ผู้ประกอบการเคเบิลทีวีพื้นที่ป่าตองยื่นหนังสือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดภูเก็ตตรวจสอบการพาดสายใยแก้วนำแสงบนเสาไฟฟ้าหลังสัญญาณเคเบิลทีวีขาดเสียหายไม่สามารถส่งสัญญาณได้
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 3 พฤษภาคม 2554 ที่บริเวณสำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) จังหวัดภูเก็ต นาย กัมปนาถ ตันติวิท กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีเอ บิสสิเนส ภูเก็ต จำกัด ผู้ประกอบการเคเบิลทีวีในพื้นที่ป่าตอง ในฐานะคณะกรรมการสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย ภาค 8 พร้อมด้วยนาย อัษฎากร
สีดอกบวบ ผู้ประกอบการเคพีพี เคเบิลทีวี เป็นตัวแทนผู้ประกอบการเคเบิลทีวีในจังหวัดภูเก็ต ยื่นหนังสือกับนาย สมชาย เครือแพทย์ ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จังหวัดภูเก็ต เพื่อขอให้ตรวจสอบการพาดสายบนเสาของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เนื่องจากมีกลุ่มบุคคลได้เข้ามาดำเนินการพาดสายบนเสาไฟฟ้าของการไฟฟ้าฯ และได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่การให้บริการเคเบิลทีวีของผู้ประกอบการเคเบิลทีวีในจังหวัดภูเก็ต
สำหรับข้อความในหนังสือฉบับดังกล่าวเนื้อหาสรุปว่า ตามที่ได้มีกลุ่มบุคคลได้เข้ามาดำเนินการพาดสายบนเสาไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จังหวัดภูเก็ต โดยเป็นการพาดสายใยแก้วนำแสง และสายโคเอ็กเชี่ยนขนาดครึ่งนิ้ว ซึ่งการดำเนินการดังกล่าว ได้ก่อความเสียหายให้แก่การให้บริการเคเบิลทีวีของผู้ประกอบการเคเบิลทีวีในจังหวัดภูเก็ต เนื่องจากได้มีการปลดสายเคเบิลทีวีลง ตัดสายใยแก้วนำแสงในระบบส่งสัญญาณเคเบิลทีวีจนขาดเสียหายไม่สามารถส่งสัญญาณได้ ซึ่งการกระทำดังกล่าวได้สร้างความเดือดร้อนเสียหายให้กับผู้ประกอบการเคเบิลทีวีในจังหวัดภูเก็ตเป็นอย่างมาก
ดังนั้นจึงขอให้ทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จังหวัดภูเก็ต ได้ทำการตรวจสอบการพาดสายเคเบิลบนเสาของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคของกลุ่มบุคคลดังกล่าว ว่าดำเนินการโดยได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องตามระเบียบของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคหรือไม่อย่างไร หากการตรวจสอบพบว่าการดำเนินการดังกล่าวไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องตามระเบียบของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ขอให้ระงับการดำเนินการดังกล่าวทั้งหมดทันที และดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคต่อไป แต่หากพบว่ามีการดำเนินการขออนุญาตอย่างถูกต้อง ขอให้แจ้งผลการตรวจสอบ และหลักฐานการอนุญาตให้ผู้ประกอบการเคเบิลทีวีจังหวัดภูเก็ตทราบ และขอให้แจ้งตักเตือนผู้ที่ได้รับอนุญาตพาดสายดำเนินการโดยไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อน เสียหายต่อการให้บริการเคเบิลทีวีแก่ประชาชนในจังหวัดภูเก็ตของผู้ประกอบการเคเบิลทีวีในจังหวัดภูเก็ต ประกอบการการดำเนินการพาดสายดังกล่าวไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบส่งสัญญาณและทรัพย์สินของผู้ประกอบการเคเบิลทีวีเท่านั้น แต่อาจจะกระทบต่อธุรกิจเคเบิลทีวีที่มีมูลค่าหลายล้านบาทได้ในอนาคตด้วย
นาย สมชาย เครือแพทย์ ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จังหวัดภูเก็ต กล่าวหลังรับหนังสือว่า ปกติในการพาดสายบนเสาของการไฟฟ้าฯ มีระเบียบปฏิบัติอยู่แล้ว ซึ่งเรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้นจะได้มีการตรวจสอบ และแจ้งผลการดำเนินการให้ทางผู้ประกอบการทราบหลังจากตรวจสอบแล้วเสร็จ
