เทศบาลเมืองป่าตองประชุมสภาสมัยสามัญสมัยที่ 3 ครั้งที่ 2 ผ่านงบกว่า 300 ล้านบาทพัฒนาด้านเศรษฐกิจ
เมื่อเวลา 10.30 น.ของวันที่ 8 สิงหาคม 2554 ที่ห้องประชุมพระพิสิฎฐ์กรณีย์ เทศบาลเมืองป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ได้มีการประชุมสภาเทศบาลเมืองป่าตอง สมัยสามัญ สมัยที่ 3 ครั้งที่ 2 ประจำปี 2554 เพื่อพิจารณาร่างเทศบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2555 และพิจารณาร่างเทศบัญญัติเทศบาลเมืองป่าตอง เรื่อง การควบคุมและการจัดเก็บค่าธรรมเนียมบำบัดน้ำเสีย ซึ่งทางสภาเทศบาลเมืองป่าตอง มีมติรับหลักการแห่งร่างเทศบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 และร่างเทศบัญญัติเทศบาลเมืองป่าตอง เรื่อง การควบคุมและการจัดเก็บค่าธรรมเนียมบำบัดน้ำเสีย พ.ศ. .....โดยมีนาย ธานินทร์ อรรถทรัพย์ ประธานสภาเทศบาลเมืองป่าตอง เป็นประธานการประชุม และมีนาย เปี่ยน กี่สิ้น นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง คณะผู้บริหาร สมาชิกสภา หัวหน้าส่วนราชการ เทศบาลเมืองป่าตองเข้าร่วม
ทั้งนี้ที่ประชุมได้ผ่านความเห็นชอบเทศบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2555 ซึ่งได้มีการตั้งจ่ายเป็นเงินจำนวนรวม302,892,200 บาท ประกอบด้วย ด้านการเศรษฐกิจ ด้านการดำเนินงานอื่นๆ ด้านบริการชุมชนและสังคม และด้านการบริหารงานทั่วไป และได้ประมาณการรายรับไว้รวมประมาณ 303,170,000 บาท ทั้งรายได้จากหมวดภาษีอากร หมวดค่าธรรมเนียม ค่าปรับ และใบอนุญาต หมวดรายได้จากทรัพย์สิน หมวดรายได้จากสาธารณูปโภคและการพาณิชย์ หมายรายได้เบ็ดเตล็ด และรายได้ที่รัฐบาลเก็บแล้วจัดสรรให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในหมวดภาษีจัดสรรและรายได้ที่รัฐบาลอุดหนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในหมวดเงินอุดหนุนทั่วไป
ขณะเดียวกันยังได้เห็นชอบร่างเทศบัญญัติเทศบาลเมืองป่าตอง เรื่อง การควบคุมและการจัดเก็บค่าธรรมเนียมบำบัดน้ำเสีย พ.ศ. ..... ทั้งนี้เนื่องจากปัจจุบันชุมชนในเขตเทศบาลเมืองป่าตอง มีความหนาแน่นเพิ่มขึ้นทำให้น้ำเสียและของเสียที่เกิดจากการอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการกำกับดูแลและป้องกันเกี่ยวกับการอนามัยสิ่งแวดล้อมให้กว้างขวางยิ่งขึ้น ประกอบกับพระราชบัญญัติ การสาธารณสุข พ.ศ.2535 พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 และพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ.2535 ได้ประกาศใช้และให้ท้องถิ่นตราเทศบัญญัติให้เป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมาย เพื่อให้การปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายเป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมายเพื่อให้การปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายเป็นไปอย่างเคร่งครัด เทศบาลเมืองป่าตองจึงจำเป็นต้องตราเทศบัญญัติดังกล่าวขึ้น
*** สาลินี ปราบ/สนับสนุนข่าว โสภณ เคี่ยมการ ส.ปชส.ภูเก็ต/ทาน
-------------------------------
ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ลงพื้นที่ตรวจราชการ ตม. ภูเก็ต
