วันพุธที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ข่าวประจำวันที่ 1 ก.ค.56

ลูกเสือ เนตรนารี ภูเก็ตเข้าร่วมประกอบพิธี เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ ปี 2556

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 1 ก.ค.56  ที่สนามสุระกุล จังหวัดภูเก็ต นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในพิธีกล่าวทบทวนคำปฏิญาณและสวนสนาม เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ ประจำปี 2556 ซึ่งทางสำนักงานลูกเสือเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษาภูเก็ต คณะกรรมการลูกเสือจังหวัดภูเก็ต ลูกเสือ เนตรนารี ผู้บังคับบัญชาลูกเสือ เนตรนารี ร่วมกันจัดขึ้น เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระผู้พระราชทานกำเนิดลูกเสือไทย และเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีและเฉลิมพระเกียรติแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ในวโรกาสที่ทรงเจริญพระชนมายุ ครบ 86 พรรษา และในฐานะองค์พระประมุขของคณะลูกเสือแห่งชาติ โดยมี นายสุเทพ นาครัตน์ รองผู้อำนวยการลูกเสือเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาภูเก็ต คณะลูกเสือ เนตรนารี ผู้บังคับลูกเสือ เนตรนารี และลูกเสือชาวบ้าน เข้าร่วมในพิธี
นายสุเทพ นาครัตน์ รองผู้อำนวยการลูกเสือเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาภูเก็ต กล่าวว่า ในรอบปีที่ผ่านมา สำนักงานลูกเสือเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาภูเก็ต ได้ดำเนินการส่งเสริมสนับสนุนจัดกิจกรรมด้านการลูกเสือในด้านต่างๆ ทั้งส่งลูกเสือชาวบ้านจำนวน 60 คน เข้าร่วมกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในวันที่ 1 ธันวาคม 2555 ณ ค่ายพระรามหา อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี, จัดฝึกอบรมวิชาผู้กำกับลูกเสือ ขั้นความรู้เบื้องต้น จำนวน 4 รุ่น ระหว่างวันที่ 11 มกราคม 3 กุมพาพันธ์ 2556 ณ ค่ายลูกเสือจังหวัดภูเก็ต จัดฝึกอบรมวิชาผู้กำกับลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ ขั้นความรู้เบื้องต้น จำนวน 40 คน ระหว่างวันที่ 21 - 24 มีนาคม 2556 ณ ค่ายลูกเสือจังหวัดภูเก็ต ส่งผู้บังคับบัญชาลูกเสือเข้ารับการฝึกอบรม หลักสูตรวิชาแผนที่-เข็มทิศ จำนวน 3 คน ระหว่างวันที่ 20-22 มีนาคม 2556 ณ ค่ายลุกเสือชั่วคราวสถานีพัฒนาและส่งเสริมการอนุรักษ์สัตว์ป่าเขาช่อง อ.นาโยง จ.ตรัง ส่งผู้บังคับบัญชาลูกเสือเข้ารับการฝึกอบรม หลักสูตรวิชาผู้กำกับลูกเสือสำรอง ขั้นความรู้เบื้องต้น จำนวน 13 คน ระหว่างวันที่ 1- 4 เมษายน 2556 ณ ค่ายลุกเสือจังหวัดกระบี่ ข้าราชการครูและบุครากรทางการศึกษา ในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาภูเก็ต จำนวน 42 คน ฝึกอบรมผู้บังคับบัญชาลูกเสือระดับผู้นำ ขั้นความรู้ชั้นสูง ระหว่างวันที่ 22 - 27 เมษายน 2556 ณ ค่ายลูกเสือจังหวัดภูเก็ต งานชุมนุมลูกเสือชาวบ้านภาคใต้ ครั้งที่ 11 เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระเจริญพระชนมพรรษา 86 พรรษา ระหว่างวันที่ 3-4 พฤษภาคม 2556 ณ อนุสรณ์สถานเมืองถลาง อ.ถลาง จ.ภูเก็ต โดยนำ ผู้บริหาร วิทยากรและลูกเสือชาวบ้าน เข้าค่ายพักแรมร่วมกิจกรรม จำนวน 2,486 คน, ส่งผู้บังคับบัญชาลูกเสือเข้ารับการฝึกอบรม หลักสูตรวิชาบุกเบิก จำนวน 9 ราย ระหว่างวันที่ 23 - 27 พฤษภาคม 2556 ณ ค่ายลูกเสือจังหวัดภูเก็ต และส่งกองเนตรนารีสามัญ โรงเรียนวิชิตสงคราม เข้าร่วมกิจกรรมประกวดระเบียบแถวลูกเสือ เนตรนารี ระดับประเทศ ประจำปี 2556 ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2556 ณ ลานพระราชวังดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร
ซึ่งกิจกรรมต่างๆ ดังกล่าวข้างต้น นับเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมพัฒนากระบวนการกิจการลูกเสือของจังหวัดภูเก็ตให้มีความเจริญก้าวหน้า อันรวมถึงการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรมแก่เยาวชนที่เป็นอนาคตของชาติสืบไป

