เกษตรจังหวัดภูเก็ตจับมือจังหวัดจันทบุรีแก้ไขปัญหาผลไม้ภาคตะวันออกปี 2554 จัดงาน ผลไม้ไทย ผลไม้ดีมีที่ตะวันออกสู่ภูเก็ต 17-19 มิถุนายนนี้ ที่ปลายแหลมสะพานหิน
นายวินัย ขวัญแก้ว เกษตรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ด้วยจังหวัดภูเก็ต โดยสำนักงานเกษตรจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับจังหวัดจันทบุรี ดำเนินงานโครงการป้องกันแก้ไขปัญหาผลไม้ภาคตะวันออก ปี 2554 เพื่อประชาสัมพันธ์ให้คนไทย ชาวต่างชาติ สนใจผลไม้ไทยและส่งเสริมการขายให้กับเกษตรกร เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ตในภาพรวมด้วย จึงได้กำหนดจัดงาน “ผลไม้ไทย ผลไม้ดีมีที่ตะวันออก สู่ภูเก็ต” ในระหว่างวันที่ 17-19 มิถุนายนนี้ ที่บริเวณลานอเนกประสงค์ปลายแหลมสะพานหิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยจะมีการนำผลไม้ชนิดต่างๆ จากจังหวัดภาคตะวันออกมาจำหน่าย เช่น ทุเรียน เงาะ มังคุด ลองกอง เป็นต้น รวมวันละประมาณ 10 ตัน นอกจากนี้ยังมีสินค้าจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนจังหวัดภูเก็ต สินค้าเกษตรปลอดภัย และอาหารพื้นเมือง รวมทั้งการประกวด/แข่งขัน และการแสดงต่างๆ ตลอดงาน คาดว่าจะมีผู้มาร่วมงานทั้งคนไทยและต่างชาติไม่ต่ำกว่า 1,500 คน
“ภาคตะวันออก เป็นแหล่งผลิตผลไม้ที่สำคัญของประเทศไทย ผลไม้เศรษฐกิจที่สำคัญ คือ ทุเรียน เงาะ มังคุดและลองกอง โดยจังหวัดที่เป็นแหล่งผลิตสำคัญ ได้แก่ จันทบุรี ตราดและระยอง มีการจำหน่ายทั้งภายในประเทศและส่งออก นำรายได้สู่ประเทศไทยมากกว่าหมื่นล้านบาทต่อปี โดยผลผลิตจะเริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงสิงหาคมของแต่ละปี ซึ่งจะมีช่วงเวลาที่ผลผลิตออกพร้อมกันหรือช่วงผลไม้กระจุกตัว ประมาณ 20-30 วัน ทำให้ผลผลิตมีมากเกินความต้องการของผู้บริโภค และเกินกำลังของกลไกตลาดปกติที่จะรองรับได้ ทำให้เกิดปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำเกือบทุกปี ซึ่งในปี 2554 คาดว่าจะมีผลผลิต ผลไม้ทั้ง 4 ชนิด รวมทั้งสิ้น 758,857 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วซึ่งมีผลผลิตรวม 732,715 ตัน ร้อยละ 3.44 แบ่งเป็น ทุเรียน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ร้อยละ 6.40 มังคุด ลดลงจากปีที่ผ่านมา ร้อยละ 11.56 เงาะ เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ร้อยละ 8.08 และลองกอง เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ร้อยละ 3.40”
นายวินัย กล่าวว่า แนวโน้มผลผลิตในปี 2554 เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาเล็กน้อย และผลไม้หลายชนิดออกสู่ตลาดมากในช่วงเวลาเดียวกัน ประกอบปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจอื่นๆ เช่น ค่าครองชีพสูง เศรษฐกิจโลกตกต่ำอาจส่งผลกระทบต่อการตลาดและราคาผลไม้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ผลไม้ออกพร้อมๆ กัน หรือช่วงผลไม้กระจุกตัว อาจเกิดปัญหาผลผลิตล้นตลาดและราคาตกต่ำขึ้น จึงจำเป็นต้องมีการบริหารจัดการผลผลิตผลไม้ให้กระจายสู่ตลาดต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างเหมาะสมและรวดเร็ว ซึ่งการจัดงาน “ผลไม้ไทย ผลไม้ดีมีที่ตะวันออก สู่ภูเก็ต” เป็นแนวทางหนึ่งในการที่จะกระจายผลผลิตออกจากแหล่งผลิตในช่วงผลผลิตกระจุกตัวแล้ว ยังจะเป็นการเพิ่มตลาดในการจำหน่ายผลผลิตให้กับเกษตรกร เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตได้อีกทางหนึ่งด้วย
***สารภี ศรีธรรมรัตน์ /สนับสนุนข่าว ณรงค์ศักดิ์ แสงสีดำ ส.ปชส.ภูเก็ต/ทาน
-----------------------------------------
กลุ่มฉลองก้าวใหม่ เปิดศูนย์อำนวยการกลุ่มฉลองก้าวใหม่ภายใต้สโลแกน “สร้างสรรค์สิ่งใหม่ แก้ไขปัญหา รักษาสิ่งดี ”