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (9 ส.ค. 54) พล.ต.ท.วิบูลย์ บางท่าไม้ ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เดินทางลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อตรวจเยี่ยมและมอบนโยบาย แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จ.ภูเก็ต โดยมี พ.ต.อ.ภาณุวัฒน์ ร่วมรักษ์ ผกก.ตม.จว.ภูเก็ต ให้การต้อนรับ พร้อมบรรยายสรุปถึงการปฎิบัติงานในพื้นที่ ในเรื่องของแรงงานต่างชาติที่เข้ามาใช้แรงงานในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ทั้งสามสัญชาติ คือ พม่า ลาว และกัมพูชา
พล.ต.ท.วิบูลย์ บางท่าไม้ ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กล่าวถึงวัตถุประสงค์ในการลงพื้นที่ตรวจราชการในครั้งนี้ว่า เพื่อเป็นการมอบนโยบายแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดภูเก็ต ในเรื่องของการปฏิบัติงานเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาใช้แรงงานในประเทศไทยขณะนี้ ซึ่งหากตรวจพบแรงงานต่างด้าวที่ไม่ได้จดทะเบียนก็จะต้องทำการจับกุมทันที แต่วิธีการตรวจสอบแรงงานต่างด้าวในขณะนี้ ยังไม่ดีพอ เพราะมีแค่ระบบ IMM ซึ่งปลายเดือนกันยายนนี้ จะมีการนำเครื่องตรวจสอบระบบใหม่มาใช้งาน ซึ่งจะสามารถตรวจสอบได้ดีกว่า เพราะมีการเชื่อมโยงเครือข่ายกันทั่วประเทศ
*** โสภณ เคี่ยมการ ส.ปชส.ภูเก็ต/ข่าว /ทาน ดวงพร สุเด็น / พิมพ์
--------------------------------------
ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตพบปะพี่น้องมุสลิม ต.ราไวย์ ในช่วงรอมฎอน ตามโครงการส่งเสริมประเพณีวัฒนธรรมการถือศีลอดในเดือนรอมฏอน ปี 2554
เมื่อคืนวันที่ 8 สิงหาคม 2554 ณ มัสยิดเอ้าวาลุ้ลฮีดายะห์ (บางคณฑีล่าง) หมู่ที่ 5 ตำบลราไวย์ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนประชาชนเขตพื้นที่ตำบลราไวย์ ในโครงการส่งเสริมประเพณีวัฒนธรรมการถือศีลอดในเดือนรอมฎอนของพี่น้องชาวมุสลิม จังหวัดภูเก็ต ประจำปี 2554 โดยมี นายวีระวัฒน์ จันทร์เพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย นายสรธรรม จินดา รองนายก อบจ.ภูเก็ต นายประยูร หนูสุก วัฒนธรรมจังหวัดภูเก็ต นายบำรุง สำเภารัตน์ ประธานคณะกรรมการอิสลามจังหวัดภูเก็ต ตลอดจน ภาคส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่น อิหม่าม และประชาชน เข้าร่วม
ทั้งนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมพบปะพูดคุยพร้อมรับประทานกับ โต๊ะอิหม่าม และประชาชนในพื้นที่ จากนั้นได้ร่วมกันมอบอินทผาลัม น้ำตาลและสนับสนุนงบประมาณ เพื่อการละศีลอดแก่ประชาชนในพื้นที่ของมัสยิด
ทั้งนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมพบปะพูดคุยพร้อมรับประทานกับ โต๊ะอิหม่าม และประชาชนในพื้นที่ จากนั้นได้ร่วมกันมอบอินทผาลัม น้ำตาลและสนับสนุนงบประมาณ เพื่อการละศีลอดแก่ประชาชนในพื้นที่ของมัสยิด
*** ณรงค์ศักดิ์ แสงสีดำ ส.ปชส.ภูเก็ต/ข่าว/ภาพ เสงี่ยม เอียดตน/พิมพ์
-------------------------------
กาชาดร่วมชมรมแม่ดีเด่นแห่งชาติ ประจำจังหวัดภูเก็ต จัดเลี้ยงอาหารพระราชทานแก่ผู้ต้องขังหญิง
