วันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ข่าวประจำวันที่ 25 ก.ค.56

รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมอธิบดี ดีเอสไอ และคณะ ลงพื้นที่ภูเก็ต ติดตามการดำเนินงานการแก้ไขปัญหาด้านการท่องเที่ยว เตรียมตั้ง ศปอท.ที่ภูเก็ต ปฏิบัติการร่วม 4 ฝ่าย ให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน ตรวจสอบจับกุม ดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมเตรียมยกร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองนักท่องเที่ยว

วันที่ 25 ก.ค.56 ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายสมศักดิ์ ภูรีศรีศักดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วย นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และคณะ ได้ประชุมร่วมกับ ดร.สมหมาย ปรีชาศิลป์ และนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐเกี่ยวข้อง และผู้ประกอบการในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ในโอกาสเดินทางมาติดตามการดำเนินงานการแก้ไขปัญหาด้านการท่องเที่ยว จังหวัดภูเก็ต ในประเด็นต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีอิทธิพลคนไทย และชาวต่างชาติ  
          โดยนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ กล่าวในที่ประชุมว่า ด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา มีนโยบายดำเนินการแก้ปัญหาเรื่องมาเฟียหรือผู้มีอิทธิพลของภูเก็ต รวมถึงพื้นที่อื่นๆ ด้วย สำหรับภูเก็ต ทางดีเอสไอ ได้ส่งหน่วยล่วงหน้ามาเก็บข้อมูล การประกอบธุรกิจผิดกฎหมายของคนต่างด้าว ได้ 2 สัปดาห์แล้ว ได้ข้อมูลเป็นสาระ 2 เรื่อง ประกอบด้วย เรื่องแรก กลุ่มผู้มีอิทธิพลแท็กซี่ป้ายดำ ตั้งแต่ท่าอากาศยานภูเก็ต จนถึงโรงแรมที่พัก พบว่ามีขบวนการยื้อยุดฉุดกระชาก ข่มขู่ให้เกิดการหวาดกลัว บังคับให้ขึ้นรถของตัวเอง เรียกราคาแพงมาก ทำให้นักท่องเที่ยวเกิดภาวะจำยอม ไม่สามารถเลือกใช้บริการได้อย่างอิสระต้องใช้บริการรถแท็กซี่ผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังมานาน อย่างไรก็ตามจากการลงมาเก็บข้อมูลในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่ามีกลุ่มผู้มีอิทธิพลแท็กซี่ป้ายดำ 15 กลุ่มใหญ่ ถือว่าเยอะมาก
          ส่วนเรื่องที่สอง กลุ่มชาวต่างชาติ รัสเซีย แล้วขยายไปสู่จีน เกาหลี โดยใช้คนไทยเป็นนอมินี ส่วนตัวเองจะอยู่เบื้องหลังทำธุรกิจผิดกฎหมาย หลายประเภท อย่างแรกเรียกค่าคุ้มครอง และเงินทองที่หาได้ส่งออกนอกประเทศไทย ซึ่งเป็นการทำผิดกฎหมายอย่างแน่นอน ซึ่งกลุ่มผู้มีอิทธิพลคนไทย และต่างชาติดังกล่าว บางครั้งก็เอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน และตอนนี้ภูเก็ตถือว่าเข้าขั้นวิกฤตอย่างมาก
ส่วนสาเหตุหลัก คือบุคคลเหล่านี้ไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง และเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเองก็ไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายเหล่านี้ได้อย่างเต็มที่ ไม่ใช่เรื่องการละเลยของเจ้าหน้าที่แต่ว่าเป็นเรื่องของความลำบากใจ ไม่มีกฎหมายที่เข้มงวดมากพอ