เมื่อเวลา 09.00 น. วันพุธที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2554 ที่ศูนย์อำนวยการการเลือกตั้ง กลุ่มฉลองก้าวใหม่ ตรงข้ามกับสถานีตำรวจภูธรฉลอง นายสำราญ จินดาพล หัวหน้ากลุ่มฉลองก้าวใหม่ เป็นประธานเปิดศูนย์อำนวยการกลุ่มฉลองก้าวใหม่ “สร้างสรรค์สิ่งใหม่ แก้ไขปัญหา รักษาสิ่งดี” (กลุ่มที่จัดตั้งขึ้นเพื่อรองรับการเลือกตั้งฯ ผู้นำท้องถิ่น อบต.ฉลอง)โดยมี สมาชิกกลุ่มฉลองก้าวใหม่ ตลอดจนผู้สนับสนุน และประชาชนทั่วไปเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
นายสำราญ กล่าวว่า สาเหตุที่ได้เสนอตัวอาสาเข้ามาพัฒนาเพื่อทำงานด้านการเมืองท้องถิ่นให้กับตำบลฉลองนั้น มาจากปัจจัยหลาย ๆ ด้านด้วยกัน อาทิ ทางกลุ่มฉลองก้าวใหม่ มีความพร้อม และมีความตั้งใจที่จะพัฒนาตำบลฉลองให้มีคุณภาพที่ดี มองเห็นปัญหาต่าง ๆ ในพื้นที่ตำบลฉลองในห้วงเวลาที่ผ่านมา เช่น โครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณูปโภค (เรื่องของถนน คูระบายน้ำ ไฟฟ้าแสงสว่าง น้ำประปา รวมถึงการเก็บขยะ) และด้านสังคม ขณะเดียวกันก็มีการส่งเสริมให้มีการลงทุนจาก ผู้ประกอบการ ธุรกิจต่างๆ และเป็นสิ่งที่สร้างรายได้ให้คนในท้องถิ่น ตลอดจนด้านการเมือง และการบริหารองค์กร หากทำดีจะทำให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ บุคลากรใน อบต.ฉลอง ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้กลุ่มสมาชิกชาวฉลองก้าวใหม่มีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะอาสาประชาชนชาวฉลองเข้าไปทำหน้าที่แก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น รวมถึงสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับชาวตำบลฉลอง แต่สิ่งไหนที่ดีงามจะเก็บรักษาเอาไว้ให้อยู่กับชุมชนฉลองต่อไป
นายสำราญ กล่าวเพิ่มเติมว่า กลุ่มชุมชนฉลองก้าวใหม่ จัดขึ้นภายใต้สโลแกน “สร้างสรรค์ สิ่งใหม่ แก้ไขปัญหา รักษาสิ่งดี” มีความตั้งใจให้ประชาชนชาวตำบลฉลองมีความสุขประกอบด้วย ความสุขจากการมีสุขภาพที่แข็งแรง เด็ก ๆ เยาวชนจะต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่มีกิจกรรม มีกีฬา ที่เหมาะสมในช่วงวัย โดยคนวัยทำงาน คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ หัวหน้าครอบครัว แม่บ้านจะต้องได้ความรู้เพื่อสร้างเสริมสุขภาพอย่างทั่วถึง ส่วนผู้สูงอายุจะต้องมีเจ้าหน้าที่ดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด และจริงจัง รวมถึงความสุขจากการมีครอบครัวที่อบอุ่น ความสุขจากจากการมีสภาพแวดล้อมที่ดี เช่น ถนนหนทาง ตรอก ซอก ซอย
ต่าง ๆ มีสภาพที่ดี มีความปลอดภัย และมีระบบไฟฟ้าแสงสว่างทั่วถึง ให้ความสำคัญในการประกอบธุรกิจที่ไม่กระทบสิทธิและเสรีภาพของผู้อื่น
“อย่างไรก็ตามการเลือกตั้งผู้นำท้องถิ่น ตำบลฉลองที่จะมาถึงในอนาคตข้างหน้านี้ เป็นการเลือกว่า จะให้ใครมาเป็นผู้นำฉลองบ้านเราไปในทิศทางไหน สำหรับกลุ่มฉลองก้าวใหม่มีความยินดีและอาสารับใช้ประชาชนชาวตำบลฉลองทุกคน ทั้งหมดนี้เพื่อเป็นการพัฒนาตำบลฉลองต่อไป ” นายสำราญ กล่าว
***สิรินทร สินอนันต์ ข่าว/พิมพ์/ภาพ ณรงค์ศักดิ์ แสงสีดำ ส.ปชส.ภูเก็ต/ทาน
--------------------------------------
กองกำลังทหารพรานจังหวัดชายแดนภาคใต้รับสมัครอาสาสมัครทหารพรานหญิงและชาย ภาคใต้ 956 อัตรา
