการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ลุ่มน้ำทั้งจังหวัดในการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการน้ำและการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนบริเวณคลองต่าง ๆ ในพื้นที่ อีกทั้งเพื่อจัดทำแผนแม่บทซึ่งจะเป็นแนวทางในการลดผลกระทบของชุมชนที่ประสบปัญหาด้านคุณภาพน้ำ ปัญหาน้ำเพื่อการอุปโภคและบริโภคและปัญหาน้ำท่วมได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ  อีกทั้งพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนันทนาการแก่นักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่ได้อีกทางหนึ่ง

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ29 มีนาคม 2555 เวลา 21:22

    ขอบคุณมากนะคะ ที่เข้าร่วมประชุมและนำเสนอข่าว

    ตอบลบ

ความคิดเห็นทั่วไป