          สำหรับ ดีเอสไอ เป็นกฎหมายบูรณาการทำร่วมได้หลายฝ่าย ซึ่งได้มีการหารือร่วมกันแล้วจะบังคับใช้กฎหมายเต็มรูปแบบกับกลุ่มผู้มีอิทธิพล 2 กลุ่ม คือกลุ่มแท็กซี่ป้ายดำ และกลุ่มรัสเซียที่เข้ามาประกอบการอาชีพเกี่ยวกับการท่องเที่ยวโดยใช้คนไทยเป็นนอมินี โดยจะใช้กฎหมาย 3 ตัว ประกอบด้วย กฎหมายอาญาว่าด้วยเรื่องกรรโชกทรัพย์ มีโทษจำกัด กฎหมายอาญาว่าด้วยเรื่องอั้งยี่ ซ่องโจร และกฎหมายฟอกเงิน เข้าดำเนินการกุบกลุ่มผู้มีอิทธิพลเหล่านี้
โดยการเข้ามาดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ทางดีเอสไอพร้อมทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐต่างๆ ก็จะมีการตั้งศูนย์ปฏิบัติการร่วมเพื่อป้องกันและปราบปรามผู้มีอิทธิพลต่อการท่องเที่ยว (ศปอท.) จังหวัดภูเก็ต ซึ่งจะเป็นศูนย์ปฏิบัติการร่วม 4 ฝ่าย ประกอบด้วย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ,ดีเอสไอ ,จังหวัดภูเก็ต และตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตและตำรวจท่องเที่ยว โดยจะเปิดดำเนินการภายใน 15 วันนับจากนี้ ซึ่งศูนย์ดังกล่าวจะตั้งอยู่ที่บริเวณศูนย์ให้บริการนักท่องเที่ยวท่าอากาศยานภูเก็ต ทั้งนี้เพื่อสร้างความอุ่นใจให้กับนักท่องเที่ยว ทันทีที่ลงจากเครื่องจะได้รับความอุ่นใจ และสร้างความเชื่อมั่นเรื่องความปลอดภัย ตลอด 24 ชั่วโมง
          นายธาริต กล่าวอีกว่า นอกจากการตั้งศูนย์ดังกล่าวแล้ว จะมีการออกกฎหมาย พ.ร.บ.คุ้มครองนักท่องเที่ยวโดยจะเอากฎหมายของประเทศฝรั่งเศสมาเป็นต้นแบบ ซึ่งหลังจากนี้จะมีการเอ็มโอยูร่วมในระดับผู้บริหารของกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา กับกระทรวงยุติธรรม และจะมีการเวิร์คช้อป นำไปสู่ร่างกฎหมาย ซึ่งภายในปีนี้จะต้องมีกฎหมายคุ้มครองนักท่องเที่ยวออกมาให้ได้
          อย่างไรก็ตามก่อนมีการประชุมได้มีกลุ่มตัวแทนผู้ประกอบการรถ 4 ล้อเล็กหรือตุ๊กตา ในพื้นที่ป่าตอง กะรน กมลา นำโดย นายสากล ศรีสมโภชน์ ตัวแทนผู้ประกอบการรถ 4 ล้อเล็ก ได้เข้ามายื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาและอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อให้ช่วยตรวจสอบแก้ไขปัญหาตุ๊ก ตุ๊ก ป้ายดำ ทำงานแย่งอาชีพผู้ประกอบการรถถูกกฎหมายในแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ของภูเก็ต

**************************************
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาย้ำเร่งแก้ปัญหาเรื่องท่องเที่ยวในทุกเรื่องเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่นักท่องเที่ยว

                วันนี้ (25 ก.ค.56) นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วยนาย สุวัตร สิทธิหล่อ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกับนาย ธาริต เพ็งดิษฐ์  อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ  ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและกรมสอบสวนคดีพิเศษ ลงพื้นที่ จ.ภูเก็ตเพื่อตรวจสอบและหารือกับเจ้าหน้าที่ในส่วนภูมิภาคเกี่ยวกับปัญหารถรับจ้าง(แท็กซี่ )ที่มีลักษณะเป็นกลุ่มผู้มิอิทธิพลข่มขู่และทำร้ายร่างกายนักท่องเที่ยวและการดำเนินการกับตัวแทนถือครองหลักทรัพย์(นอมินี)
