จังหวัดภูเก็ตเตรียมข้อมูลปัญหาด้านการท่องเที่ยวรับดีเอสไอ
25 กรกฎาคมนี้
เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 19 กรกฎาคม 2556
ที่ห้องรับรองศาลากลางจังหวัดภูเก็ต อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายไมตรี อินทุสุต
ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
สำนักงานภูเก็ต, ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต, ตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ต, ตำรวจน้ำ, ตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ต, จัดหางานภูเก็ต, สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้า, ท่าอากาศยานภูเก็ต, นายอำเภอกะทู้ เป็นต้น เพื่อเตรียมข้อมูลปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยว
และปัญหาเกี่ยวการประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวของชาวต่างชาติหรือนอมินีเพื่อนำเสนอต่อนายสมศักดิ์
ภูรีศรีศักดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา และคณะของกรมดีเอสไอ
ซึ่งจะเดินทางมาติดตามตรวจสอบปัญหารถรับจ้างข่มขู่นักท่องเที่ยว
ปัญหาชาวต่างชาติทำตัวเป็นมาเฟีย และแย่งอาชีพคนไทย ในวันที่ 25 กรกฎาคมนี้
ภายหลังจากที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว
ได้ยื่นเรื่องต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ
นายไมตรี กล่าวภายการประชุมหารือกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
ว่า เหตุที่มีการเชิญหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องมาประชุมหารือร่วมกันนั้น
เพื่อเตรียมความพร้อมและข้อมูลต่างๆ
ที่จะนำเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา และอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ
เกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต
และผลของการดำเนินการบังคับใช้กฎหมาย ทั้งปัญหาแท็กซี่ที่สนามบินและจุดอื่นๆ
การรักษาความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยว การขอสนับสนุนการติดตั้ง CCTV ซึ่งได้ของบประมาณไป 251 ล้านบาทในคราวที่มีการประชุม
ครม.สัญจรเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เพิ่มอีก 2,550 ตัว
เพื่อให้ครอบคลุมทั่วทั้งเกาะภูเก็ต จากปัจจุบันที่มีอยู่ 1,419
ตัว เพื่อมาช่วยในการป้องปรามและลดปัญหาอาชญากรรมที่เกิดขึ้น
“การแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจชาวต่างชาติที่ผ่านมา
ได้มีการประสานกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และดีเอสไอ.มาโดยตลอด ซึ่งการลงมาในพื้นเป็นการได้เชื่อมโยงปัญหากันในระดับชาติ
ส่งผลให้บางปัญหาได้รับการแก้ไขไปบ้างแล้ว
แต่ยังก็ยังมีบางปัญหาที่ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ เพราะต้องใช้ เช่น
ปัญหารถแท็กซี่ป้ายดำ ซึ่งทางจังหวัดก็ได้วางกรอบการแก้ไขเพื่อนำเข้าสู่ระบบ
เป็นต้น ซึ่งการลงมาในพื้นที่ของสองหน่วยงานใหญ่ดังกล่าวก็จะทำให้การแก้ปัญหาต่างๆ
มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น”
อย่างไรก็ตาม นายไมตรี กล่าวยืนยันว่า
จังหวัดภูเก็ตไม่มีมาเฟียชาวต่างชาติที่เป็นแก๊งใหญ่
ซึ่งได้รับคำชี้แจงจากทางตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ว่า
อาจจะมีชาวต่างชาติที่รวมกันเป็นกลุ่มชั่วคราวเพื่อผลประโยชน์หรือธุรกิจเท่านั้น
แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ทางราชการเข้าไปตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายกลุ่มเหล่านั้นก็จะสลายตัวในที่สุด
ซึ่งได้มีการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง
ส่วนใหญ่ที่พบก็มักจะเป็นปัญหาที่เกิดกับกลุ่มชาวต่างชาติด้วยกันเอง เช่น
การฉ้อโกง ข่มขู่ เป็นต้น ซึ่งสามารถจัดการและแก้ไขปัญหาได้ในระดับหนึ่ง
แต่ยอมรับว่ามีบางปัญหาที่เป็นปัญหาหาเชื่อมโยงกับพื้นที่ต่อเนื่อง