สาลินี ปราบ/สนับสนุนข่าว เสงี่ยม เอียดตน ส.ปชส.ภูเก็ต/ทาน
---------------------------------------------------
เทศบาลนครภูเก็ตจัด โครงการฝึกอบรมทบทวนและทัศนศึกษาดูงาน อปพร. ในสถานที่ต่าง ๆ เพื่อมาพัฒนาปรับปรุงศูนย์ อปพร.เทศบาลนครภูเก็ต ให้เจริญก้าวหน้า
เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2554 เวลา 13.30 น. ที่ดับเพลิงเทศบาลนครภูเก็ต นางสาว สมใจ สุวรรณศุพนา นายกเทศบาลนครภูเก็ต เป็นประธานเปิดงานโครงการฝึกอบรมทบทวนและทัศนศึกษาดูงานอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน เทศบาลนครภูเก็ต โดยมีนาย มงคล เต็มรัตน์ นักวิเคราะห์นโยบาย และแผนชำนาญการ สำนักงานปภ.จังหวัดภูเก็ต เป็นวิทยากรให้ความรู้ นาย ถาวร จิรพัฒนโสภณ รองนายกเทศมนตรีนครภูเก็ต หัวหน้าส่วนราชการ และสมาชิก อปพร. เข้าร่วม
นาย ธวัชชัย ทองมั่ง ปลัดเทศบาลนครภูเก็ต กล่าวว่า การฝึกอบรมครั้งนี้ ได้พิจารณาคัดเลือกสมาชิกอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน จำนวน 80 คน จากสมาชิกทั้งหมด 1,162 คน เข้ารับการฝึกอบรมทบทวนฯ ในระหว่างวันที่ 2-7 พฤษภาคม 2554 โดยดำเนินการดังนี้ ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2554 อบรมเรื่องระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยกิจการอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน พ.ศ.2553 และฝึกระเบียบแถวท่าบุคคลมือเปล่า สำหรับวันที่ 3-7 พฤษภาคม 2554 เดินทางไปราชการศึกษาดูงานและเยี่ยมชมการบริหารกิจการศูนย์ อปพร. และหน่วยงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในพื้นที่กรุงเทพมหานครฯ และจังหวัดชลบุรี รวมถึงการเข้าค่ายพักแรม ณ กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 21 รักษาพระองค์ ค่ายนวมินทราชินี จังหวัดชลบุรี เพื่อร่วมกิจกรรมฐานฝึกต่างๆ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการทบทวน และเป็นการเพิ่มพูนความรู้ทักษะ และประสบการณ์จากการทัศนศึกษาดูงานในสถานที่ต่างๆ มาพัฒนาปรับปรุงศูนย์ อปพร.เทศบาลนครภูเก็ต ให้เจริญก้าวหน้าต่อไป
นางสาวสมใจ กล่าวว่า ในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเตรียมการด้านต่างๆทั้งด้านวัสดุ อุปกรณ์เครื่องมือ เครื่องใช้ ยานพาหนะ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ไว้ให้พร้อมตั้งแต่ยามปกติ ซึ่งในเผชิญกับภัยพิบัติขนาดใหญ่นั้นลำพังแต่เพียงเจ้าหน้าที่ของภาครัฐอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ จะต้องอาศัยกำลังประชาชนเข้ามาสนับสนุนช่วยเหลือด้วย จึงสามารถปฏิบัติการได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง
อารยา ตุลา ข่าว/ภาพ/พิมพ์ เสงี่ยม เอียดตน ส.ปชส.ภูเก็ต/ทาน
--------------------------------------------------
ภูเก็ตจัด ประชุมคณะทำงานโครงสร้างศูนย์ประชุมนานาชาติ คาดสร้างเสร็จภายในเดือนกันยายน 2554 นี้
เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2554 เวลา 14.00 น. ที่ศาลากลางจังหวัดภูเก็ตหลังเก่า นาย สมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการประชุมคณะทำงานโครงสร้างศูนย์ประชุมนานาชาติ โดยมี นาย ประเจียด อักษรธรรมกุล หัวหน้ากลุ่มงานยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด นาย ธำรง ทองตัน ธนารักษ์ พื้นที่จังหวัดภูเก็ต หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