               นาย ธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ กล่าวว่าดีเอสไอได้รับการมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวฯและมอบหมายหน้าที่รับผิดชอบใน 2 ส่วน คือการปราบปรามผู้มีอิทธิพลซึ่งอยู่ในกรอบอำนาจของกฎหมายและเรื่องของการกระทำความผิดเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจต่างด้าวโดยผิดกฎหมายซึ่งจากการลงพื้นที่เก็บข้อมูลเป็นเวลา 2สัปดาห์ พบว่าภูเก็ตมีปัญหาอาชญากรรมอยู่ 2 ส่วน คือ คนไทยตั้งเป็นแก๊งมาเฟียโดยเฉพาะรถแท็กซี่ป้ายดำแม้ท่าอากาศยานภูเก็ตจะดูแลในส่วนของภายในท่าอากาศยานฯแต่เมื่อออกไปรอบนอกก็จะมีแก็งมาเฟียเหล่านี้คอยเข้ามาข่มขู่นักท่องเที่ยว บางครั้งถึงขั้นทำร้ายร่างกายที่สำคัญแก๊งเหล่านี้ไม่ได้มีเฉพาะบริเวณสนามบินเท่านั้น  แต่ยังลุกลามไปถึงบริเวณโรงแรมชื่อดังต่าง ๆการตั้งเป็นซุ้มไม้ไผ่รวมตัวกันให้บริการรับส่งนักท่องเที่ยวหากมีรถที่นอกเหนือจากในกลุ่มก็ไม่สามารถมาให้บริการได้และมีข้อมูลว่าขนาดรถที่จะเข้าไปรับผู้ป่วยก็ยังถูกกีดกันจากแท็กซี่กลุ่มนี้ไม่ยอมให้เข้าไปรับจนทำให้กลายเป็นเรื่องเสื่อมเสียสร้างความเสียหายให้กับจังหวัดซึ่งมีด้วยกันประมาณ 15 กลุ่ม แต่ด้วยเป็นปัญหาเรื้อรัง  และหากยังคงปล่อยไว้ก็จะแก้ไขได้ยากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆดังนั้นทุกฝ่ายต้องเข้ามาบูรณาการร่วมกันอย่างจริงจังอีกปัญหา เป็นเรื่องของมาเฟียชาวต่างชาติซึ่งมีหลายชาติด้วยกันทั้งรัสเซีย จีนและเกาหลี โดยใช้คนไทยเป็นนอมินีจากข้อมูลพบว่ามีอยู่หลานแก็งด้วยกันและคนไทยบางรายเป็นกรรมการในบริษัทถึง200 บริษัทส่วนใหญ่เป็นธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยวมีการสร้างเครือข่ายการถือครองที่ดินและครอบครองทรัพย์สินต่าง ๆซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องจัดการอย่างเร่งด่วนหากปล่อยเอาไว้จะกลุ่มต่างชาติเหล่านี้จะกลายเป็นอาชญากรรมร้ายแรงโดยดีเอสไอจะร่วมกับ ปปง. บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นเพราะการดำเนินคดีแบบทั่วไปไม่สามารถที่จะทำให้เข็ดหลาบได้ดังนั้นทางเจ้าหน้าที่จะนำกฎหมายการฟอกเงินเข้ามาบังคับใช้เพราะคดีนี้ถือเป็นการฉ้อโกงอันเป็นปกติธุระ หรือกรรโชกทรัพย์ซึ่งจะมีความผิดมูลฐานของกฎหมายฟอกเงินที่ทางดีเอสไอมีอำนาจรับผิดชอบอยู่ด้วยทั้งนี้นายธาริต กล่าวถึงการแก้ไขปัญหา ว่าจะมีการบูรณาการการทำงานร่วมกัน 4 ฝ่าย ประกอบด้วยกระทรวงท่องเที่ยวฯ,กรมสอบสวนคดีพิเศษจังหวัดภูเก็ตและสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้แก่ตำรวจภูธรและตำรวจท่องเที่ยวในพื้นที่ และตำรวจภูธรในแต่ละท้องที่ โดยจัดตั้งเป็นศูนย์ปฏิบัติการร่วมเพื่อป้องกันและปราบปรามผู้มีอิทธิพลที่เป็นภัยต่อการท่องเที่ยว หรือ ศปอท. เบื้องต้นจะเริ่มที่ จ.ภูเก็ต กับพัทยา จ.