พ.อ.ภูมินทร์ ชุมช่วย เสธ.กกล. ทพ.จชต. (เสนาธิการกองกำลังทหารพรานจังหวัดชายแดนภาคใต้) ทำการแทน ผบ.กกล.ทพ.จชต. (ผู้บังคับการกองกำลังทหารพรานจังหวัดชายแดนภาคใต้) เปิดเผยว่า มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2554 อนุมัติให้ จัดตั้งกรมทหารพรานเพิ่มเติมจำนวน 5 กรม และ 5 หมวดทหารพรานหญิง เพื่อทดแทนกำลังทหารหลักในการแก้ไขปัญหาความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยจัดตั้งเพิ่มเติมให้กับกองทัพภาคที่ 4 จำนวน 2 กรมทหารพราน (กรมทหารพรานที่ 48 และ 49) และ 2 หมวดทหารพรานหญิง (หมวดทหารพรานหญิงที่ 45 และ 46 ) โดย กรมทหารพรานที่ 48 , หมวดทหารพรานหญิงที่ 45 มีที่ตั้งปกติ ณ ค่ายเขตอุดมศักดิ์ อ. เมือง จ. ชุมพร ส่วนกรมทหารพรานที่ 49 , หมวดทหารพรานหญิงที่ 46 มีที่ตั้งปกติ ณ ค่ายรัตนรังสรรค์ อ. เมือง จ. ระนอง
ทั้งนี้ในส่วนของกรมทหารพรานที่ 48 , หมวดทหารพรานหญิงที่ 45 ได้รับการอนุมัติให้จัดตั้งขึ้นก่อนโดยให้พร้อมปฏิบัติภารกิจในเดือนตุลาคม 2554 ดังนั้นเพื่อการเตรียมความพร้อมจึงขอเชิญชวนผู้สนใจเข้าสมัครเป็นอาสาสมัครทหารพรานชายจำนวน 896 อัตรา และทหารพรานหญิง จำนวน 60 อัตรา ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2554 – 30 มิถุนายน 2554 โดยเข้าไปดูรายละเอียดพร้อมดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ เว็บไซต์ www.southpran48.info, www.southpran48.net ยื่นใบสมัคร ส่งใบสมัครพร้อมหลักฐานประกอบ จำนวน 2 ชุด ทางไปรษณีย์ลงทะเบียนมายัง กองกำลังพลกองทัพภาคที่ 4 ค่ายวชิราวุธ อ. เมือง จ. นครศรีธรรมราช 80000 หมายเลขโทรศัพท์ 0-7538-3401
*** โสภณ เคี่ยมการ /ข่าว เสงี่ยม เอียดตน ส.ปชส.ภูเก็ต/พิมพ์
----------------------------------------
คณะทำงานจากกระทรวงพลังงานและ APERC ศึกษาข้อมูลทำโครงการ “ Phuket Low Carbon Model Town ” หนึ่งในหลาย ๆ เมืองทั่วโลกที่มีเป้าหมายลดก๊าซคาร์บอนด์ไดออกไชด์
วันนี้ (15 มิ.ย.54) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมร่วมกับคณะทำงานจากกระทรวงพลังงานและศูนย์วิจัยพลังงานเอเชีย-แปซิฟิค (Asia Pacific Energy Research Centre : APERC) ตามโครงการ “ Phuket Low Carbon Model Town ” โดยมีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในภูเก็ตร่วมหารือ
เนื่องจากทางกระทรวงพลังงานและศูนย์วิจัยพลังงานเอเชีย-แปซิฟิด (APERC) ได้กำหนดให้ภูเก็ตเป็นหนึ่งในหลายเมือง ๆ ทั่วโลกเป็นเมืองที่มีคาร์บอนด์ไดออกไชด์ต่ำ หรือ “ Phuket Low Carbon Model Town ” ทางคณะทำงานฯ จึงได้เข้ามาศึกษาข้อมูลถึงความเป็นไปได้ที่จะทำให้ภูเก็ตเป็นเมืองที่สามารถลดคาร์บอนด์ฯ ได้ โดยภูเก็ตจะต้องเป็นเมืองที่มีแผนงานโครงการชัดเจนในการลดการใช้พลังงานการสนับสนุนการใช้พลังงานของประชาชน ซึ่งมีวิธีการคัดเลือก 4 ด้านด้วยกันคือ มีโครงการที่ดำเนินการเกี่ยวกับลดการใช้พลังงาน มีแผนพลังงาน สิ่งแวดล้อม การใช้ที่ชัดเจน มีองค์กรและประชาชนให้ความร่วมมือ
ด้านนายจิรศักดิ์ ธรรมเวช พลังงานจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตมีแผนงาน โครงการลดการใช้พลังงานอยู่แล้ว คือ โครงการภูเก็ตเขียว โดยมีเป้าหมายพิทักษ์สิ่งแวดล้อม นำพลังงานทดแทนมาใช้ทุกรูปแบบ และลดการใช้ฟอสซิล (น้ำมันดิบ) ซึ่งได้ดำเนินการมาแล้วระยะหนึ่ง เช่น โครงการภูเก็ตปลอดถุงพลาสติก เพื่อลดการใช้ถุงพลาสติกให้ได้ปีละ 5,000 ตัน โดยการร่วมมือกับร้านค้าและห้างสรรพสินค้าต่างๆ การทำงานพลังงานชุมชน โครงการอนุรักษ์พลังงานในโรงแรมและสถานประกอบการขนาดใหญ่ 50 แห่ง ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินการได้ผลที่โรงพยาบาลวิชิระภูเก็ต สามารถลดพลังงานได้ปีละ 7 ล้านบาท โครงการสื่อมวลชนเรียนรู้พลังงาน โครงการเพาะเมล็ดพันธุ์พลังงาน โครงการใช้พลังงานทดแทนที่เกาะโหลนและเกาะราชา เป็นต้น
***จันจิรา สิตบุศย์ /สนับสนุนข่าว ณรงค์ศักดิ์ แสงสีดำ ส.ปชส.ภูเก็ต/ทาน
---------------------------------------------
สำนักวิทยบริการฯ ม.ราชภัฎภูเก็ต จับมือ ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ จัด Mini TCDC