นาย ธำรง ทองตัน ธนารักษ์ พื้นที่จังหวัดภูเก็ต กล่าวว่าโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมแสดงนิทรรศการนานาชาติจังหวัดภูเก็ต เป็นโครงการตามยุทธศาสตร์ของจังหวัดภูเก็ตภูเก็ต ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีปัญหาในเรื่องของการจัดหาที่ดิน เพื่อที่จะมารองรับโครงการนี้ ซึ่งในที่สุดจังหวัดภูเก็ตก็ได้คัดเลือกที่ดินที่ท่าฉัตรไชย เป็นที่ดินรองรับโครงการนี้ มีเนื้อที่ประมาณ 150 ไร่ ในส่วนของภารกิจตรงนี้เรื่องจากว่า กระบวนการในการดำเนินการทางจังหวัดเห็นว่าโครงการนี้เป็นโครงการใหญ่ จะต้องใช้เม็ดเงินในการสนับสนุนโครงการจำนวนมาก ก่อนหน้านี้มีการพูดคุยกันในรูปแบบที่จะให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน จึงมอบหมายภารกิจนี้ให้ทางกรมธนารักษ์ ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดิน เป็นผู้ดำเนินโครงการ ทั้งนี้เมื่อทางกรมรัฐทำข้อศึกษาแล้วจะเป็นปัญหาอีก ซึ่งจะต้องใช้เวลานานมากตรงส่วน จึงได้มีการผลักดันของทางท่าน สส.ในพื้นที่ ท่านเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อที่จะใช้เงินงบประมาณแทน สำหรับเงินที่ต้องใช้ลงทุนในส่วนนี้ประมาณ กว่า 3,700 ล้านบาท ซึ่งในการขอเงินงบประมาณไปปรากฏว่าเราได้เงินไทยเข้มแข็งเพียง 2,600 ล้านบาท เท่านั้น ฉะนั้นจะต้องใช้เงินให้แล้วเสร็จภายในปี 2555 ก็เลยมีปัญหาว่า จะต้องลงนามในสัญญาการก่อสร้างโครงการให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2554 นี้ ในขณะนี้ทางกรมธนารักษ์ได้บีบระยะเวลาให้สามารถดำเนินการให้เป็นไปตามกรอบเวลาที่ทาง พรม.ได้วางไว้
อารยา ตุลา ข่าว/ภาพ/พิมพ์ เสงี่ยม เอียดตน ส.ปชส.ภูเก็ต/ทาน
------------------------------------------------------
ผู้ประกอบการ 11 โรงเรียนเอกชน ขอความเห็นใจ เพื่อขออุทธรณ์การส่งตราสาร เนื่องจากพรบ.ไม่ชัดเจน
เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2554 เวลา 10.00 น. ที่ห้องศูนย์ประชุมปฏิบัติการจังหวัดภูเก็ต นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ ครั้งที่ 2 /2554 โดยมีนายสมพร อัศวแก้วมงคล อัยการจังหวัดภูเก็ต ผู้ประกอบการโรงเรียนเอกชน 11โรงเรียน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
สำหรับระเบียบวาระการประชุมที่สำคัญประกอบไปด้วย เรื่องการพิจารณาอุทธรณ์คำสั่งให้จัดทำตราสารจัดตั้ง ด้วยโรงเรียนเอกชน 11โรงเรียน ได้มีหนังสืออุทธรณ์คำสั่งให้จัดทำตราสารจัดตั้งของผู้อนุญาตของ สพป.ภูเก็ต ซึ่งประกอบด้วย โรงเรียนถลางวิทยา,โรงเรียนอนุบาลถลางวิทยา,โรงเรียนอนุบาลบุษบง,โรงเรียนกาญจนวัฒน์วิทยา,โรงเรียนอนุบาลกาญจนวัฒน์วิทยา,โรงเรียนบริหารธุรกิจภาคใต้,โรงเรียนนานาชาติ ดิว เอส ไอ ภูเก็ต,โรงเรียนนานาชาติบริติช ภูเก็ต, โรงเรียนขจรเกียรติศึกษา,โรงเรียนขจรเกียรติพัฒนา และโรงเรียนอนุบาลกนกขวัญ ซึ่งมีรายละเอียดการประกอบการพิจารณาดังนี้ เอกสารประกอบลำดับที่ 1 สช.ให้เขตฯแจ้งโรงเรียนจัดทำตราสารจัดตั้ง ,ลำดับที่ 2 เขตฯแจ้งให้โรงเรียนจัดทำตราสารจัดตั้ง,ลำดับที่ 3 โรงเรียนอุทธรณ์คำสั่งเขต,ลำดับที่ 4 เขตฯหารือสช.,ลำดับที่ 5 สช.ตอบข้อหารือ,ลำดับที่ 6 แต่งตั้งคณะกรรมการ ซึ่งเอกสารความเป็นมาในการอุทธรณ์ของโรงเรียนเอกชนจังหวัดภูเก็ต
นายสมพร กล่าวว่า การพิจารณาตามที่กฎหมายเป็นอยู่อย่างนี้ เมื่อท่านขออุทธรณ์เข้ามา และเวลาที่จะต้องไปจัดทำตราสาร ที่อยู่ระหว่างการขออุทธรณ์อยู่แล้ว ถ้ามั่นใจว่ากฎหมายนี้จะออกมาบังคับใช้ทัน ซึ่งมีการวินิจฉัยแล้ว ถ้าบุคคลใดไม่เห็นชอบ ก็สามารถไปใช้สิทธิ์ทางการปกครองได้