ชลบุรีโดยจะมีการตั้งหน่วยเคลื่อนที่เร็ว และจัดกำลังเจ้าหน้าที่ทั้ง 4 ฝ่ายร่วมปฏิบัติการตลอด 24 ชั่วโมงซึ่งในส่วนของภูเก็ตจะตั้งอยู่ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวภายในสนามบินภูเก็ตและอีกจุดจะอยู่ภายในตัวเมืองภูเก็ตซึ่งยังอยู่ระหว่างการหาพื้นที่ในการจัดตั้ง ซึ่งศูนย์ฯดังกล่าวจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการหลังจากนี้อีก 15 วันอย่างไรก็ตามนายธาริตกล่าวถึงการดำเนินการกับกลุ่มแท็กซี่ป้ายดำที่ทำตัวเป็นมาเฟีย ว่าจะต้องบังคับใช้กฎหมายขั้นเด็ดขาดและเต็มรูปแบบ ซึ่งมีด้วยกัน 3 ฉบับ คือกฎหมายอาญา การกรรโชกทรัพย์ กฎหมายอาญา อั้งยี่และซ่องโจรและการดำเนินการในความผิดฐานฟอกเงิน ซึ่งจะต้องมีการยึดทรัพย์ตามมาด้วยเชื่อว่าหลังจากมีการประกาศตั้งศูนย์ฯ ดังกล่าวแล้วเชื่อว่าจะมีผุ้ต้องการท้าทายการทำงานของศูนย์ฯก็คงได้เจอกันอย่างแน่นอนหลังจากนี้ 15 วันส่วนผู้ที่คิดว่าตัวเองกำลังทำผิดและไม่ต้องการให้เกิดปัญหาตามมาก็ควรจะหยุดเสียก่อนยืนยันว่าจะทำแบบขุดรากถอนโคนและทำคู่ขนานกันไปทั้งในกลุ่มที่เป็นคนไทยและต่างชาติเพราะเชื่อว่าทั้งในส่วนของต่างชาติหรือแท็กซี่ป้ายดำคงไม่สามารถทำตัวเป็นมาเฟียได้มากขนาดนี้หากไม่มีผู้มีอิทธิพลหรือผู้นำท้องถิ่นหนุนหลังเพราะจากข้อมูลพบว่าบ างกลุ่มมีนักการเมืองหนุนหลังอยู่อย่างไรก็ตามภายหลังการประชุมหารือร่วมกับภาคส่วนต่างต่างๆที่เกี่ยวข้องแล้วทางคณะทั้งหมดได้ลงพื้นที่บริเวณสวนสาธารณะโลมาหาดป่าตอง อ.กะทู้ เพื่อตรวจสภาพข้อเท็จจริง รวมถึงสอบถามข้อมูลต่าง ๆ กับผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยว โดยมีนายวีระ เกิดสิริมงคลนายอำเภอกะทู้ , พ.ต.อ. จิรภัทร โพธิ์ชนะพันธ์ ผกก.สภ.กะทู้ตลอดจนตัวแทนจากเทศบาลเมืองป่าตอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ข้อมูลโดยเฉพาะปัญหาการใช้พื้นที่บริเวณชายหาดซึ่งพบว่าปัจจุบันมีการนำเตียงและร่มผ้าใบมาจัดวางไว้เป็นจำนวนมากจากที่เคยมีข้อตกลงไว้ทำให้นักท่องเที่ยวไม่สะดวกในการขึ้นชายหาด รวมไปถึงปัญหาที่จอดรถสาธารณะเนื่องจากส่วนหนึ่งถูกรถเช่านำไปใช้เป็นที่จอดรถเพื่อทำธุรกิจบริการให้เช่าซึ่งมีเป็นจำนวนมาก
 ******************************************
ภูเก็ตจัดโครงการ “ไทยพาณิชย์ร่วมใจไทยให้โลหิต จังหวัดภูเก็ต” รณรงค์และประชาสัมพันธ์การรับบริจาคโลหิตด้วยรถรับบริการโลหิตเคลื่อนที่
                เมื่อเวลา  15.30 น.วันนี้ (25 ก.ค.56) ที่ห้องประชุมสำนักงานกาชาดจังหวัดภูเก็ต ดร.สมหมาย ปรีชาศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมเตรียมงานโครงการ “ไทยพาณิชย์ร่วมใจไทยให้โลหิต จังหวัดภูเก็ต” ครั้งที่ 1 มีคณะกรรมการเหล่ากาชาด สมาชิกเหล่ากาชาด เจ้าหน้าที่ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ ผู้แทนจากเทศบาลนครภูเก็ต ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานเขตพื้นที่ภูเก็ต และผู้เกี่ยวข้องร่วมประชุม
                ดร.สมหมาย กล่าวว่า การจัดโครงการฯ ดังกล่าว ทั้งนี้สืบเนื่องจาก ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ จังหวัดภูเก็ต มีหน้าที่ในการจัดหาโลหิตให้เพียงพอ และเป็นโลหิตที่มีคุณภาพปลอดภัย ให้แก่ผู้ป่วยที่รักษาตัวตามโรงพยาบาล ใน 6 จังหวัดชายฝั่งอันดามัน โดยภาคฯ ร่วมกับเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ต ในการจัดหาโลหิตในจังหวัดภูเก็ต และเหล่ากาชาดจังหวัดใกล้เคียง สามารถจัดหาโลหิตได้เฉลี่ย 2,000 ยูนิตต่อเดือน โดยแยกเป็นภายในสถานที่ประมาณ 700 ยูนิตต่อเดือน และจากหน่วยเคลื่อนที่ประมาณ 1,300 ยูนิตต่อเดือน แต่พบว่ายังไม่เพียงพอต่อความต้องการของโรงพยาบาลในจังหวัดภูเก็ต และจังหวัดใกล้เคียง