ซึ่งก็ต้องอาศัยหน่วยงานจากส่วนกลางเข้ามาดูแลและแก้ไข
แต่กรณีที่มีการร้องเรียนก็สามารถแก้ปัญหาได้ในระดับหนึ่ง และแก้ไปเป็นจุดๆ เช่น
กรณีชาวบ้านบางเทาร้องเรียนว่าถูกคนต่างชาติแย่งประกอบอาชีพ
ก็ได้มีการเข้าไปตรวจสอบ และดำเนินการตามขั้นตอน เป็นต้น
ดังนั้นในส่วนของปัญหาที่เกิดขึ้นต่างๆ อยากให้มีการแจ้งรายละเอียดเข้ามา
เพื่อจะได้ลงไปแก้ปัญหาให้ได้ตรงจุด
--------------------------------------------------------------
สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย-ภูเก็ต
ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต
จัดประชุมเชิงปฏิบัติการโครงการเฝ้าระวังและดูแลสตรีไทยจากมะเร็งเต้านม
เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (19 ก.ค.56)
ที่โรงแรมรอยัลภูเก็ตซิตี้ อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายแพทย์บัญชา ค้าของ
นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต
เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการโครงการเฝ้าระวังและดูแลสตรีไทยจากมะเร็งเต้านม
ซึ่งทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต
ร่วมกับสมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย-ภูเก็ต จัดขึ้นมีนางจันทรา
กุลวีระอารีย์ นายกสมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย-ภูเก็ต
สมาชิกสมาคมสตรีนักธุรกิจฯ วิทยากร ตลอดจนบุคลากรสาธารณสุข และอาสาสมัครสาธารณสุข
(อสม.) เข้าร่วมประชุม
นางอำไพรรณ
ภววัฒนานุสรณ์ นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการพิเศษ กล่าวว่า
การจัดประชุมในวันนี้สืบเนื่องจากปัญหาการเกิดโรคมะเร็งเต้านมในสตรี
ซึ่งเป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดในผู้หญิง จากสถิติของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ
พบผู้หญิงเป็นมะเร็งเต้านม ร้อยละร้อยละ 37 ของมะเร็งทั้งหมด
และยังมีอัตราการเสียชีวิตเป็นอันดับสองรองจากมะเร็งปอด
การเฝ้าระวัง
ป้องกัน เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งเต้านม
และเพื่อการค้นพบมะเร็งเต้านมตั้งแต่ระยะเริ่มแรก โดยการตรวจเต้านมด้วยตนเอง
จึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะถ้าพบแต่เนิ่นๆ และได้รับการรักษามีโอกาสหายได้
ดังนั้นสตรีทุกคนต้องมีความรู้ มีทักษะในการตรวจเต้านมด้วยตนเอง
การจัดประชุมเชิงปฏิบัติการในวันนี้
จึงจัดประชุมให้ความรู้แก่ทีมแกนนำซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและ อสม.
เพื่อเพิ่มความรู้
เพิ่มทักษะในการที่จะให้ความรู้แก่สตรีกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีคุณภาพ
ซึ่งได้รับความอนุเคราะห์วิทยากร แพทย์หญิงเตือนตา อินทรางกูร
ศัลยแพทย์จากโรงพยาบาลสิริโรจน์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์มานพชัย ธรรมคันโธ
สูตินารีแพทย์โรงพยาบาลศิริราช
ด้านนายแพทย์บัญชา
กล่าวว่า
สำหรับปัญหาเรื่องของมะเร็งที่จังหวัดอื่นอัตราตายคือเรื่องของหัวใจและระดับเลือดระดับหนึ่ง
แต่ที่ภูเก็ตมะเร็งมาเป็นอันดับหนึ่งของอัตราการตาย ดังนั้นวันนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีที่ทางสมาคมสตรีนักธุรกิจฯ
ได้เห็นความสำคัญเกี่ยวกับโรคมะเร็ง
ซึ่งเห็นว่าเป็นปัจจัยคุกคามต่อพี่น้องสตรีของจังหวัดภูเก็ต
ไม่ว่าจะเป็นโรคมะเร็งปากมดลูก มะเร็งเต้านม คัดกรองเร็วรักษาได้ รักษาหายได้
อย่างไรก็ตาม
สำหรับผู้ที่เข้ารับอบรมในวันนี้ เมื่อได้รับความรู้
ได้ฝึกทักษะการตรวจเต้านมด้วยตนเอง ก็ขอให้ปฏิบัติงานในเชิงรุกในพื้นที่
ตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม สอนวิธีตรวจให้สตรีกลุ่มเป้าหมายได้เฝ้าระวังตัวเอง
ด้วยสาเหตุของมะเร็งเต้านมยังไม่เป็นที่แน่ชัด
แต่การปฏิบัติตัวที่ดีจะช่วยลดความรุนแรงของโรคได้ การกินอาหาร การออกกำลังกาย