นายสมเกียรติ กล่าวว่า ในส่วนที่อัยการกล่าวในข้างต้น ถือว่าไปตามความเห็นของกฎหมายของอัยการ ถ้าทางโรงเรียนเอกชนมีความเห็นว่าพรบ.มีข้อบกพร่อง และไม่ชัดเจน ก็สามารถดำเนินการแก้ไขได้ ว่าองค์กรไหน หน่วยงานไหน ที่ทำให้ล่าช้า สามารถไปฟ้องร้อง จากเครือข่ายที่สามารถดำเนินการได้ เช่นรัฐมนตรี กระทรวง หรือว่าหน่วยที่รับผิดชอบ แต่การวินิจฉัยในครั้งนี้จะต้องเป็นไปตามกฎหมาย และจะต้องมีระเบียบ
อารยา ตุลา ข่าว/พิมพ์ ณรงค์ศักดิ์ แสงสีดำ ส.ปชส.ภูเก็ต/ทาน
----------------------------------------------
ตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ตแข่งขันฟุตบอลกับทหารอเมริกา ที่แวะมาพักผ่อนในจังหวัดภูเก็ต ผล ทหารอเมริกา ชนะ 3 ต่อ 1
ที่สนามฟุตบอลภูเก็ตช๊อกเกอร์อารีนา ตำรวจท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต นำโดย พันตำรวจโทเอกชัย พราหมณกุล สว.ส.ทท.2 กก.5 บก.ทท. ได้จัดการแข่งขันฟุตบอล เชื่อมความสัมพันธ์กับทหารอเมริกา ที่เรือมาเทียบท่าในจังหวัดภูเก็ต และร่วมทำกิจกรรมกับหน่วยงานต่างๆ ซึ่งผลการแข่งขันปรากฏว่า ทหารอเมริกาชนะทีมตำรวจท่องเที่ยวจำนวน 3 ประตู ต่อ 1 นอกจากนั้นทหารอเมริกายังมีการแข่งขันฟุตบอลกับทีมนักฟุตบอลหญิงของมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ตอีกด้วย โดยเรือรบอเมริกาได้เดินทาง เพื่อมาเทียบท่าและให้ทหารได้มาพักผ่อน ในจังหวัดภูเก็ตเป็นระยะเวลา 6 วัน ทำให้คาดว่ามีเงินสะพัดจำนวนหลายร้อยล้านบาท ทั้งนี้จังหวัดภูเก็ตถือเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพในการท่องเที่ยว และในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเดินทางเป็นจำนวนมาก และมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในแต่ละปี ประกอบกับจังหวัดภูเก็ตถือเป็นจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวในจังหวัดทำรายได้เข้าประเทศเป็นจำนวนมากในแต่ละปี
ณรงค์ศักดิ์ แสงสีดำ /ข่าว อารยา ตุลา/ พิมพ์
-------------------------------------------------------------
ภูเก็ตร่วมกับ มูลนิธิร่วมจิตน้อมเกล้าฯ จัดสวดพระปริตรมหากุศลเฉลิมพระเกียรติ ถวายพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 25 มิ.ย.นี้
เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2554 เวลา 14.00 น. ที่ห้องประชุมศาลากลางหลังเก่า นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการประชุม เรื่องกำหนดการจัดสวดพระปริตรมหากุศลเฉลิมพระเกียรติ ถวายพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 ซึ่งมูลนิธิร่วมจิตน้อมเกล้าฯ เพื่อเยาวชน ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ร่วมกับ จังหวัดภูเก็ต ในวันที่ 25 มิ.ย.นี้ ณ วัดวิชิตสังฆาราม อ.เมือง จ.ภูเก็ต
ทั้งนี้ด้วยมูลนิธิร่วมจิตต์น้อมเกล้าฯ เพื่อเยาวชนในพระบรมราชินูปถัมภ์ ซึ่งมีพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เป็นองค์ประธานมูลนิธิ ได้กำหนดจัดสวดพระปริตรมหากุศลเฉลิมพระเกียรติ ถวายพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 โดยมีกำหนดสวดพร้อมกันทั่วประเทศในวันเสาร์ที่ 25 มิถุนายน 2554 และขอความร่วมมือจังหวัดในการประกอบพิธีกรรม และประชาสัมพันธ์เชิญชวนหน่วยงานภาครัฐ องค์กรเอกชน รวมทั้งประชาชนร่วมบริจาคสมทบการจัดงานฯ และเข้าร่วมกิจกรรมโดยพร้อมเพรียงกัน
อารยา ตุลา ข่าว/พิมพ์ ณรงค์ศักดิ์ แสงสีดำ ส.ปชส.ภูเก็ต/ทาน
-------------------------------------------------------
อดีต นายกเล็ก อบต.ศรีสุนทรนำชาวบ้านกว่า 50 คนบุก หน้าที่ทำการ อบต.เรียกร้องให้ย้ายปลัดฯออกจากพื้นที่อ้างเก็บภาษีชาวบ้านสูงเกินจริงและมีศักดิ์เป็นญาตินายกฯอบต.คนปัจจุบันหวั่นเอื้อประโยชน์ทางการเมือง.