ถึงแม้ว่าแนวโน้มการบริจาคโลหิตจะสูงขึ้น ปีละ 8-10 เปอร์เซ็นต์ ทุกปีก็ตาม ซึ่งในแต่ละวันภาคบริการโลหิตฯ ต้องจัดหาโลหิตให้ได้อย่างน้อยวันละ 80 ยูนิต ในขณะนี้มีการขอใช้โลหิตจากโรงพยาบาลต่างๆ กว่า 20 แห่งใน 6 จังหวัดชายฝั่งอันดามัน ได้แก่ ภูเก็ต พังงา กระบี่ ตรัง สตูล และระนอง สูงถึงวันละ 100 ยูนิต ปัญหาหลักที่มีในขณะนี้คือ การจัดหาโลหิตยังไม่เพียงพอและสม่ำเสมอทุกเดือน จำเป็นต้องมีการประชาสัมพันธ์และรณรงค์ให้ประชาชนมาบริจาคโลหิตเพิ่มมากขึ้น และเพิ่มการจัดหาโลหิตให้มากยิ่งขึ้น
               อย่างไรก็ตามเนื่องจากความไม่สะดวกในการจัดหาสถานที่เพื่อจัดกิจกรรมออกหน่วยรับบริจาคโลหิตของหลายๆ หน่วยงาน ทำให้ไม่สามารถจัดสถานที่ให้เข้าไปเจาะเก็บโลหิตยังหน่วยงานได้ จำเป็นต้องมีรถรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับผู้บริจาคโลหิต ด้วยปัญหานี้ทางธนาคารไทยพาณิชย์จึงได้จัดทำรถบริจาคโลหิตเคลื่อนที่เพื่อมอบให้กับศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ  สภากาชาดไทย นำไปใช้รับบริจาคโลหิตของศูนย์บริการโลหิตฯ และภาคบริการโลหิตฯ ต่างๆ ในภูมิภาค ซึ่งภาคบริการโลหิตแห่งชาติจังหวัดภูเก็ต ก็ได้รับมอบรถบริจาคดังกล่าวจำนวน 1 คัน เพื่อนำมาใช้เพิ่มความสะดวกในการรับบริจาคโลหิตในจังหวัดภูเก็ต และจังหวัดใกล้เคียง
               ทางภาคบริการโลหิตแห่งชาติจังหวัดภูเก็ต จึงได้จัดทำโครงการ  ไทยพาณิชย์ร่วมใจไทยให้โลหิต จังหวัดภูเก็ต” เพื่อรณรงค์และประชาสัมพันธ์การรับบริจาคโลหิตด้วยรถรับบริการโลหิตเคลื่อนที่ ที่สามารถนำไปจอดรับบริจาคโลหิตตามสถานที่ต่างๆ ได้ เช่น บริเวณหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัล เฟสติวัลภูเก็ต ศูนย์การค้าเทสโก้ โลตัส สาขาภูเก็ต ในมหาวิทยาลัย และหน่วยงานหรือบริษัท หรือสถานที่ที่จัดงานประจำปี กิจกรรมพิเศษในโอกาสต่างๆ เช่น งานกาชาดประจำปี ซึ่งส่วนใหญ่สถานที่เหล่านี้ ไม่มีพื้นที่เหมาะสมสำหรับจัดกิจกรรมรับบริจาคโลหิต เพื่อเพิ่มความสะดวกสำหรับผู้บริจาคโลหิต ที่จะสามารถมาบริจาคโลหิตได้ง่ายยิ่งขึ้น
นอกจากนี้เพื่อรณรงค์กระตุ้นให้ผู้บริจาคโลหิต และประชาชนทั่วไป ร่วมกันบริจาคโลหิต เพื่อช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์ เพื่อสำรองโลหิตและเกล็ดโลหิตไว้คงคลัง ในช่วงภาวะไข้เลือดออกระบาด และเพื่อรณรงค์สร้างการ “ให้” ด้วยการบริจาคโลหิตเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น
ดร.สมหมาย กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามสำหรับการประชุมในวันนี้ เป็นการเตรียมงานโครงการฯ ดังกล่าว ที่จะมีขึ้นในวันที่ 15 สิงหาคม 2556 ตั้งแต่เวลา 09.00-15.00 น. ณ ลานนวมินทร์ 72 พรรษา จังหวัดภูเก็ต โดยทางภาคบริการโลหิตแห่งชาติ จังหวัดภูเก็ต ร่วมกับเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ต และธนาคารไทยพาณิชย์ จัดขึ้น ซึ่งกิจกรรมในโครงการจะเป็นการเดินรณรงค์ประชาสัมพันธ์โครงการ โดยประสานงานกับธนาคารไทยพาณิชย์ และหน่วยงานอื่นๆ เข้าร่วมเดินรณรงค์เพื่อนำรถฯ มามอบให้กับภาคบริการโลหิตแห่งชาติจังหวัดภูเก็ต  และกิจกรรมบริจาคโลหิตโดยรถรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ เวลา 11.00-15.00 น. ณ ลานนวมินทร์ 72 พรรษา 