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 9 ส.ค. 54 ที่เรือนจำจังหวัดภูเก็ต นางลัดดา โอภาสกรกุล ประธานชมรมแม่ดีเด่นแห่งชาติ ประจำจังหวัดภูเก็ต สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยฯ เป็นประธานเปิดงานจัดเลี้ยงอาหารพระราชทานแก่ผู้ต้องขังหญิง จำนวน 193 คน โดยมีนางนลินี อัครเดชา นายกเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยสมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ต นายระพินทร์ นิชานนท์ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดภูเก็ต หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม นางลัดดา โอภาสกรกุล ประธานชมรมแม่ดีเด่นแห่งชาติ ประจำจังหวัดภูเก็ต สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยฯ กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดเลี้ยงอาหารพระราชทานแก่ผู้ต้องขังหญิง ว่า ตามคณะกรรมการจัดงานวันแม่แห่งชาติ ปี 2554 สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปภัมภ์ ได้มีมติเห็นชอบการจัดงานเลี้ยงอาหารพระราชทานแก่ผู้ต้องขังหญิง ผู้ตกงาน-ผู้ยากไร้ และผู้ด้อยโอกาส โดยสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยฯได้มอบหมายให้นายกเหล่ากาชาดจังหวัด ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัด เป็นแกนนำในการร่วมจัดงานกับประธานกรรมการประสานงานส่วนภูมิภาค สภาสังคมสงเคราะห์ และนายกสมาคม/ประธานชมรมแม่ดีเด่นแห่งชาติประจำจังหวัดพร้อมกันทั่วประเทศ เพื่อถวายความจงรักภัคดีและทูลเกล้าฯถวายเป็นพระราชกุศลในปีเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระชนมพรรษา 79 พรรษา ในวันที่ 12 สิงหาคม 2554
*** สารภี ศรีธรรมรัตน์/สนับสนุนข่าว ณรงค์ศักดิ์ แสงสีดำ ส.ปชส.ภูเก็ต/ทาน
--------------------------------------
กฟภ.ภูเก็ต เล็งเห็นการมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคม จัดกิจกรรมปรับปรุงระบบไฟฟ้าภายในโรงเรียนและมอบสิ่งของ- อาหารกลางวันแก่โรงเรียนบ้านกู้กู
วันนี้ (9 ส.ค. 54) ที่โรงเรียนบ้านกู้กู อ. เมือง จ. ภูเก็ต นายมานิต วัฒนเสน ประธานกรรมการกำกับดูแลกิจการที่ดีและรับผิดชอบต่อสังคม เป็นประธานในพิธีมอบโครงการปรับปรุงระบบไฟฟ้าภายในโรงเรียนและมอบสิ่งของ-อาหารกลางวันให้กับโรงเรียนบ้านกู้กู โดยมีนายสมชาย เครือแพทย์ ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดภูเก็ต นายชลิต คันธานนท์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านกู้กู ผู้บริหารและพนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดภูเก็ต คณะครู และนักเรียนโรงเรียนบ้านกู้กู เข้าร่วม