เมื่อวันที่ 2 พ.ค. 54 ที่หน้าสำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลศรีสุนทร อ.ถลาง จ.ภูเก็ต นายทวีศักดิ์ โสตรักษา อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบลศรีสุนทร พร้อมด้วยชาวบ้านตำบลศรีสุนทรกว่า 50 คน ได้เดินทางเรียกร้องให้ย้ายนางสมใจ ทองสมบัติ ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลศรีสุนทร ออกจากพื้นที่โดยมีการเขียนป้ายโจมตี นายกฯ อบต.ศรสุนทรและปลัด อบต.ศรีสุนทร นายทวีศักดิ์ โสตรักษา แกนนำ อ้างว่าการเดินทางมาประท้วงครั้งนี้เนื่องจาก การจัดเก็บภาษีรายได้ในพื้นตำบลศรีสุนทร ซึ่งหากใครเป็นญาติปลัดอบต.หรือญาตินายกอบต. ก็จะถูกยกเว้นภาษีหรือเก็บภาษีตามความเป็นจริงแต่ในทางกลับกันหากใครที่ฝ่ายตรงข้ามหรือไม่รู้จัก ก็จะเก็บเกินความเป็นจริงผู้ประกอบการบางรายโดนเก็บภาษีเกิน 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งตนและชาวบ้านมองว่าไม่เกิดความเป็นธรรมเป็นอย่างมาก จึงได้รวมตัวกันมาประท้วงในครั้งนี้โดยต้องการให้นางสมใจ ทองสมบัติ ปลัดอบต.ศรีสุนทร ซึ่งมีศักดิ์เป็นญาติของนายกอบต.ศรีสุนทร ย้ายออกจากพื้นที่ภายใน 7 วันเพราะชาวบ้านเห็นว่า อบต.ศรีสุนทรใกล้หมดวาระแล้ว หากปลัดสมใจ ยังอยู่ อาจจะมีความไม่เป็นกลางทางการเมือง
ด้านนายธำรง ตันติวิรัชกุล นายกอบต.ศรีสุนทร กล่าวว่า ข้อเสนอให้ย้ายปลัดอบต.ศรีสุนทร ออกจากพื้นที่ภายใน 7 วัน นั้น ตนเองไม่สามารถทำตามข้อเรียกร้องใดๆได้ ซึ่งหากจะย้ายก็ต้องย้าย ตามระเบียบราชการ หากกลุ่มผู้ร้องเรียนเห็นว่าไม่เป็นกลางทางการเมืองก็ควรทำหนังสือถึง กกต.หรือจังหวัด และให้ทางจังหวัดสั่งการมาเป็นลายลักษณ์อักษรก่อน ส่วนเรื่องการจัดเก็บภาษีนั้นหากใครเห็นว่าไม่เป็นธรรมหรือสองมาตรฐาน ก็ให้ไปร้องต่อคณะกรรมการจัดเก็บภาษีของอบต.ได้ทันที ซึ่งมีขั้นตอนตามระเบียบอยู่แล้ว ส่วนตัวยืนยันว่าการทำงานถูกต้องตามกระบวนการทุกอย่าง
ส่วนนางสมใจ ทองสมบัติ ปลัดอบต.ศรีสุนทร กล่าวว่า การจัดเก็บภาษีของอบต.นั้นเพื่อพัฒนาตำบลศรีสุนทร ไม่ได้เก็บผลประโยชน์เข้ากระเป๋าของตัวเองแต่อย่างใด และการจัดเก็บภาษีนั้นก็ให้มาเสียภาษีที่ อบต.ซึ่งไม่ได้ยกเว้นว่าเป็นของญาติหรือของใคร ในส่วนนี้ทุกคนที่เกิดเป็นคนไทยต้องเสียภาษีโดยไม่มีข้อยกเว้น ซึ่งที่อ้างว่าจัดเก็บแพงเกินความเป็นจริงนั้นก็ประเมินตามรายได้ของผู้ประกอบการแต่ละรายไม่ได้เกี่ยวว่าใครเป็นญาติใคร
อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นทางอำเภอถลางได้ส่งตัวแทนมาเจรจาให้ทางกลุ่มผู้ประท้วงทำ หนังสือร้องเรียนไปยังอำเภอเพื่อส่งเรื่องต่อไปยังจังหวัดให้ดำเนินการต่อไปเพื่อความเป็นธรรม ของทั้งสองฝ่าย.