***************************************
ศพส.จ.ภูเก็ตปรับแผนป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดปี 2557
            เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (25 ก.ค. 56) ดร.ประเจียด  อักษรธรรมกุล หัวหน้าสำนักงานจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมเพื่อกำหนดเป้าหมายตามแผนปฏิบัติการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดอย่างยั่งยืนปี 2557 โดยมี พ.ต.อ. อรุณ  แกล้ววาที รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พร้อมส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต
          ดร. ประเจียด กล่าวว่า ทางศูนย์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด กระทรวงมหาดไทยได้แจ้งให้จังหวัดดำเนินการกำหนดเป้าหมายการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดปีงบประมาณ 2557 ตามสถานการณ์ในพื้นที่ โดยกำหนดเป้าหมายการดำเนินงานเป็นไปตามสภาพปัญหาที่แท้จริง ซึ่งให้มีการส่งแผนภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2556
          ทั้งนี้การกำหนดแผนประกอบด้วย 7 แผนงาน คือ แผนงานการสร้างพลังสังคมและพลังชุมชนเอาชนะยาเสพติด การแก้ไขปัญหาผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติด  การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันยาเสพติด การปราบปรามยาเสพติดและบังคับใช้กฎหมาย ความร่วมมือระหว่างประเทศ การสกัดกั้นยาเสพติด และการบริหารงานเชิงบูรณาการ
***********************************************
อบต.เชิงทะเลจัดฟุตบอลบางเทาคัพ ชิงถ้วย รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา
            นายมาแอน  สำราญ นายก อบต. เชิงทะเล กล่าวว่า  อบต. เชิงทะเลกำหนดจัดการแข่งขันฟุตบอล 7 คน บางเทาคัพ 2013 ณ สนามหญ้าเทียมโรงเรียนบ้านบางเทา ต. เชิงทะเล อ. ถลาง จ.ภูเก็ต เพื่อเทิดพระเกียรติพระแม่แห่งแผ่นดิน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงมีพระชนมายุ 81 พรรษา และเพื่อส่งเสริมการแข่งขันกีฬาฟุตบอลภายในตำบลให้เยาวชน ประชาชน ห่างไกลยาเสพติด รวมทั้งสนองนโยบายการสร้างความรัก ความสามัคคี สร้างความปรองดองสมานฉันท์ ประชาชน คนในจังหวัดภูเก็ต โดยใช้กีฬาเป็นสื่อ
          สำหรับประเภทการแข่งขันเป็นประเภทรุ่นประชาชนทั่วไปเพียงประเภทเดียว ตั้งเป้ามีทีมเข้าร่วมจำนวน 52 ทีม ทีมชนะเลิศจะได้รับถ้วยเกียรติยศของนายสมศักดิ์  ภูริศรีศักดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมเงินรางวัลจำนวน 200
,000 บาท เริ่มแข่งขันและเปิดสนามในวันที่ 24 สิงหาคม 2556
          ทั้งนี้ทีมที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่กองการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม อบต. เชิงทะเล โทร. 076-271096 ต่อ 106  หรือที่
www.cherngtalay.go.th ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 10 สิงหาคม 2556
*******************************************
ขนส่งจังหวัดภูเก็ตดึงพนักงานขับรถหน่วยงานราชการอบรมเพิ่มศักยภาพการปฎิบัติหน้าที่หวังเพิ่มเครือข่ายรณรงค์ความปลอดภัยการใช้รถใช้ถนน.