เป็นเรื่องสำคัญ ต้องให้ความรู้ควบคู่กันไป ซึ่งมะเร็งป้องกันได้และรักษาได้
หากรู้และรักษาแต่เนิ่นๆ
----------------------------------------------------------------
6
โรงเรียน ร่วมสู้ศึกกรีฑานักเรียน ในการแข่งขันกรีฑานักเรียนสังกัดเทศบาลนครภูเก็ต
ประจำปี 2556
เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (19 ก.ค.56)
ที่สนามกีฬาสุระกุล อ.เมือง จ.ภูเก็ต นางสาวสมใจ สุวรรณศุภ
พนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต เป็นประธานเปิดการแข่งขันกรีฑานักเรียนสังกัดเทศบาลนครภูเก็ต ประจำปี 2556 มีนายประดิษฐ์ แสงจันทร์ ประธานสภา อบจ.ภูเก็ต นายอรุณ โสฬส นายกเทศมนตรีตำบลราไวย์ ฝ่ายบริหาร สมาชิกสภาเทศบาลนครภูเก็ต ข้าราชการ คณะครู นักเรียน นักกีฬา ผู้ปกครอง และประชาชนทั่วไป เข้าร่วมจำนวนมาก
พนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต เป็นประธานเปิดการแข่งขันกรีฑานักเรียนสังกัดเทศบาลนครภูเก็ต ประจำปี 2556 มีนายประดิษฐ์ แสงจันทร์ ประธานสภา อบจ.ภูเก็ต นายอรุณ โสฬส นายกเทศมนตรีตำบลราไวย์ ฝ่ายบริหาร สมาชิกสภาเทศบาลนครภูเก็ต ข้าราชการ คณะครู นักเรียน นักกีฬา ผู้ปกครอง และประชาชนทั่วไป เข้าร่วมจำนวนมาก
นายธวัชชัย
ทองมั่ง ปลัดเทศบาลนครภูเก็ต กล่าวว่า ด้วยสำนักการศึกษา โดยฝ่ายกิจกรรมเด็กและเยาวชน
ได้ร่วมกับโรงเรียนในสังกัดเทศบาลนครภูเก็ต ทั้ง 6 โรงเรียน
ดำเนินการจัดการแข่งขันกีฬา-กรีฑา นักเรียนสังกัดเทศบาลนครภูเก็ต ประจำปี 2556
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนส่งเสริมให้นักเรียน คณะครู-อาจารย์
ได้ใช้กิจกรรมกีฬาเพื่อเป็นสื่อในการพัฒนาทรัพยากรบุคคล
ให้มีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง มีคุณธรรม จริยธรรม มีระเบียบวินัย
มีน้ำใจเป็นนักกีฬา มีความรักสมัครสมานในหมู่คณะ
และผลลัพธ์สุดท้าย คือได้ตัวแทนนักกีฬาในสังกัดไปแข่งขันกีฬาในระดับต่างๆ ต่อไป
โดยได้จัดแข่งขันกีฬา 10 ประเภท คือฟุตบอล ฟุตซอล วอลเลย์บอลในร่ม
วอลเลย์บอลชายหาด เซปักตะกร้อ เปตอง เทเบิลเทนนิส แบดมินตัน หมากรุก-หมากฮอส
และกรีฑา
นายธวัชชัย
กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามสำหรับการดำเนินการในครั้งนี้
ได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนจากทุกส่วนงานของเทศบาล โรงเรียนในสังกัด
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาภูเก็ต สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตกระบี่
มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ชมรมกรีฑาจังหวัดภูเก็ต
ศูนย์การท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง อบจ.ภูเก็ต
ที่ได้อนุเคราะห์ให้ใช้สนามแห่งนี้ในการแข่งขันกรีฑา
ด้าน
น.ส.สมใจ กล่าวด้วยว่า การแข่งขันกีฬา-กรีฑา นักเรียนสังกัดเทศบาลนครภูเก็ต
เป็นกิจกรรมสืบสานพัฒนาทักษะของนักเรียน ทั้งทักษะด้านร่างกาย สติปัญญา
อารมณ์และสังคม อันเป็นการพัฒนาองค์รวมของความเป็นมนุษย์
โดยใช้กิจกรรมกีฬาเป็นเครื่องมือ
ซึ่งเกิดจากความร่วมมือร่วมใจของโรงเรียนในสังกัดเทศบาลทั้ง 6 โรงเรียน ภายใต้การอำนวยความสะดวกของฝ่ายกิจกรรมเด็กและเยาวชน
สำนักการศึกษา กีฬาเป็นแหล่งหลอมรวมกิจกรรมพัฒนาทักษะต่างๆ
ให้เกิดการเสริมสร้างสิ่งต่างๆ ขึ้นมา สร้างพลานามัยให้ร่างกาย
สร้างสังคมสร้างจิตใจที่รู้จักการแพ้ การชนะและการให้อภัย ภายใต้กฎ กติกา
ของแต่ละประเภทกีฬาในนามของคณะผู้บริหารเทศบาล ขอชื่นชมในการจัดการแข่งขันครั้งนี้
และจะมุ่งเน้น เพื่อให้การกีฬาเป็นสื่อของการให้ความสุข ความสนุกสนาน
ความสามัคคีในหมู่คณะ ความเสียสละ
การระดมทรัพยากรเพื่อสนับสนุนการแข่งขันให้เป็นแบบอย่างที่ดีแก่เยาวชนสืบไป
---------------------------------------------------------------
ผู้ว่าฯ จับมือ
อบจ.ภูเก็ตและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกเยี่ยมเยือนพี่น้องมุสลิมในพื้นที่ช่วงเดือนรอมฎอน.