นายสมชาย กล่าวว่า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดภูเก็ต ได้จัดทำโครงการ ปรับปรุงระบบไฟฟ้าภายในโรงเรียนและมอบสิ่งของ-อาหารกลางวันให้กับโรงเรียนบ้านกู้กู ตามนโยบายของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเรื่องของการมีส่วนร่วมและรับผิดชอบต่อสังคม โดยเฉพาะอุปกรณ์ไฟฟ้า ระบบจำหน่ายไฟฟ้าภายในโรงเรียน บางส่วนชำรุด เสื่อมสภาพตามอายุการใช้งานแต่โรงเรียนไม่มีงบประมาณและค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดภูเก็ต จึงจัดทำโครงการฯ ขึ้นเพื่อให้โรงเรียนมีอุปกรณ์และมีระบบจำหน่ายไฟฟ้าภายในโรงเรียนที่มีมาตรฐาน มีความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของบุคลากรและนักเรียน โดยมีระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่วันที่ 15-31 กรกฎาคม 2554 ส่วนโครงการอาหารกลางวันจัดขึ้นเพื่อให้นักเรียน ได้รับประทานอาหารที่ถูกหลักโภชนาการและลดภาระค่าใช้จ่ายของโรงเรียน ซึ่งการดำเนินการโครงการทั้งหมดได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากผู้บริหาร พนักงาน และลูกจ้างการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดภูเก็ต การไฟฟ้าสาขาป่าตอง และจากการสนับสนุนของผู้มีจิตศรัทธา
*** ณรงค์ศักดิ์ แสงสีดำ ส.ปชส.ภูเก็ต/ข่าว เสงี่ยม เอียดตน/พิมพ์
---------------------------------
อบต.กมลา ปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติฯ ตามโครงการ หนึ่งคน หนึ่งต้น หนึ่งฝน บริเวณเขาเก็ตหนี แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ จ.ภูเก็ต
เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2554 เวลา 09.00 น. บริเวณเทือกเขาเก็ตหนี อ. กะทู้ จ. ภูเก็ต นายวีระวัฒน์ จันทร์เพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในกิจกรรมปลูกป่า ตามโครงการ “หนึ่งคน หนึ่งต้น หนึ่งฝน เพื่อปวงชนชาวไทย “ปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ” โดยมีนายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต นายจุฑา ดุมลักษณ์ นายก อบต.กมลา ตลอดจนหน่วยต่าง ๆ ทั้งภาคส่วนราชการ และภาคเอกชน รวมถึงผู้นำท้องถิ่น และประชาชน เข้าร่วม
นายจุฑา กล่าวว่า โครงการหนึ่งคน หนึ่งต้น หนึ่งฝน เพื่อปวงชนชาวไทย “ปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ” จัดขึ้นโดยองค์การบริหารส่วนตำบลกมลา ซึ่งมีกิจกรรมการปลูกต้นไม้ และปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำจืดลงในอ่างน้ำเก็ตหนี ทั้งนี้ เพื่อเป็นการน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เพื่อปลูกป่า และฟื้นฟูพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมให้มีสภาพสมบูรณ์ ส่งเสริมให้ประชาชนรู้จักหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติ พร้อมทั้งเป็นการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในจังหวัดภูเก็ต โดยให้หน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ตลอดจนประชาชนทั่วไปได้ร่วมมือร่วมใจกันปลูกป่า และบำรุงรักษาทรัพยากรธรรมชาติ