เมื่อเวลา 10.10 น.วันที่ 15 มิถุนายน 2554 ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต รศ.สมชาย สกุลทัพ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต เป็นประธานเปิด โครงการกระจายโอกาส สร้างแหล่งเรียนรู้ด้านการออกแบบสู่ภูมิภาค Mini TCDC ซึ่งศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ TCDC และมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ร่วมกันจัดขึ้น โดยมีนายอภิสิทธิ์ ไล่สัตรูไกล ผู้อำนวยการศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ TCDC อาจารย์อมรรัตน์ นาคะโร ผู้อำนวยการสำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ และคณะผู้บริหารสำนักวิทยบริการฯ ตลอดจนแขกผู้มีเกียรติ และนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต เข้าร่วม
รศ.สมชาย สกุลทัพ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ตกล่าวว่า การเปิด “โครงการกระจายโอกาส สร้างแหล่งเรียนรู้ด้านการออกแบบสู่ภูมิภาค หรือ Mini TCDC” มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ในวันนี้ เป็นการเปิดโอกาสให้อาจารย์ นักเรียน นักศึกษา รวมไปถึงบุคคลทั่วไปที่สนใจด้านการออกแบบ ทั้งในจังหวัดภูเก็ต และจังหวัดใกล้เคียง ได้เข้ามาค้นคว้าหาข้อมูลใน Mini TCDC แห่งนี้ เพื่อพัฒนาศักยภาพ ความรู้ ความสามารถในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านการออกแบบ และความคิดสร้างสรรค์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น อันจะนำไปสู่การสร้างพื้นฐานทางการศึกษาของประเทศที่มั่นคง ซึ่งเป็นภารกิจที่สำคัญที่ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน ต้องร่วมมือกัน เพื่ออนาคตของประเทศชาติต่อไป
ด้านนายอภิสิทธิ์ ไล่สัตรูไกล ผู้อำนวยการศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ TCDC กล่าวว่า โครงการ Mini TCDC นี้มีวัตถุประสงค์หลัก เพื่อมุ่งเน้นการเผยแพร่ความรู้ด้านการออกแบบสู่อาจารย์ นักเรียน นิสิตนักศึกษา และผู้ประกอบการในภูมิภาคต่าง ๆ ให้มีวิสัยทัศน์กว้างไกลยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมุ่งเน้นด้านการส่งเสริมให้ใช้ทรัพยากรสารสนเทศที่มีอยู่รอบ ๆ ตัวให้คุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุดในวงการการศึกษาและวิชาชีพงานออกแบบ และเป็นการสร้างเครือข่าย ด้านการออกแบบระหว่างศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ TCDC กับ สถาบันการศึกษา สถาบันวิชาชีพ และผู้ประกอบการในท้องถิ่น ในการจัดกิจกรรมที่จะส่งเสริม และพัฒนาศักยภาพผลงานด้านการออกแบบของประเทศไทยในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
***อารยา ตุลา ข่าว/ภาพ/พิมพ์ ณรงค์ศักดิ์ แสงสีดำ ส.ปชส.ภูเก็ต/ทาน
------------------------------------------------
กกต. ภูเก็ต จัดโครงการการมีส่วนร่วมภาคเด็ก และเยาวชนสู่การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นการทั่วไป พ.ศ. 2554
เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2554 เวลา 13.30 น. ที่ห้องประชุมศาลาประชาคมจังหวัดภูเก็ต นายอุทัย ศรีวิลัย กรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดโครงการการมีส่วนร่วมภาคเด็ก และเยาวชนสู่การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นการทั่วไป พ.ศ. 2554 โดยมีสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดภูเก็ตจำนวน 40 คน เข้าร่วม