-------------------------------------------
ชุดเฉพาะกิจจังหวัดภูเก็ต ตรวจค้นชุมชนเป้าหมายเพื่อปราบปรามยาเสพติด
เจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจจังหวัดภูเก็ต ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตำรวจน้ำ ตำรวจท่องเที่ยว และตำรวจปราบปรามยาเสพติด เข้าตรวจค้นในพื้นที่ชุมชนสะพานร่วม 2 ตำบลรัษฎา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต มีเป้าหมายในการจับกุมจำนวน 4 จุด โดยได้เข้าทำการตรวจค้น บ้านเลขที่ 8 บ้านเลขที่ 12 บ้านเลขที่ 14 และบ้านเลขที่ 16 ซึ่งผลการตรวจค้นได้พบเจออุปกรณ์การเสพ และยาเสพติดจำนวนหนึ่ง โดยผลจากการตรวจค้นได้จับกุม นายอนันต์พล แซ่ก๊วย อายุ 32 ปี และนายวินัย แพ่งมะริการณ์ อายุ 28 ปี ขณะที่จากการตรวจค้นภายในบ้านเลขที่ 14 พบอุปกรณ์ การเสพยาและยาบ้า อีก 1 เม็ด ยาไอซ์ 1.4 กรัม นอกจากนี้ยังมีการนำตัว ผู้ต้องสงสัยไปตรวจนำสารเสพติด อีก 4 คน
ทั้งนี้เนื่องจากได้รับแจ้งจากสายว่า ในชุมชนดังกล่าวมีการมั่วสุ่มยาเสพติด และมีผู้ที่ค้ายาเสพติดมาอาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว แต่จากการตรวจค้น ผู้ที่ค้ายาเสพติด ได้ไหวตัวหลบหนีไปจากพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินการสืบสวนจับกุมต่อไปส่วนผู้ต้องหาที่พบนำส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ตเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ณรงค์ศักดิ์ แสงสีดำ ส.ปชส.ภูเก็ต/ข่าว สิรินทร สินอนันต์ /พิมพ์
---------------------------------------------------
ภูเก็ต หารือ โครงการศึกษาเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวและการค้าทางทะเลกลุ่มอันดามัน เบื้องต้นคาดทุ่มงบกว่า 25 ล้าน
เมื่อเวลา 10.30 น. วันอังคารที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ตหลังใหม่ (ห้องเล็ก) นายวีระวัฒน์ จันทร์เพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุม โครงการศึกษาเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวและการค้าทางทะเลกลุ่มอันดามัน โดยมี นายพิชิต บุญรอด หัวหน้าศูนย์ ปฏิบัติการกลุ่มจังหวัดอันดามัน นายประเจียด อักษรธรรมกุล หัวหน้ากลุ่มงานยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด นายวิรัช หิรัญ ผู้อำนวยการด้านคมนาคมและขนส่ง บริษัท สแปน คอนซัลแตนท์ จำกัด และคณะ รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
นายวิรัช กล่าวว่า โครงการศึกษาเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวและการค้าทางทะเลกลุ่มอันดามันจัดทำขึ้น เพื่อทำแผนแม่บทการพัฒนาระบบคมนาคมที่เหมาะสมกับกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน โดยเชื่อมโยงการคมนาคมทุกรูปแบบที่รองรับการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว และเส้นทางการขนส่งสินค้า บริการ ไปสู่นานาชาติ เพื่อกำหนดรูปแบบกลไกการพัฒนา การจัดการท่องเที่ยว การขนส่งสินค้า การบริการของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามันให้เชื่อมโยงกับนานาชาติ โดยศึกษากำหนดขีดความสามารถในการรองรับการท่องเที่ยวของกลุ่มจังหวัดอันดามันในปัจจุบันและอนาคต รวมถึงกำหนดแนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวที่สอดคล้องกับขีดความสามารถในการรองรับการท่องเที่ยว (carrying capacity) เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ศึกษาข้อกฎหมาย ระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวตามสภาพพื้นที่ การเตรียมความพร้อมชุมชน การสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อรองรับและเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวเดิม และเส้นทางการท่องเที่ยวใหม่ในพื้นที่ฝั่งทะเลอันดามัน เพื่อเป็นฐานข้อมูลด้านการลงทุนพัฒนาด้านการท่องเที่ยวและการค้าในพื้นที่ฝั่งทะเลอันดา กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน
ทั้งนี้ขอบเขตพื้นที่โครงการดังกล่าวมี ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง พื้นที่โครงการโดยรวม 17,688.915 ตารางกิโลเมตร คิดเป็นร้อยละ 24 ของพื้นที่ภาคใต้ทั้งหมด รวมทั้งกรอบการศึกษาด้านการท่องเที่ยว ได้ศึกษาการกระจายตัวของแหล่งท่องเที่ยวประเภทต่าง ๆ ในพื้นที่ศึกษา รวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ ข้อมูลจากการสำรวจภาคสนาม การสัมภาษณ์ และสอบถามแหล่งท่องเที่ยวที่มีอยู่เดิม แหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ แหล่งท่องเที่ยวที่จะพัฒนาขึ้นใหม่ วิเคราะห์และจัดลำดับความสำคัญของแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพระดับต่างๆ กำหนดแนวทางการพัฒนาและการเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ โดยวิเคราะห์ถึงปัญหาในการเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวทั้งทางบก ทางทะเล และทางอากาศ เพื่อเสนอแนะแนวทางในการแก้ไขปัญหา
กลุ่มอันดามันมีฐานทรัพยากรการท่องเที่ยวที่หลากหลายและมีศักยภาพสูง โดยเฉพาะทรัพยากรการท่องเที่ยวทางทะเลที่มีชื่อเสียงติดอันดับโลก ซึ่ง ภูเก็ต เพิ่มบทบาท “ICT City” สู่การเป็น “ฐานอุตสาหกรรมความรู้” พัฒนาคุณภาพและมาตรฐานบริการด้านการแพทย์และการพยาบาลตลอดจนพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับธุรกิจ MICE และ Marina เพื่อเสริมบทบาทด้านการเป็น “เมืองนันทนาการ” เพื่อเพิ่มจุดขายแก่กลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีรายได้สูง พังงา เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวแบบ Long Stay ระนอง เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ กระบี่ เป็นแหล่งท่องเที่ยวอนุรักษ์คุณภาพสูง และตรังเป็นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
นายพิชิต กล่าวว่า โครงการดังกล่าวสามารถครอบคลุมการศึกษาในวงกว้างทุก ๆ ด้าน ใช้งบประมาณ 25 ล้าน สัญญาเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2554 – 1 มกราคม 2554 เมื่อศึกษาเสร็จแล้วโครงการนี้จะมีประโยชน์ ในการที่จะจัดสรรงบประมาณให้กับจังหวัด ต่าง ๆ ได้ถูกต้องตามหลักวิชาการ และมีแผนแม่บท ในการที่จะนำเสนอต่อ รัฐบาลว่าโครงการเหล่านี้ได้ผ่านการศึกษา ตามความเหมาะสมแล้วตามหลักวิชาการ ซึ่งไม่ใช้นำเสนอตามความต้องการของคนไหน คนหนึ่ง และเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียในการพัฒนาจุดอ่อนต่าง ๆ ทำให้การวางแผนพัฒนานี้รอบครอบยิ่งขึ้น ส่วนในงบประมาณ ปี 2554 กลุ่มจังหวัดอันดามัน ได้งบประมาณ 253 ล้านบาท
สิรินทร สินอนันต์ ข่าว/พิมพ์/ภาพ ณรงค์ศักดิ์ แสงสีดำ ส.ปชส.ภูเก็ต/ทาน
------------------------------------------------------
รองอธิบดีกรมพลังงานฯ ติดตามความคืบหน้าระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนเชื่อหลังดำเนินการครอบคลุมทั้งระบบภูเก็ต คาดเป็นแหล่งผลิตไฟจากพลังงานทดแทนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