ที่มัสยิดบ้านพารา ตำบลป่าคลอก อ.ถลาง จังหวัดภูเก็ต นายไมตรี
อินทุสุตผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตพร้อมด้วยนายสรธรรม จินดา
รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตและคณะได้ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนพี่น้องประชาชนชาวมุสลิมเขตพื้นที่ตำบลป่าคลอก
ในโครงการส่งเสริมประเพณีวัฒนธรรมการถือศีลอดในเดือนรอมฎอนของพี่น้องชาวมุสลิม
จังหวัดภูเก็ต ประจำปี 2556 ซึ่งได้นำอินทผาลัมเพื่อการละศีลอดมามอบให้แก่มัสยิดบ้านพารา
โดยมี คณะกรรมการอิสลามจังหวัดภูเก็ต ผู้นำท้องถิ่น โต๊ะอิหม่าม
และพี่น้องมุสลิมในพื้นที่เข้าร่วม
สำหรับเดือนรอมฎอนเป็นเดือนอันประเสริฐของมวลมนุษยชาติ รวมทั้งเป็นเดือนแห่งการปลดปล่อย เป็นเดือนของการทำบุญ เป็นเดือนที่อัลเลาะห์ (ซ.บ.) เปิดประตูความดี ปิดประตูความชั่ว การถือศีลอดเป็นโล่ถ้าหากว่าผู้หนึ่งในพวกท่านถือศีลอดในวันหนึ่งแล้ว เขาไม่ทำชั่วและพูดจาหยาบคาย ในระหว่างวันชาวมุสลิมจะละเว้นการกิน การดื่ม ซึ่งการถือศีลอดในเดือนรอมฎอน นับได้ว่าเป็นโอกาสดีที่อวัยวะของระบบทางเดินอาหารจะได้พักผ่อน จะได้ล้างสารพิษในร่างกายออกไป เพราะจากการศึกษาพบว่า การอดอาหารในระยะหนึ่งจะเป็นการขจัดสารพิษออกจากร่างกาย เพราะร่างกายจะขับของเสียที่หมักหมมหรือสารอาหารที่มีมากเกินความต้องการของร่างกาย เช่น ไขมันในเส้นเลือด หรือที่เรียกว่า คลอเรสเตอรอล ออกไป เพราะหากมีมากเกินไปในกระแสเลือดจะทำให้เกิดโรคต่างๆ ตามมา อาทิ โรคหัวใจ และหลอดเลือด มีรายงานการวิจัยพบว่า การอดอาหารอย่างสิ้นเชิง จะทำให้ความดันโลหิตลดลงในขณะที่ปริมาณของเลือดที่เข้าสู่หัวใจไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งการถือศีลอดอย่างเคร่งครัด จะช่วยทำให้ผู้ที่ถือศีลอดลดปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นจากโรคหัวใจได้ นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งเสริมสนับสนุนประเพณีวัฒนธรรมการถือศีลอดของชาวไทยมุสลิมในจังหวัดภูเก็ต สร้างการมีส่วนร่วมระหว่างภาครัฐและประชาชนในชุมชน ส่งเสริมให้คนในชุมชนเกิดความรัก ความสามัคคี รู้จักความอดทนและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อันจะนำไปสู่การลดความขัดแย้งและการทะเลาะวิวาทในชุมชน อีกทั้งเป็นการเสริมสร้างความสงบสุขให้แก่สังคมได้เป็นอย่างดียิ่ง
สำหรับเดือนรอมฎอนเป็นเดือนอันประเสริฐของมวลมนุษยชาติ รวมทั้งเป็นเดือนแห่งการปลดปล่อย เป็นเดือนของการทำบุญ เป็นเดือนที่อัลเลาะห์ (ซ.บ.) เปิดประตูความดี ปิดประตูความชั่ว การถือศีลอดเป็นโล่ถ้าหากว่าผู้หนึ่งในพวกท่านถือศีลอดในวันหนึ่งแล้ว เขาไม่ทำชั่วและพูดจาหยาบคาย ในระหว่างวันชาวมุสลิมจะละเว้นการกิน การดื่ม ซึ่งการถือศีลอดในเดือนรอมฎอน นับได้ว่าเป็นโอกาสดีที่อวัยวะของระบบทางเดินอาหารจะได้พักผ่อน จะได้ล้างสารพิษในร่างกายออกไป เพราะจากการศึกษาพบว่า การอดอาหารในระยะหนึ่งจะเป็นการขจัดสารพิษออกจากร่างกาย เพราะร่างกายจะขับของเสียที่หมักหมมหรือสารอาหารที่มีมากเกินความต้องการของร่างกาย เช่น ไขมันในเส้นเลือด หรือที่เรียกว่า คลอเรสเตอรอล ออกไป เพราะหากมีมากเกินไปในกระแสเลือดจะทำให้เกิดโรคต่างๆ ตามมา อาทิ โรคหัวใจ และหลอดเลือด มีรายงานการวิจัยพบว่า การอดอาหารอย่างสิ้นเชิง จะทำให้ความดันโลหิตลดลงในขณะที่ปริมาณของเลือดที่เข้าสู่หัวใจไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งการถือศีลอดอย่างเคร่งครัด จะช่วยทำให้ผู้ที่ถือศีลอดลดปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นจากโรคหัวใจได้ นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งเสริมสนับสนุนประเพณีวัฒนธรรมการถือศีลอดของชาวไทยมุสลิมในจังหวัดภูเก็ต สร้างการมีส่วนร่วมระหว่างภาครัฐและประชาชนในชุมชน ส่งเสริมให้คนในชุมชนเกิดความรัก ความสามัคคี รู้จักความอดทนและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อันจะนำไปสู่การลดความขัดแย้งและการทะเลาะวิวาทในชุมชน อีกทั้งเป็นการเสริมสร้างความสงบสุขให้แก่สังคมได้เป็นอย่างดียิ่ง