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 25 กรกฏาคม 56 นาย ไชยวัฒน์ เทพี ปลัดจังหวัดภูเก็ตเป็นประธานเปิดโครงการเสริมสร้างศักยภาพพนักงานขับรถของหน่วยงานราชการของจังหวัดภูเก็ตโดยทางสำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ตดำเนินการจัดขึ้น มีพนักงานขับรถจากหน่วยงานราชการในพื้นที่กว่า 70 คนเข้าร่วม
        ทั้งนี้การอบรมดังกล่าวใช้ระยะเวลา 1 วันโดยมีเนื้อหาในการอบรมคือ การขับรถอย่างปลอดภัย การดูแลบำรุงรักษาอุปกรณ์ส่วนควบของรถและกฎหมายจราจรที่มักเข้าใจผิดหรือฝ่าฝืน ซึ่งพนักงานขับรถที่เข้าร่วมรับการอบรมในครั้งนี้สามารถนำความรู้ที่ได้รับ ไปปรับใช้ในหน้าที่การงาน การใช้รถใช้ถนนในชีวิตประจำวันให้เกิดความปลอดภัย รวมทั้งสามารถเป็นแบบอย่างที่ดีในการใช้รถใช้ถนนแก่บุคคลภายนอกและเป็นการเพิ่มเครือข่ายในการร่วมรณรงค์ความปลอดภัยอันนำไปสู่การป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน
        นาย ไชยวัฒน์ เทพี ปลัดจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า เนื่องจากรัฐบาลได้กำหนดให้ความปลอดภัยทางถนน เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อขับเคลื่อนแนวทางการดำเนินการของประเทศไทยให้สอดคล้องกับปฎิญญามอสโก ที่ได้กำหนดให้ปี 2554-2563 เป็นทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนนจึงจำเป็นที่จะต้องพัฒนาสมรรถนะแก่บุคลากรในทุกภาคส่วน ให้มีความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน โดยเพาะอย่างยิ่งกลุ่มพนักงานขับรถของหน่วยงานราชการ ในฐานะบุคลากรภาครัฐที่สมควรเป็นแบบอย่างที่ดีในการใช้รถใช้ถนนให้มีความปลอดภัยแก่บุคลากรภายนอก เพราะอาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาพลักษณ์และชื่อเสียงของหน่วยงานและแม้จะปฎิบัติหน้าที่พนักงานขับรถอยู่แล้วก็ยังจำเป็นต้องได้รับการเพิ่มพูนทักษะ ความรู้ที่ใช้ในการประกอบอาชีพ รวมทั้งการปลุกจิตสำนึกความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ความมีน้ำใจและวินัยจราจรเพื่อลดการสูยเสียจากอุบัติเหตุบนถนน.

******************************************
กรมประมงสุ่มตรวจคุณภาพกุ้งภายในฟาร์มจังหวัดภูเก็ต ป้องกัน และแก้ไขปัญหาโรคกุ้งตายด่วนสร้างมาตรฐานคุณภาพพันธุ์กุ้งก่อนป้อนสู่ตลาดไปยังผู้บริโภค.