นายอุทัย กล่าวว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดภูเก็ต ได้กำหนดจัดทำโครงการการมีส่วนร่วมภาคเด็ก และเยาวชนสู่การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2554 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เด็กและเยาวชน กล้าคิด กล้าแสดงออกในทางสร้างสรรค์ ได้ส่วนร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมกันวางแผน และร่วมกันรับผิดชอบต่อการพัฒนาการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และนำความรู้ที่ได้รับไปเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้บุคคลใกล้ชิดหรือประชาชนทั่วไปให้มีความเข้าใจ และให้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่จะมีการเลือกตั้งในวันอาทิตย์ ที่ 3 กรกฎาคม 2554 ที่จะถึงนี้
นายอุทัย กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า การดำเนินโครงการ การมีส่วนร่วมภาคเด็กและเยาวชนสู่การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ของจังหวัดภูเก็ตในวันนี้ (15 มิ.ย. 54) คาดว่าผู้เข้ารับการอบรม คงจะเข้าใจ และมีความรู้เกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กล้าคิด กล้าแสดงออกในทางที่สร้างสรรค์ และมีส่วนร่วมในการรณรงค์ประชาสัมพันธ์การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในครั้งนี้
*** อารยา ตุลา ข่าว/ภาพ/พิมพ์ ณรงค์ศักดิ์ แสงสีดำ ส.ปชส.ภูเก็ต/ทาน
---------------------------------------------
ผู้อำนวยการท่าอากาศยานภูเก็ต คนใหม่ เดินหน้าปรับปรุงท่าอากาศยานภูเก็ต เน้นอำนวยความสะดวก ความปลอดภัย ให้กับผู้โดยสารมากที่สุด พร้อมติดตั้ง CCTV เพิ่มอีก 53 ตัว
วันนี้ (15 มิถุนายน 54) ที่ห้องประชุมสำนักงานท่าอากาศยานภูเก็ต นางดวงใจ คอนดี ผู้อำนวยการ ท่าอากาศยานภูเก็ต เปิดเผยว่า ท่าอากาศยานภูเก็ต มีนโยบายการปรับปรุงท่าอากาศยานภูเก็ต ในเรื่องการอำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารมากที่สุด โดยในเรื่องนี้ได้มีแนวทางในการปรับปรุง สิ่งอำนวยความสะดวก บันไดเลื่อน ลิฟต์ เคาน์เตอร์เช็คอิน เพิ่มห้องน้ำ เก้าอี้ นั่ง การทำความสะอาดท่าอากาศยาน รวมถึงการบริการการทำงานท่าอากาศยานภูเก็ต เพื่อให้ท่าอากาศยานภูเก็ตเป็นที่เชิดหน้า ชูตา ของจังหวัดภูเก็ต
โดยคาดว่าจะเห็นผลในเร็วนี้ ทั้งนี้สิ่งแรกที่ต้องการดำเนินการคือการอำนวยความสะดวกของผู้โดยสาร ซึ่งได้พัฒนาพร้อมทั้งระบบในขณะนี้มีคณะ กรรมการลงมาดูแล ตรวจสอบในเรื่องลิฟต์ เคาน์เตอร์เช็คอิน บันไดเลื่อน และขยายชานชลา ขาเข้า-ขาออกให้กว้างขึ้น เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบาย ซึ่งเรื่องดังกล่าวต้องการทำให้เสร็จเรียบร้อยก่อนถึงช่วงฤดูการท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น)
สำหรับเรื่องความปลอดภัย ได้ให้ความสำคัญในการทำระบบในข้อบังคับให้ออกมาชัดเจนมากขึ้น อาทิเช่น ระบบการรักษาความปลอดภัยในเรื่องของการเข้าไป ในเขตหวงห้าม ทั้งการตั้งจุด และมีการเพิ่ม CCTV (กล้องวงจรปิด) เพื่อให้เห็นข้อมูลชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยขณะนี้มี CCTV อยู่ 56 ตัว และจะเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 53 ตัว
อย่างไรก็ตามจากการที่ได้ประชุมเรื่องระบบการรักษาความปลอดภัย กับผู้ที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากตนได้มารับตำแหน่งเป็นวันแรก อยู่ในขั้นตอนการลงไปดูรายละเอียดของส่วนงานที่รับผิดชอบ ซึ่งทั้งหมดนี้จะเน้นการทำงานเป็นทีม คือจะดูแลทั้งขบวนการว่าทำอย่างไรให้ผู้โดยสารทั้งขาเข้า-ขาออก ได้รับความสะดวกสบายสูงสุด จากการใช้บริการท่าอากาศยานภูเก็ต ซึ่งทั้งหมดนี้จะต้องประสานกับทางจังหวัดต่อไป