นายจุฑา ยังได้กล่าวอีกว่า “ปัจจุบันปัญหาความเสื่อมโทรมของทรัพยากรป่าไม้ อยู่ในขั้นวิกฤตและส่งผลกระทบให้เกิดปัญหาต่อสิ่งแวดล้อมจำนวนมาก ดังนั้น การป้องกันรักษาทรัพยากรป่าไม้ที่เหลือให้คงอยู่ และให้ได้รับการฟื้นฟูให้คืนความอุดมสมบูรณ์ จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทางองค์การบริหารส่วนตำบลกมลา จึงได้จัดโครงการนี้ขึ้นมาเป็นปีที่ 3 เพื่อเป็นการสร้างจิตสำนึกการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ให้เกิดขึ้นแก่เยาวชนและประชาชนที่อยู่ในเขตพื้นที่ตำบลกมลา ทั้งนี้ ทางอบต.กมลา ก็ได้รับการสนับสนุนจากทางจังหวัดภูเก็ต และองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ในด้านการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคอย่างเต็มที่ จึงต้องขอขอบคุณในความร่วมมือเป็นอย่างดียิ่งมา ณ โอกาสนี้”
*** ณรงค์ศักดิ์ แสงสีดำ ส.ปชส.ภูเก็ต/ข่าว เสงี่ยม เอียดตน/พิมพ์
--------------------------------------
จังหวัดภูเก็ตเรียกหน่วยงานเกี่ยวข้องหารือสร้างโครงการทางเลี่ยงเมือง หลังกรมทางหลวง เสนอทางเลือกรูปแบบของการสร้างถนน 3 ทาง
วันนี้ (9 ส.ค. 54) ที่ศาลากลางจังหวัดภูเก็ตหลังใหม่ นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมโครงการสำรวจและออกแบบรายละเอียดทางแยกต่างระดับจุดตัดทางหลวง หมายเลข 402 (ถนนเทพกระษัตรี) กับทางหลวงหมายเลข 402 (ทางเลี่ยงเมืองภูเก็ต) โดยมีนายเกษม ศรีวรานันท์ วิศวกรใหญ่ด้านสำรวจและออกแบบ กรมทางหลวง นายกนก เข็มนาค ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อม ตัวแทนหอการค้าภูเก็ต ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน และประชาชน เข้าร่วม
นายเกษม กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของโครงการสำรวจและออกแบบรายละเอียดทางแยกต่างระดับจุดตัดทางหลวง หมายเลข 402 (ถนนเทพกระษัตรี) กับทางหลวงหมายเลข 402 (ทางเลี่ยงเมืองภูเก็ต) ว่า ได้จัดทำขึ้นเพื่อสำรวจและออกแบบรายละเอียด จัดเตรียมเอกสารข้อมูลประกอบการประกวดราคาและประเมินราคา พร้อมกำหนดขอบเขตลงระวางโฉนดเพื่อจัดกรรมสิทธิ์ (ถ้ามี) สำหรับโครงการก่อสร้างทางแยกต่างระดับจุดตัดทางหลวงหมายเลข 402 (ถนนเทพกระษัตรี) กับทางหลวงหมายเลข 402 (ทางเลี่ยงเมืองภูเก็ต) เพื่อให้การพัฒนาโครงการมีความสมบูรณ์ทางด้านวิศวกรรม สอดคล้องกับสภาพสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจและสังคม โดยพื้นที่ศึกษาโครงการเป็นพื้นที่บริเวณสามแยกบางคู บนทางหลวงหมายเลข 402 (ถนนเทพกระษัตรี) กม. 8+211 ซึ่งเป็นจุดตัดกับทางหลวงหมายเลข 402 (ทางเลี่ยงเมืองภูเก็ต) อยู่ในเขตพื้นที่หมู่ที่ 2 บ้านบางคู และหมู่ที่ 3 บ้านบางเหนียวของตำบลเกาะแก้ว อ. เมือง จ. ภูเก็ต
โดยรูปแบบทางเลือกเบื้องต้นมี 3 ทางเลือกประกอบด้วย ทางเลือกที่ 1 เป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมสำหรับสามแยกที่มีช่องทางต่อเชื่อมกึ่งตรง โดยจะมีส่วนโครงสร้างยกข้ามกระแสจราจรสองระดับ สำหรับโครงการนี้กำหนดให้ทิศทางเลี้ยวขวาจากสนามบินภูเก็ตไปทางเลี่ยงเมือง เป็นโครงสร้างยกระดับขนาด 2 ช่องจราจรและรถเลี้ยวขวาจากทางเลี่ยงเมืองภูเก็ตเป็นโครงการสร้างยกระดับขนาด 1 ช่องจราจร รูปแบบนี้จะมีความเหมาะสมหากปริมาณจราจรของทั้งสองทิศทางมีปริมาณใกล้เคียงกัน ส่วนรูปแบบทางเลือกที่ 2 เป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมมากสำหรับสามแยกเป็นรูปแบบ T-type ที่มีช่องทางทางต่อเชื่อมวน มีลักษณะช่องจราจรสำหรับรถเลี้ยวขวาเป็นโครงสร้างยกข้ามช่องทางรถผ่านตรง