--------------------------------------------------
มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต
จัดเสวนา “จากราชภัฏภูเก็ตถึงถนนนักเขียน” ดึงศิษย์เก่าสองนักเขียน “วันเสาร์ เชิงศรี” และ “พลัง เพียงพิรุฬห์” ร่วมสร้างวัฒนธรรมรักการอ่าน
วันนี้ (19 ก.ค.56) ที่หอสมุด สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ
มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต (มรภ.ภูเก็ต) ได้มีกิจกรรมโครงการรักคนอ่าน
โดยทางสาขาวิชานิเทศศาสตร์ สำนักงานคณบดี คณะวิทยาการจัดการ และหอสมุด
สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ร่วมกันจัดขึ้น
โดยได้เชิญสองนักเขียนศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต “วันเสาร์
เชิงศรี” และ “พลัง เพียงพิรุฬห์”
มาร่วมเสวนา “จากราชภัฏภูเก็ตถึงถนนนักเขียน”
ทั้งนี้เพื่อหวังปลุกกระแสรักการอ่านให้กับนักศึกษาในมหาวิทยาลัย
มีผศ.นพดล จันระวัง คณบดีคณะวิทยาการจัดการ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการฯ
อาจารย์ อมรรัตน์ นาคะโร ผู้อำนวยการสำนักวิทยบริการและสารสนเทศ อาจารย์เกี่ยวข้อง
ตลอดจนนักศึกษา และแขกผู้มีเกียรติ รวมถึงผู้สนใจทั่วไป เข้าร่วม
ผศ.นพดล จันระวัง คณบดีคณะวิทยาการจัดการ กล่าวว่า การเสวนาในวันนี้
ถือเป็นหนึ่งในการสร้างบรรยากาศในการส่งเสริมการอ่านให้แก่นักศึกษา
ซึ่งในทางอ้อมจะส่งผลกลับไปสู่ผู้เขียนให้เกิดกำลังใจในการผลิตผลงาน
สร้างสรรค์แก่วงวรรณกรรมท้องถิ่นและวรรณกรรมไทย
ส่วนนักเขียนทั้งสองท่านที่เชิญมาร่วมสร้างแรงบันดาลใจในการอ่านให้กับนักศึกษา เป็นศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัย โดย “วันเสาร์ เชิงศรี” เป็นศิษย์เก่ารุ่นแรก ตั้งแต่เป็นวิทยาลัยครูภูเก็ต มีผลงานเรื่องสั้นที่ได้รับรางวัลมากมาย อาทิ “เรื่องก่อนฟ้าจะมืด” ได้รับรางวับสุภาว์ เทวกุลฯ ประจำปี พ.ศ.2549 เรื่อง “ความฝันและความตายของชายต่างด้าว” ได้รับรางวัลชมเชยจากการประกวดวรรณกรรมเรื่องสั้นการเมืองพานแว่นฟ้า ปี พ.ศ.2554 และเรื่อง “กลับไปบ้านเกิด” ได้รับรางวัลเดียวกันในปีถัดมา(พ.ศ.2555) และรางวัลอื่นๆ อีกหลายรางวัล และนอกจากนี้ยังมีผลงานรวมเรื่องสั้นล่าสุด “เราต่างเป็นคนแปลกหน้าของกันและกัน”
ขณะที่ “พลัง เพียงพิรุฬห์” ศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยเช่นเดียวกัน เป็นนักเขียนรุ่นใหม่ไฟแรงเพิ่งได้รับรางวัลสุภาว์ เทวกุล ประจำปี พ.ศ.2556 จากการเขียนเรื่องสั้น เรื่อง “เงือก” และเป็นเจ้าของผลงานล่าสุด รวมบทกวี “โลกใบเล็ก” เข้ารอบ 18 เล่ม ซีไรต์ ปี พ.ศ.2556 และล่าสุดหนังสือเล่มนี้ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง รวมบทกวี จากเซเว่นบุ๊คอวอร์ด
ด้านอาจารย์ อมรรัตน์ กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตามสำหรับการจัดโครงการรักคนอ่าน นั้น ด้วยการอ่านหนังสือเป็นกิจกรรมที่สำคัญต่อทั้งผู้อ่านและผู้เขียน สำหรับผู้อ่าน การอ่านช่วยสร้างความรู้ ความคิด และปัญญาให้แก่ผู้อ่าน ในขณะเดียวกันการมีผู้อ่านทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพก็เป็นการช่วยสนับสนุนให้กำลังใจแก่ผู้เขียน คงไม่มีประเทศใดที่เต็มไปด้วยนักเขียนที่ดี สร้างสรรค์หนังสือมีคุณภาพ แต่ปราศจากประชาชนนักอ่าน ดังนั้นถือเป็นหน้าที่สำคัญขององค์กรที่จะพัฒนาการอ่าน ให้เกิดความรักการอ่านจนเกิดเป็นวัฒนธรรม