นางดวงใจ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ในส่วนกลุ่มผู้มารับนักท่องเที่ยว อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบดูรายละเอียดว่ามีจุดไหนควรต้องมีการปรับปรุง ทั้งสมาคมโรงแรม และสมาคมมัคคุเทศก์ ขณะเดียวกันสิ่งที่ไม่เป็นระเบียบมากที่สุดในตอนนี้คือการใช้บริการ ของผู้โดยสารขาเข้า ทั้งนี้ในช่วงแออัด ระหว่างเวลา 20.00 – 23.00 น. มีการให้ความสะดวกแก่ผู้โดยสารคือ พยายามดูพื้นที่ ที่ ทางท่าอากาศยานภูเก็ตมีอยู่ ว่าจะเพิ่มเก้าอี้ ที่นั่ง รวมถึงห้องน้ำ เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกมากยิ่งขึ้น ส่วนห้องเรื่องรับรองผู้โดยสารทั้งขาเข้า- ขาออก ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการหารือกับคณะกรรมการ
“ฝากให้ประชาชนชาวภูเก็ตทุกคน ช่วยกันดูแล รักษาความสะอาด ความปลอดภัย เพื่อให้
ท่าอากาศยานภูเก็ตเป็นสถานที่ ที่ทุกคน ทั้งนักท่องเที่ยวต่างประเทศ และในประเทศ ประทับใจตอนมาถึง และตอนกลับ ” นางดวงใจ กล่าวในที่สุด
***สิรินทร สินอนันต์ ข่าว/พิมพ์/ภาพ ณรงค์ศักดิ์ แสงสีดำ ส.ปชส.ภูเก็ต/ทาน
---------------------------------------------
นักศึกษาบริหารงานยุติธรรมระดับสูง รับฟัง “แนวทางการพัฒนาเมืองแห่งคุณภาพชีวิตที่ดี และเศรษฐกิจที่สมดุล”
เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2554 เวลา 11.00 น.ที่ห้องประชุมศาลากลางหลังใหม่ นายประเจียด อักษรธรรมกุล หัวหน้าสำนักงานจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการฝึกอบรมหลักสูตร การบริหารงานยุติธรรมระดับสูง รุ่นที่ 2 ในหัวข้อ “แนวทางการพัฒนาเมืองแห่งคุณภาพชีวิตที่ดี และเศรษฐกิจที่สมดุล”โดยมี นายวิทยา สุริยะวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการยุติธรรม และคณะจำนวน 59 คน เข้าร่วม
นายวิทยา กล่าวว่า ด้วยสำนักงานยุติธรรม โดยสถาบันพัฒนาบุคลากรในกระบวนการยุติธรรมได้กำหนดจัดการฝึกอบรมหลักสูตร การบริหารงานยุติธรรมระดับสูง รุ่นที่ 2 ระหว่างวันที่ 24 มีนาคม - 9 กันยายน 2554 ณ ห้องสัมมนา 1-2 วิทยาลัยกิจการยุติธรรม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างให้นักบริหารงานยุติธรรมระดับสูงมีวิสัยทัศน์เชิงสร้างสรรค์ ทันสมัย มีความรอบรู้หลากหลายในด้านวิชาการ การบริหารงาน มีคุณธรรม จริยธรรม สามารถบูรณาการงาน และประยุกต์ใช้ความรู้ได้อย่างมืออาชีพ เพื่ออำนวยความเป็นธรรมให้กับประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งในหลักสูตรดังกล่าวมีการลงพื้นที่เพื่อรับทราบปัญหาของกระบวนการยุติธรรมด้วย ดังนั้นสำนักงานกิจการยุติธรรมจึงได้นำผู้เข้ารับการฝึกอบรม จำนวน 59 คน เดินทางลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เข้ารับฟังบรรยายพิเศษหัวข้อ “แนวทางการพัฒนาเมืองแห่งคุณภาพชีวิตที่ดีและเศรษฐกิจที่สมดุล” ทั้งนี้เพื่อรับทราบปัญหาของกระบวนการยุติธรรมในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตด้วย
นายวิทยา กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า กระบวนการยุติธรรมเป็นระบบที่มีความสำคัญของทุกสังคม เนื่องจากเป็นระบบที่มีความสำพันธ์กับชีวิตมนุษย์ตั้งแต่เกิดจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต มีเป้าหมายสูงสุดคือการขจัดข้อขัดแย้งเพื่อทำให้สังคมมีความสงบ และประชาชนอยู่ร่วมกันอย่างผาสุก การอำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชนนั้น ปรากฏมีในสังคมทุกแห่งหนทั่วโลก และการที่ระบบกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยมีความอ่อนแอ หรือมีความเข้มแข็ง ย่อมสะท้อนถึงศักยภาพ และความน่าเชื่อถือของประเทศนั้นๆ อีกด้วย
***อารยา ตุลา ข่าว/ภาพ/พิมพ์ ณรงค์ศักดิ์ แสงสีดำ ส.ปชส.ภูเก็ต/ทาน
----------------------------------------------
ภูเก็ต หารือ คณะทำงานประมวลผล และวิเคราะห์ข้อมูลเฝ้าระวังปัญหายาเสพติด จังหวัดภูเก็ต