โดยกำหนดให้รถในทิศทางเลี้ยวขวาจากทางเลี่ยงเมืองเข้าตัวเมืองภูเก็ต ซึ่งคาดว่าจะมีปริมาณจราจรน้อยกว่าให้ผ่านช่องทางต่อเชื่อมวนขนาด 1 ช่องจราจร และทิศทางรถเลี้ยวขวาจากสนามบินภูเก็ตไปทางเลี่ยงเมืองซึ่งคาดว่าจะมีปริมาณรถมากกว่าให้ผ่านช่องทางต่อเชื่อมกึ่งตรง ขนาด 2 ช่องจราจร เพื่อให้รถสามารถใช้ความเร็วได้สูง รูปแบบนี้เหมาะกับการให้บริการจราจรที่มีปริมาณรถผ่านตรงในระดับต่ำถึงปานกลาง มีพื้นที่จำกัดในมุมใดมุมหนึ่ง ใช้พื้นที่ก่อสร้างพอสมควรแต่ค่าก่อสร้างต่ำกว่าแบบทางเลือกที่ 1 และรูปแบบทางเลือกที่ 3 รูปแบบสะพานข้ามแยก เป็นการกำหนดให้เส้นทางที่มีปริมาณจราจรมากคือเส้นทางเลี้ยวขวาจากถนนเทพกระษัตรีเข้าถนนเลี่ยงเมืองภูเก็ตเป็นถนนระดับดิน และก่อสร้างสะพานตามแนวถนนเทพกระษัตรี เป็นสะพานข้ามทางแยกขนาด 4 ช่องทางจราจร ส่วนรถจากถนนเลี่ยงเมืองภูเก็ตที่จะเลี้ยวขวาเข้าเมืองภูเก็ต ที่มีปริมาณค่อนข้างน้อยให้เลี้ยวซ้ายและไปกลับรถเพื่อเข้าเมืองภูเก็ต หรืออาจใช้การบริหารสัญญาณไฟจราจรที่บริเวณทางแยก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผลการศึกษาปริมาณการจราจรบริเวณทางแยก
ด้านหน่วยงานต่าง ๆ หลังจากได้มีการแสดงความคิดเห็น ได้สรุปในภาพรวมว่าไม่ต้องการที่จะให้ก่อสร้างเป็นสะพานยกระดับ เพราะจะเป็นการทำลายทัศนียภาพของเมืองท่องเที่ยว ควรจะเป็นในลักษณะทางลอดมากกว่า รวมถึงควรที่จะศึกษาไปจนถึงบริเวณแยกเกาะแก้ว เพราะเป็นจุดที่มีปัญหาจราจรติดขัดอย่างมากโดยเฉพาะช่วงเวลาเร่งด่วน รวมถึงควรศึกษาการเพิ่มเติมเส้นทางจราจรเข้าออกตัวเมืองภูเก็ตเพิ่มและการแก้ปัญหาไม่ควรจะทำเพียงจุดใดจุดหนึ่งแต่ควรมองปัญหาทั้งระบบ
*** โสภณ เคี่ยมการ ส.ปชส.ภูเก็ต/ข่าว เสงี่ยม เอียดตน /พิมพ์
-----------------------------
เจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต ให้ความรู้คนประจำเรือรุ่นที่ 2 ตามโครงกาอันดามันปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุทางน้ำหวังลดอุบัติเหตุทางน้ำสร้างความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 9 สิงหาคม 2554 ที่ โรงแรมคาทีน่า สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต จัดโครงการอบรมคนประจำเรือ รุ่น 2 โดยมี นาย นิวิทย์ อรุณรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานพิธีเปิด เพื่อเฉลิมพระเกียติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ โดยน้อมนำพระราชดำรัสของพระองค์มาเป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน และสร้างมาตรฐานความปลอดภัยในการเดินทางทางน้ำให้เป็นสากลและไร้อุบัติเหตุทางน้ำในฝั่งทะเลอันดามัน ซึ่งมีผู้เข้ารับการอบรมจำนวน 50 คน
นาย ภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ ผ็อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดที่มีลักษณะเป็นเกาะ พื้นที่ทั้งหมดติดชายฝั่งทะเล ดังนั้นการขนส่งทางน้ำจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับจังหวัดภูเก็ต โดยเฉพาะการท่องเที่ยวทางน้ำ สามารถทำรายได้ให้กับจังหวัดภูเก็ตเป็นอย่างมาก ความปลอดภัยของผู้ที่เดินทางทางเรือจึงเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งในการตัดสินใจมาเที่ยวยังจังหวัดภูเก็ต
สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต ในฐานะหน่วยงานหลักในการกำกับ ดูแลความปลอดภัยในกับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวทางทะเล คนประจำเรือเป็นส่วนหนึ่งของการที่จะทำให้การเดินทางทางน้ำได้มีความปลอดภัยได้ที่มาตรฐานสากล และเนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครบ 84 พรรษา เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต ได้น้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาเป็นแนวทางในการปฏิบัติงานและเป็นการป้องกันอุบัติเหตุทางน้ำ จึงได้ดำเนินโครงการ “อันดามันปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุทางน้ำ” ขึ้น โดยบูรณาการการทำงานกับทุกกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยในการเดินทางทางเรือให้เป็นสากล โดยมีเป้าหมายสูงสุด คือ ไม่เกิดอุบัติเหตุทางน้ำในพื้นที่ฝั่งทะเลอันดามัน
***จีรวัฒน์ บำเพ็ญวโรดม/สนับสนุนข่าว ณรงค์ศักดิ์ แสงสีดำ ส.ปชส.ภูเก็ต/ทาน
------------------------------
นายกฯ รัษฎา นำนักเรียน นักศึกษา และประชาชนร่วมฟื้นฟูสภาพป่าชายเลน บริเวณจุดชมลิง
วันนี้( 9 ส.ค.54 ) ที่บริเวณจุดชมลิง ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายสุรทิน เลี่ยนอุดม นายกเทศมนตรีตำบลรัษฎา เป็นประธานกิจกรรมโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูสภาพป่าชายเลน บริเวณจุดชมลิง ซึ่งกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมเทศบาลตำบลรัษฎา จัดขึ้น มีนายเชาวเลิศ จิตจำนงค์ รองนายกเทศมนตรีตำบลรัษฎา หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ พนักงานเทศบาลตำบลรัษฎา นักเรียนโรงเรียนบ้านเกาะสิเหร่ โรงเรียนบ้านกู้กู และนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต รวมถึงเครือข่ายภาคประชาชน และประชาชนผู้สนใจ เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก โดยการร่วมกันปลูกป่าชายเลนเต็มพื้นที่บริเวณจุดชมลิง
นายสุรทิน กล่าวว่า ป่าชายเลนเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญที่จำเป็นต้องอนุรักษ์ไว้ และเป็นภาระหน้าที่โดยตรงของเทศบาลที่จะต้องดูแล และรักษาไว้ ป่าชายเลนเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าอย่างยิ่งต่อระบบนิเวศชายฝั่งทะเล เช่น เป็นแหล่งอาหาร และอนุบาลสัตว์อ่อน เป็นแหล่งผลิตออกซิเจนและดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศ ช่วยป้องกันพายุ ป้องกันคลื่นลม ป้องกันการพังทลายของชายฝั่ง เป็นต้น แต่ปัจจุบันพื้นที่ป่าชายเลนในเขตเทศบาลตำบลรัษฎา มีจำนวนลดน้อยลงไปมาก เนื่องจากการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นการแสวงหาผลประโยชน์จากป่าโดยไม่คำนึงถึงผลที่จะเกิดขึ้นและพื้นที่ป่าชายเลนมีแนวโน้มจะลดลงมากขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต จากปัญหาดังกล่าว เทศบาลตำบลรัษฎา ได้ตระหนักถึงปัญหาด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพป่าชายเลนให้คงสภาพความอุดมสมบูรณ์เพื่อพลิกฟื้นและสร้างความสมดุลให้สัตว์น้ำให้คงอยู่ได้ และจะเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนในพื้นที่ที่มีอาชีพจับสัตว์น้ำได้มีอาชีพและมีรายได้ต่อไป และให้สอดคล้องกับนโยบายของ จ.ภูเก็ต ที่จัดให้มีโครงการ 1 ตำบล 1 ป่าชุมชน เฉลิมพระเกียรติ
กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เทศบาลตำบลรัษฎา จึงได้จัดทำโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูสภาพป่าชายเลนในเขตพื้นที่ตำบลรัษฎา ขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหามหาราชินี และเพื่อต้องการเพิ่มพื้นที่สีเขียว รวมทั้งปลูกจิตสำนึกแก่เยาวชน ประชาชน ในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลนร่วมกัน และได้ตระหนักถึงประโยชน์และคุณค่าของป่าชายเลน และการรักษาความสะอาดและการปรับปรุงภูมิทัศน์พื้นที่ในเขตเทศบาลที่ประชาชนทุกคนมีหน้าที่ที่จะต้องช่วยดูแลรักษาไว้
นายสุรทิน กล่าวว่า ป่าชายเลนเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญที่จำเป็นต้องอนุรักษ์ไว้ และเป็นภาระหน้าที่โดยตรงของเทศบาลที่จะต้องดูแล และรักษาไว้ ป่าชายเลนเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าอย่างยิ่งต่อระบบนิเวศชายฝั่งทะเล เช่น เป็นแหล่งอาหาร และอนุบาลสัตว์อ่อน เป็นแหล่งผลิตออกซิเจนและดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศ ช่วยป้องกันพายุ ป้องกันคลื่นลม ป้องกันการพังทลายของชายฝั่ง เป็นต้น แต่ปัจจุบันพื้นที่ป่าชายเลนในเขตเทศบาลตำบลรัษฎา มีจำนวนลดน้อยลงไปมาก เนื่องจากการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นการแสวงหาผลประโยชน์จากป่าโดยไม่คำนึงถึงผลที่จะเกิดขึ้นและพื้นที่ป่าชายเลนมีแนวโน้มจะลดลงมากขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต จากปัญหาดังกล่าว เทศบาลตำบลรัษฎา ได้ตระหนักถึงปัญหาด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพป่าชายเลนให้คงสภาพความอุดมสมบูรณ์เพื่อพลิกฟื้นและสร้างความสมดุลให้สัตว์น้ำให้คงอยู่ได้ และจะเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนในพื้นที่ที่มีอาชีพจับสัตว์น้ำได้มีอาชีพและมีรายได้ต่อไป และให้สอดคล้องกับนโยบายของ จ.ภูเก็ต ที่จัดให้มีโครงการ 1 ตำบล 1 ป่าชุมชน เฉลิมพระเกียรติ
กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เทศบาลตำบลรัษฎา จึงได้จัดทำโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูสภาพป่าชายเลนในเขตพื้นที่ตำบลรัษฎา ขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหามหาราชินี และเพื่อต้องการเพิ่มพื้นที่สีเขียว รวมทั้งปลูกจิตสำนึกแก่เยาวชน ประชาชน ในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลนร่วมกัน และได้ตระหนักถึงประโยชน์และคุณค่าของป่าชายเลน และการรักษาความสะอาดและการปรับปรุงภูมิทัศน์พื้นที่ในเขตเทศบาลที่ประชาชนทุกคนมีหน้าที่ที่จะต้องช่วยดูแลรักษาไว้
***สารภี ศรีธรรมรัตน์/สนับสนุนข่าว ณรงค์ศักดิ์ แสงสีดำ ส.ปชส.ภูเก็ต/ทาน