ด้วยเหตุผลดังกล่าว ทางสาขานิเทศศาสตร์ สำนักงานคณบดี คณะวิทยาการจัดการ และหอสมุด สำนักวิทยาบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต จัดโครงการรักคนอ่าน ขึ้น โดยได้เชิญนักเขียนทั้งสองท่านดังกล่าวมาร่วมเสวนาปลุกกระแสรักการอ่านให้นักศึกษาและผู้สนใจ
ส่วนนักเขียนทั้งสองท่านที่เชิญมาร่วมสร้างแรงบันดาลใจในการอ่านให้กับนักศึกษา เป็นศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัย โดย “วันเสาร์ เชิงศรี” เป็นศิษย์เก่ารุ่นแรก ตั้งแต่เป็นวิทยาลัยครูภูเก็ต มีผลงานเรื่องสั้นที่ได้รับรางวัลมากมาย อาทิ “เรื่องก่อนฟ้าจะมืด” ได้รับรางวับสุภาว์ เทวกุลฯ ประจำปี พ.ศ.2549 เรื่อง “ความฝันและความตายของชายต่างด้าว” ได้รับรางวัลชมเชยจากการประกวดวรรณกรรมเรื่องสั้นการเมืองพานแว่นฟ้า ปี พ.ศ.2554 และเรื่อง “กลับไปบ้านเกิด” ได้รับรางวัลเดียวกันในปีถัดมา(พ.ศ.2555) และรางวัลอื่นๆ อีกหลายรางวัล และนอกจากนี้ยังมีผลงานรวมเรื่องสั้นล่าสุด “เราต่างเป็นคนแปลกหน้าของกันและกัน”
ขณะที่ “พลัง เพียงพิรุฬห์” ศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยเช่นเดียวกัน เป็นนักเขียนรุ่นใหม่ไฟแรงเพิ่งได้รับรางวัลสุภาว์ เทวกุล ประจำปี พ.ศ.2556 จากการเขียนเรื่องสั้น เรื่อง “เงือก” และเป็นเจ้าของผลงานล่าสุด รวมบทกวี “โลกใบเล็ก” เข้ารอบ 18 เล่ม ซีไรต์ ปี พ.ศ.2556 และล่าสุดหนังสือเล่มนี้ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง รวมบทกวี จากเซเว่นบุ๊คอวอร์ด
ด้านอาจารย์ อมรรัตน์ กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตามสำหรับการจัดโครงการรักคนอ่าน นั้น ด้วยการอ่านหนังสือเป็นกิจกรรมที่สำคัญต่อทั้งผู้อ่านและผู้เขียน สำหรับผู้อ่าน การอ่านช่วยสร้างความรู้ ความคิด และปัญญาให้แก่ผู้อ่าน ในขณะเดียวกันการมีผู้อ่านทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพก็เป็นการช่วยสนับสนุนให้กำลังใจแก่ผู้เขียน คงไม่มีประเทศใดที่เต็มไปด้วยนักเขียนที่ดี สร้างสรรค์หนังสือมีคุณภาพ แต่ปราศจากประชาชนนักอ่าน ดังนั้นถือเป็นหน้าที่สำคัญขององค์กรที่จะพัฒนาการอ่าน ให้เกิดความรักการอ่านจนเกิดเป็นวัฒนธรรม
ด้วยเหตุผลดังกล่าว ทางสาขานิเทศศาสตร์ สำนักงานคณบดี คณะวิทยาการจัดการ และหอสมุด สำนักวิทยาบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต จัดโครงการรักคนอ่าน ขึ้น โดยได้เชิญนักเขียนทั้งสองท่านดังกล่าวมาร่วมเสวนาปลุกกระแสรักการอ่านให้นักศึกษาและผู้สนใจ
-----------------------------------------------------------------
ภูเก็ตเร่งจัดทำและติดตามผลตามแผนปฏิบัติการเพื่อจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม
วันนี้ (19
ก.ค. 56)
ที่ห้องประชุมอาคารสำนักงานกลุ่มงานสิ่งแวดล้อมโรงเตาเผาขยะมูลฝอยเทศบาลนครภูเก็ต
ดร.สมหมาย ปรีชาศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต
เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการจัดทำและติดตามประเมินผลแผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมระดับจังหวัด
โดยมีนายเกษม สุขวารี
ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ต นางสาวสมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ตและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