เมื่อเวลา 10.00 น. วันพุธที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2554 ที่ห้องประชุม POC ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายชัยพร พัฒนรักษ์ หัวหน้ากลุ่มงานยุทธศาสตร์ สำนักงานจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมคณะทำงานประมวลผล และวิเคราะห์ข้อมูลเฝ้าระวังปัญหายาเสพติด จังหวัดภูเก็ต (โต๊ะข่าว) โดยมี ผู้แทนจาก สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ผู้แทนสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาภูเก็ต ผู้แทนจาก สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดภูเก็ต ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
นายชัยพร กล่าวว่า สืบเนื่องจากการประชุมครั้งที่แล้ว เนื่องจากสถานการณ์ยาเสพติดภายนอกประเทศ ในช่วงเดือนมกราคม-เมษายน 2554 ภายหลังปฏิบัติการเร่งรัด 3 เดือน ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ยาบ้า ยาไอซ์ และเฮโรอีน ยังมีปริมาณมาก ที่พร้อมเข้ามาในประเทศ ส่วนใหญ่เป็นของกลุ่มว้า มากกว่าร้อยละ 80 สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดยาเสพติดในสถานศึกษา สถานศึกษาที่มีกลุ่มนักเรียนค่อนข้างเสี่ยง ประมาณ 14 แห่ง ได้ประสานกับสารวัตรนักเรียนเพื่อลงตรวจโรงเรียนขยายโอกาสทุกแห่งในเดือนมิถุนายน 2554 และจะขอรับการสนับสนุนผู้ตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะจาก ศตส.จ.ภก. ซึ่งในการดำเนินการดังกล่าว ขอให้ประสานกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง, ตำรวจ, สาธารณสุขเพื่อกำหนดวันดีเดย์ โดยไม่ต้องประกาศให้ทางนักเรียน หรือโรงเรียนทราบล่วงหน้า
ทั้งนี้ข้อมูล/สถิติผู้ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดในระบบสมัครใจ สถิติข้อมูลผู้เข้ารับการบำบัด ในห้วงปีงบประมาณ 2554 ช่วงเดือนตุลาคม 2553-เมษายน 2554 มีผู้เข้ารับการบำบัด 119 ราย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอาชีพรับจ้าง กลุ่มอายุที่เข้ามาบำบัดมากที่สุดอยู่ในช่วง 21-25 ปี ยาเสพติดที่บำบัดมากที่สุดได้แก่ ยาบ้าเป็นหลัก เฮโรอีนบ้างเล็กน้อย ขณะที่สถิติผู้ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดในระบบบังคับบำบัด ในปีงบประมาณ ตุลาคม 2553-ปัจจุบัน มีผู้เข้ารับการบำบัด ประมาณ 1,100 คน สำหรับผู้เข้ารับการบำบัดที่อยู่ในสถานศึกษา ช่วงเมษายน-พฤษภาคม 2554 มีจำนวน 10 ราย
อย่างไรก็ตามจากการประชุมร่วมกับท่าอากาศยานภูเก็ต พบปัญหาของหายบริเวณท่าอากาศยานภูเก็ต ซึ่งจากข้อมูลพบว่าส่วนใหญ่ก็จะเกี่ยวพันกับ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทาง ศตส.อ.ถลาง ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหา ซึ่งทาง ศตส.อ.ถลาง ได้กำชับกำนันผู้ใหญ่บ้าน ให้เป็นพลังในการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยใช้มาตรการเชิงรุก ลงไปในสถานศึกษา และท่าอากาศยาน เพราะที่ผ่านมามีการลักลอบนำยาเสพติดเข้าทางเครื่องบิน
***สิรินทร สินอนันต์ ข่าว/พิมพ์ ณรงค์ศักดิ์ แสงสีดำ ส.ปชส.ภูเก็ต/ทาน
---------------------------------------
พระสงฆ์ใน 14 จังหวัดภาคใต้ และพุทธศาสนิกชนชาวภูเก็ต ร่วมประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์จิตภาวนา ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
วันนี้ (15 มิ.ย. 54) ที่วัดไชยธาราราม (วัดฉลอง) นายวีระวัฒน์ จันทร์เพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในพิธีเจริญพระพุทธมนต์จิตภาวนา เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 โดยมีพระภิกษุสงฆ์จาก 14 จังภาคใต้และพระสงฆ์จากประเทศมาเลเซียกว่า 500 รูป และพุทธศาสนิกชนในพื้นที่เข้าร่วม