         
          นายสมชาติ  เจริญวุฒิชัย  ผู้ตรวจราชการกรมประมง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมฟาร์มแสมสาร  ซึ่งเป็นโรงอนุบาลผลิตลูกกุ้งขาวแวนดาไมส์  ในพื้นที่ หมู่ 2 ตำบลราไวย์ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต พร้อมทั้งได้สุ่มตรวจคุณภาพลูกกุ้ง อายุ 10 วัน ในห้อง LAB เพื่อดูความแข็งแรง ทนทานต่อสภาพน้ำทะเล รวมทั้งตรวจสุขอนามัยของฟาร์ม และตรวจเชื้อแบคทีเรีย เพื่อสร้างมาตรฐานคุณภาพพันธุ์กุ้งก่อนป้อนสู่ตลาดไปยังผู้บริโภค
          ผู้ตรวจราชการกรมประมง  ระบุว่า  ทางกรมประมงได้ยกระดับคุณภาพพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์กุ้งขาวแวนดาไมส์ ด้วยการพัฒนาปรับปรุงพันธุ์ รวมทั้งตรวจสอบคุณภาพโรงเพาะกุ้ง 30 ฟาร์มทั่วประเทศ เพื่อรับรองคุณภาพมาตรฐาน และสุ่มตรวจลูกกุ้งภายในโรงอนุบาล เพื่อป้องกัน และแก้ไขปัญหาโรคกุ้งตายด่วน หรือ  EMS  โดยมีอัตราการตายสูงถึง 100 % ในระยะเวลาเพียง 2 - 3 วัน หลังจากพบอาการของโรค พร้อมทั้งให้คำแนะนำ เป็นพี่เลี้ยงสร้างองค์ความรู้ให้กับผู้ประกอบการเลี้ยงกุ้ง และเกษตร
          ทั้งนี้กรมประมง ได้เปิดเผยถึงสถานการณ์กุ้งขาวแวนดาไมส์  ว่า ขณะนี้กำลังกระเตื้องขึ้นเริ่มเข้าสูภาวะปกติ  เนื่องจากเกษตรกรมีความมั่นใจเริ่มลงทุนมากขึ้น ซึ่งดูจากผลผลิตเกษตรกรทั่วประเทศออกสู่ตลาดที่ผ่านมาจนถึงเดือนกรกฎาคมนี้ มีปริมาณกุ้งแสนกว่าตัน  ซึ่งทางกรมประมงเดินหน้าตรวจคุณภาพกุ้ง ทั่วประเทศกว่า 300 แห่ง ขณะที่ในจังหวัดภูเก็ต มีจำนวน 33 ฟาร์ม ซึ่งดำเนินการไปแล้วกว่าครึ่ง ส่วนที่เหลือกำลังดำเนินการให้คำแนะนำ ประเมิน ตรวจติดตามผลต่อไป
          สำหรับโรคตายด่วนในกุ้งมีการรายงานครั้งแรกในสาธารณรัฐประชาชนจีน และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เมื่อปี 2553 และประเทศมาเลเซีย ในปี 2554 และล่าสุดพบในประเทศไทย ปี  2555

******************************************
ทต.ศรีสุนทรจัดโครงการค่ายเยาวชนอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม"

เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (25 ก.ค. 56) ณ  สถานีพัฒนาและส่งเสริมการอนุรักษ์สัตว์ป่าเขาพระแทว  นายวรวุฒิ  ทรงยศ นายกเทศมนตรีตำบลศรีสุนทร เป็นประธานเปิดโครงการค่ายเยาวชนอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ประจำปี 2556  โดยมีนางสาวสมจิต  ธัญประสาท ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านท่าเรือ คณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาล ครู นักเรียน โรงเรียนบ้านท่าเรือตลอดจนเจ้าหน้าที่ เข้าร่วมในพิธีเปิดครั้งนี้
          นายวรวุฒิ  ทงยศ นายกเทศมนตรีตำบลศรีสุนทร กล่าวว่า  ปัญหาสิ่งแวดล้อมนับวันเริ่มมีความรุนแรงขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ขาดความรู้ ความเข้าใจ ในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างฟูมเฟื่อง โดยไมคำนึงถึงขีดจำกัดของทรัพยากรอย่างฟุ่มเฟือย โดยไมคำนึงถึงขีดจำกัดของทรัพยากรที่มีอยู่
        สำหรับการจัดกิจกรรมในครั้งนี้จัดขึ้นระหว่าง วันที่  25-27 กรกฎาคม  2556  เพื่อให้เยาวชนเกิดความรู้ ความเข้าใจในเรื่องสถานการณ์ ปัญหา ผลกระทบ ความสำคัญ ของสิ่งแวดล้อม อีกทั้งเพื่อให้เยาวชนเกิดแนวคิด วิธีปฏิบัติในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและใช้ประโยชน์อย่างเหมาะสม  นอกจากนี้ทำให้เยาวชนสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปเผยแพร่ต่อบุคคลอื่นต่อไป


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็นทั่วไป