ดร.สมหมาย กล่าวว่า สืบเนื่องจากการที่จังหวัดภูเก็ตได้รับการประกาศให้เป็นพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม ตาม พรบ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 จนถึงขณะนี้เพื่อคุ้มครอง ป้องกันและดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้อยู่ในสภาพที่สมดุลและในขณะเดียวกัน หากพื้นที่ใดมีความเสี่ยงที่สิ่งแวดล้อมจะถูกทำลายหรือได้รับความเสียหายจากกิจกรรมของมนุษย์ กฎหมายนี้ก็ได้เปิดโอกาสให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สามารถขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากส่วนกลาง เช่น จากคณะกรรมการกระจายอำนาจ จากกองทุนสิ่งแวดล้อม เป็นต้น เพื่อแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ แต่การขอรับการสนับสนุนงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในส่วนนี้ จำเป็นต้องบรรจุแผนงาน/โครงการไว้ในแผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมระดับจังหวัด โดยผ่านการพิจารณาให้ความเห็นขอบของคณะกรรมการจัดทำและติดตามประเมินผลแผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ซึ่งขณะนี้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้จัดทำแผนงาน/โครงการและบรรจุไว้ในร่างแผนฯ ดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว วันนี้จึงมีการประชุมคณะกรรมการจัดทำและติดตามประเมินผลแผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัดเพื่อให้ความเห็นชอบต่อร่างแผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมระดับจังหวัดของจังหวัดภูเก็ต ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 เพื่อจะได้รวบรวมโครงการของ อปท. ทั้งหมดที่ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการฯ จัดส่งให้ สผ. พิจารณาดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ที่ประชุมฯ ได้มีการบรรจุแผนเรื่องการแก้ไขปัญหาน้ำเสียในเขตเทศบาลและชุมชนของผู้ประกอบการต่าง ๆ โดยให้ทุกท้องถิ่นสำรวจตรวจสอบว่ามีสถานประกอบการใดบ้างที่มีการปล่อยน้ำเสียโดยไม่ผ่านการบำบัดให้ถูกหลักตามที่ส่วนราชการกำหนดโดยให้ทุกท้องถิ่นบังคับใช้กฎหมายด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมโดยเคร่งครัด และให้มีการบรรจุเรื่องการบำบัดน้ำเสียไว้ในแผนของจังหวัด นอกจากนี้ยังมีการให้บรรจุเรื่องการพัฒนาบุคลากรและการนำเทคโนโลโลยีต่าง ๆ มาใช้ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอีกด้วย
ดร.สมหมาย กล่าวว่า สืบเนื่องจากการที่จังหวัดภูเก็ตได้รับการประกาศให้เป็นพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม ตาม พรบ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 จนถึงขณะนี้เพื่อคุ้มครอง ป้องกันและดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้อยู่ในสภาพที่สมดุลและในขณะเดียวกัน หากพื้นที่ใดมีความเสี่ยงที่สิ่งแวดล้อมจะถูกทำลายหรือได้รับความเสียหายจากกิจกรรมของมนุษย์ กฎหมายนี้ก็ได้เปิดโอกาสให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สามารถขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากส่วนกลาง เช่น จากคณะกรรมการกระจายอำนาจ จากกองทุนสิ่งแวดล้อม เป็นต้น เพื่อแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ แต่การขอรับการสนับสนุนงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในส่วนนี้ จำเป็นต้องบรรจุแผนงาน/โครงการไว้ในแผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมระดับจังหวัด โดยผ่านการพิจารณาให้ความเห็นขอบของคณะกรรมการจัดทำและติดตามประเมินผลแผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ซึ่งขณะนี้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้จัดทำแผนงาน/โครงการและบรรจุไว้ในร่างแผนฯ ดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว วันนี้จึงมีการประชุมคณะกรรมการจัดทำและติดตามประเมินผลแผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัดเพื่อให้ความเห็นชอบต่อร่างแผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมระดับจังหวัดของจังหวัดภูเก็ต ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 เพื่อจะได้รวบรวมโครงการของ อปท. ทั้งหมดที่ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการฯ จัดส่งให้ สผ. พิจารณาดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ที่ประชุมฯ ได้มีการบรรจุแผนเรื่องการแก้ไขปัญหาน้ำเสียในเขตเทศบาลและชุมชนของผู้ประกอบการต่าง ๆ โดยให้ทุกท้องถิ่นสำรวจตรวจสอบว่ามีสถานประกอบการใดบ้างที่มีการปล่อยน้ำเสียโดยไม่ผ่านการบำบัดให้ถูกหลักตามที่ส่วนราชการกำหนดโดยให้ทุกท้องถิ่นบังคับใช้กฎหมายด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมโดยเคร่งครัด และให้มีการบรรจุเรื่องการบำบัดน้ำเสียไว้ในแผนของจังหวัด นอกจากนี้ยังมีการให้บรรจุเรื่องการพัฒนาบุคลากรและการนำเทคโนโลโลยีต่าง ๆ มาใช้ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอีกด้วย
-----------------------------------------------------------------
โกไข่
“ชุมพล ทองตัน” ระดมศิลปินขึ้นคอนเสิร์ต
“พี่ร้องให้น้องได้เรียน” ช่วยการศึกษาภูเก็ต
15 ก.ย.นี้
นายชุมพล
ทองตัน หรือโกไข่ ศิลปินค่ายแกรมมี่ กล่าวว่า วันที่ 15 ก.ค.2556
โกไข่ร่วมกับอัยการ บัณฑูร ทองตัน จะจัดคอนเสิร์ต พี่ร้องให้น้องได้เรียน ที่
อาโพรไดส์ ตรงข้ามโลตัสสามกอง เวลา 13.00-16.00 น. โดยคอนเสิร์ตครั้งนี้
จัดขึ้นมาเพื่อระดมทุนก่อตั้งมูลนิธิสภาการศึกษาภูเก็ตต่อเนื่องจากโครงการครูสอนดีจังหวัดภูเก็ต
ประกอบกับ โกไข่เองอยากมาตอบแทนสังคมชาวภูเก็ตที่ทำให้ตัวเองมีวันนี้
ซึ่ง 11 ปีแล้วที่เพลงสัญญาหน้าอ๊าม ได้เผยแพร่ ได้เผยแพร่ในจังหวัดภูเก็ต
ซึ่งโกไข่ รำลึกเสมอว่า ต้องมาตอบแทนชาวภูเก็ตด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง
โดยคอนเสิร์ตครั้งนี้จะนำเงินรายได้ตั้งสภาการศึกษาภูเก็ต
และก่อตั้งกองทุนพี่ร้องให้น้องได้เรียน มีโกไข่ เป็นที่ปรึกษา
กรรมการในกองทุนประกอบด้วย อาจารย์ที่สอนศิลปะ
และวิชาความคิดสร้างสรรค์ในเกาะภูเก็ต
กองทุนนี้จะผลักดันเด็กภูเก็ตทุกคน
และคนที่มาเรียนในภูเก็ต ทุกคนที่รักวิชาร้อง วาด ปั้น เต้น ฯลฯ
โดยจะเชิญครูมาเป็นกรรมการเพื่อจะผลักดันเด็กภูเก็ตให้เป็นรูปธรรม
กลับมาสร้างสีสันให้ภูเก็ตบ้านเรา
ซึ่งภูเก็ตบ้านเรายังต้องการนักวิชาชีพแบบนี้อยู่ ถ้าเราส่งเสริมตั้งแต่เด็กๆ ได้
หรือแม้แต่ระดับมัธยม มหาวิทยาลัย ทำให้มีงานด้านความคิด ด้านสุนทรียภาพมากขึ้น
ขอให้ทุกคนมาช่วยกันเพื่อให้มูลนิธิสภาการศึกษาภูเก็ต เกิดขึ้นได้
และช่วยให้โครงการพี่ร้องให้น้องได้เรียนเกิดขึ้นได้ โดยบัตรราคาต่ำสุด ราคา 500
บาท เพื่อต้องการให้ประชาชนมีส่วนร่วมโครงการนี้ ทั้งนี้ศิลปินมีทั้ง แก้ม
เดอะสตาร์ น้อวนนท์ เดอะวอยท์ ตั๊กแตน ชลดา เปาวลี พรพิมล โกไข่ นายสน กล้วยแสตมป์
รัชนก ศรีโสพรรณ เป็นต้น มาช่วยสร้างสีสันให้กับภูเก็ต โดยนักร้องทุกคน
ไม่คิดค่าใช้จ่ายเลย แกรมมี่โกล์ ก็มาช่วยเต็มที่อีกด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็นทั่วไป