ทั้งนี้ นายวีระวัฒน์ ได้นำกล่าวถวายราชการะ ต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระสงฆ์สวดอาราธนาพระปริตร สวดเจริญพระพุทธมนต์ เจริญจิตภาวนา และแผ่เมตตาเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล
พิธีเจริญพระพุทธมนต์ฯ ครั้งนี้ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และคณะสงฆ์หนใต้ ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ จัดขึ้นจำนวน 3 ครั้ง โดยครั้งแรกที่ วัดพระบรมธาตุไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ครั้งที่ 2 ที่วัดไชยธาราราม จ.ภูเก็ต และครั้งที่ 3 ในวันที่ 11 กรกฎาคม 2554 ณ วัดพะโค๊ะ จ.สงขลา เพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระวิริยะ อุตสาหะ บำเพ็ญประโยชน์เพื่อพสกนิกรชาวไทย โดยยังมีการทอดผ้าป่าสามัคคี เพื่อจัดหาทุนสมทบทุนเล่าเรียนหลวง และตั้งกองทุนช่วยเหลือพระสงฆ์ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ด้วย.
***สทท. 11 ภูเก็ต/สนับสนุนข่าว
---------------------------------
เทศบาลตำบลรัษฎา ประชุมจัดทำแผนพัฒนาสามปี ระหว่าง ปี 2555-2557
เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2554 เวลา 09.00 น. ที่ห้องประชุมเทศบาลตำบลรัษฎา ชั้น 3 นายเชาวเลิศ
จิตจำนงค์ รองนายกเทศมนตรีตำบลวิชิต เป็นประธานการประชุมจัดทำแผนพัฒนาสามปี ระหว่าง ปี 2555-2557 โดยมี นายเดชาคนี ลีลานนท์ ปลัดเทศบาลตำบลรัษฎา และคณะอนุกรรมการจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
นายเดชาคนี กล่าวว่า การจัดทำแผนพัฒนา 3 ปี ในครั้งนี้ ทางคณะอนุกรรมการจัดทำแผนพัฒนา มีหน้าที่ช่วยเหลือคณะกรรมการพัฒนาเทศบาลตำบลรัษฎา ในการจัดทำแผนพัฒนา 3 ปีเทศบาลตำบลรัษฎา ในระหว่าง ปี 2555-2557 โดยได้กำหนดและจัดทำรายละเอียดของแผนงานโครงการให้ครอบคลุมภารกิจ ต่อความต้องการของประชาชนให้มีความสอดคล้องกับกรอบนโยบาย ทิศทาง แนวทางการพัฒนาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตจังหวัดภูเก็ต และแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาของเทศบาลตำบลรัษฎา และแผนพัฒนาการเมือง ซึ่งจัดทำขึ้นโดยเจตนารมณ์ของรัฐบาล ซึ่งมุ่งหมายที่จะวางแนวทาง สำหรับการพัฒนาการเมืองไทยทั้งระบบ ให้ดำเนินการไปสู่เป้าหมายของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ประกอบด้วย 9 ยุทธศาสตร์ 27 พันธกิจ โดยยุทธศาสตร์แรกเป็นยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อม โดยมีแนวทางการพัฒนา โดยการสร้างจิตสำนึกและความตระหนักในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การปรับปรุงภูมิทัศน์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว การบำบัดน้ำเสียและการจัดการขยะ การป้องกันและแก้ไขน้ำท่วม ส่วนยุทธศาสตร์ที่ 2 เป็นการพัฒนาด้านความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน 3 .ยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านการศึกษา 4.ยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านสุขภาพอนามัย 5.ยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านสวัสดิการสังคม 6. ยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านการเสริมสร้างความเข้มแข็งในชุมชน 7. ยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านการธำรงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ ศิลปะ วัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่นและประเพณีท้องถิ่น 8. ยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านการเมือง และ9. ยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐาน
***อารยา ตุลา ข่าว/ภาพ/พิมพ์ ณรงค์ศักดิ์ แสงสีดำ ส.ปชส.ภูเก็ต/ทาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็นทั่วไป