เมื่อเวลา 14.00 น. วันอังคารที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 ที่ห้องประชุมกลุ่มงานสิ่งแวดล้อมเทศบาลนครภูเก็ต นายทวารัฐ สูตะบุตร รองอธิบดีกรมพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ตรวจติดตามแผนการดำเนินการและพัฒนาระบบจัดการขยะเพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้า โดยมีนางสาวสมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีเทศบาลนครภูเก็ต พร้อมด้วย จสอ.ประชุม สุริยะ นักวิชาการสุขาภิบาล ว.8 เทศบาลนครภูเก็ตร่วมนำเสนอข้อมูลและแนวทางการพัฒนาระบบจัดการขยะเพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้าของเทศบาลนครภูเก็ต
นายทวารัฐ กล่าวว่า การเดินทางมายังจังหวัดภูเก็ตในครั้งนี้เพื่อติดตามความคืบหน้าแผนการผลิตพลังงานทดแทนจากขยะ ซึ่งจังหวัดภูเก็ตนั้นเคยประสบปัยหาเรื่องขยะล้นเมืองเนื่องจากปริมาณขยะที่เกิดขึ้นในแต่ละวันมีจำนวนมากแต่เตาเผาขยะสามารถรองรับและกำจัดขยะได้เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น และก่อนหน้านี้ทางกระทรวงพลังงานฯมีแผนรับซื้อกระแสไฟฟ้าในราคาสูงที่ได้จากการผลิตจากพลังงานทดแทนซึ่งทางเทศบาลนครภูเก็ตได้ร่วมดำเนินการและขณะนี้ทราบว่าเทศบาลนครภุเก็ตมีโครงการสร้างเตาเผาขยะเพิ่มอีก 1ชุดโดยให้เอกชนเข้ามาลงทุนสร้างเตาเผาขยะเพื่อผลิตไฟฟ้าขายเข้าระบบ ซึ่งสามารถกำจัดขยะได้วันละ 700 ตัน โดยการก่อสร้างคืบหน้าไปแล้ว 45 % ถ้าการดำเนินการเสร็จสิ้นภูเก็ตจะมีระบบผลิตไฟฟ้าจากขยะที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
สำหรับการนำเสนอเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากกระทรวงพลังงาน เพื่อนำมาดำเนินการระบบผลิตก๊าซเชื้อเพลิงจากขยะ GASIFICATION โดยใช้งบประมาณ 100 ล้านบาท ว่า เป็นวิสัยทัศน์ที่ดีในการจัดการขยะฝังกลบมาแปรรูปเป็นพลังงาน เนื่องจากขณะนี้มีบ่อฝังกลบอยู่ 5 บ่อมีปริมาณขยะประมาณ 1 ล้านตัน ซึ่งเรื่องนี้คงจะต้องไปศึกษาดูว่าจะสามารรถดำเนินการอย่างไรต่อไป แต่สิ่งที่อย่างจะสนับสนุนคือเรื่องของการคัดแยกขยะโดยการจัดตั้งศูนย์กระจายไปตามพื้นที่ต่างๆและนำขยะแห้งมาอัดเป็นแท่งก่อนที่จะนำเข้าสู่ระบบ ซึ่งจะทำให้ขยะดังกล่าวจะเป็นเชื้อเพลิงได้เป็นอย่างดีและสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้เต็มที่
ด้านนางสาวสมใจ กล่าวว่า ปัจจุบันขยะในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตมีปริมาณวันละ 570 ตัน เตาเผาขยะสามารถกำจัดได้วันละ 250 ตัน อยู่ระหว่างการดำเนินโครงการก่อสร้างเตาเผาขยะตัวใหม่ซึ่งเอกชนเป็นผู้ดำเนินการโดยสามารถเผาขยะได้วันละ 700 ตัน ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 14 แมกวัตน์ ซึ่งขณะนี้การก่อสร้างมีความคืบหน้าไปแล้ว 45% ซึ่งการก่อสร้างจะแล้วเสร็จในปี 55 แต่อย่างไรก็ตามปริมาณขยะของภูเก็ตมีปริมาณเพิ่มขึ้นปีละ7% และอีก 10 ปี ข้างหน้าปริมาณขยะของภูเก็ตจะเพิ่มเป็น 3 เท่า เพราะฉนั้นจะต้องลดปริมาณขยะจาก7% .ให้เหลือ 3 % หรือ 5% .นอกจากนั้นจังหวัดภูเก็ตยังมีขยะที่อยู่ในระบบฝังกลบอีก 5 กว่า 1 ล้านตัน ซึ่งทางเทศบาลได้ทำการศึกษาและมีแผนที่จะนำขยะดังกล่าวมาผลิตเป็นพลังงานทดแทน ซึ่งการดำเนินการจัดการขยะของภูเก็ตจะต้องดำเนินการแบบบูรณาการ
สิรินทร สินอนันต์ ข่าว/พิมพ์/ภาพ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็นทั่วไป