---------------------------------------------------
เครือข่ายอำเภอกะทู้ รวมพลัง ป้องกันควบคุมโรคไข้เลือดออกเพื่อความปลอดภัยของประชาชนและนักท่องเที่ยว
            วันนี้ (1 ก.ค. 56) ที่ห้องประชุมโรงพยาบาลป่าตอง นายแพทย์บัญชา  ค้าของ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมรวมพลังเครือข่าย ป้องกันควบคุมโรคไข้เลือดออกเพื่อความปลอดภัยของประชาชนและนักท่องเที่ยว โดยมีนายสมบูรณ์  อัยรักษ์ รองนายกเทศมนตรีเมืองกะทู้ นายประสาน  ยอดต่อ รองนายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง นายเสรี  ลาภมาก รองนายก อบต. กมลา เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจากทุกอำเภอ และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม
          นายแพทย์บัญชา  กล่าวว่า สถานการณ์โรคไข้เลือดออกจังหวัดภูเก็ตปีนี้ เพียงแค่ 6 เดือนแรก มีผู้ป่วยไข้เลือดออกมากกว่าปีที่แล้วถึง 3.2 เท่า นับว่ารุนแรงที่สุดในรอบ 20 ปี เทียบกับการระบาดใหญ่เมื่อปี 2530 และ 2541 โดยองค์การอนามัยโลกได้ระบุให้โรคไข้เลือดออกเป็นโรคเขตร้อนที่แผ่ขยายออกไปเร็วที่สุดของโลก แต่ละปีมีผู้ป่วยสูงถึง 300 ล้านคน สำหรับปีนี้ มีผู้ป่วยมากกว่าที่องค์การอนามัยโลกคาดประมาณไว้ถึง 3 เท่า ซึ่งจากข้อมูลเฝ้าระวังโรคของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ปี 2556 (ตั้งแต่ 1 มกราคม – 28 มิถุนายน) มีผู้ป่วยไข้เลือดออกแล้ว 1
,193 ราย อำเภอเมือง 535 ราย อำเภอถลาง 471 ราย อำเภอกะทู้ 187 ราย แต่เมื่อเทียบเป็นอัตราป่วยต่อประชากรแสนคน อำเภอกะทู้ป่วยสูงเป็นอันดับ 2 ของจังหวัดภูเก็ต
          ทั้งนี้เนื่องจากขณะนี้ยังเป็นช่วงฤดูฝนที่มีการระบาดของโรคไขเลือดออก โดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรค และจากการสุ่มประเมินลูกน้ำยุงลายในบ้าน พบว่าใน 100 หลังคาเรือน พบลูกน้ำยุงลาย 60 หลังคาเรือน (เป้าหมายในบ้าน 100 หลัง หากพบลูกน้ำมากกว่า 10 หลัง ถือว่าเสี่ยงต่อการถูกยุงกัดมีโอกาสป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกสูงมาก) แสดงว่าประชาชนคนภูเก็ตยังปล่อยปละละเลยไม่จำกัดยุงลายพาหะนำโรคไข้เลือดออก มองข้ามการมีแหล่งเพาะพันธุ์ยุงในบ้านตนเอง จังหวัดภูเก็ตได้ดำเนินการควบคุมการระบาดโรคไข้เลือดออก ตาม “ยุทธการต้านยุงลาย 333” ด้วยกลยุทธ์ “ 3 วัน 3 สัปดาห์ 3 เดือน” ที่เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 24  เมษายน
ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ก็เข้าสู่การรณรงค์ช่วง 3 เดือน ซึ่งกำหนดสิ้นสุดในเดือนกันยายนนี้
          ดังนั้น ในวันนี้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ตจึงได้ร่วมกับเครือข่ายอำเภอกะทู้ และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องช่วยกันระดมความคิดเห็นเพื่อร่วมกันจัดการปัญหาโรคไข้เลือดออกในเขตอำเภอกะทู้ และกระตุ้นให้ประชาชนมีความตระหนัก ให้ความร่วมมือทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลายในอาคาร บ้านเรือน โรงเรียน ชุมชน รวมถึงเพื่อช่วยกันประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนให้ผู้ที่มีไข้ สงสัยป่วยเป็นเป็นโรคไข้เลือดออกไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด ทั้งนี้เพื่อสร้างความปลอดภัย ความมั่นใจให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวทุกคน
-------------------------------------------------------------
นักเรียนโรงเรียนวัดสุวรรณคีรีวงศ์ป่าตอง กว่า 20 คนเกิดอาการอุปทานหมู่กรีดร้องขณะทำกิจกรรมอาจารย์เร่งนำส่งโรงพยาบาลติดตามอาการอย่างใกล้ชิด.
          เมื่อช่วงเช้าวันที่ 1 กรกฏาคม 2556 ที่โรงเรียนวัดสุวรรณคีรีวงศ์ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ตได้เกิดเหตุนักเรียน 22  คนเป็นหญิง 21 ราย ชาย 1 ราย เกิดอาการอุปทานหมู่โดยมีอาการหวีดร้องขณะทำกิจกรรมหน้าเสาธงและบางส่วนเกิดอาการขณะทำกิจกรรมหน้าชั้นเรียน โดยหลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวทางครูได้แจ้งไปยัง ศูนย์นเรนทร์อันดามัน เพื่อประสานเจ้าหน้าที่ จากโรงพยาบาลป่าตองรวมถึงเจ้าหน้าที่จากเทศบาลเมืองป่าตองเร่งนำนักเรียนทั้งหมดส่งโรงพยาบาลป่าตองทันทีโดยเบื้องต้นมีนักเรียนที่ต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล 3 ราย รอสังเกตอาการอีก 5 ราย ส่วนที่เหลือ 14 ราย สามารถกลับบ้านได้       
         
จากการสอบถามข้อมูลทราบว่าก่อนเกิดเหตุนักเรียนกลุ่มนี้ซึ่งเป็นนักเรียนระดับชั้น ม.1  ม.3 เพิ่งกลับจากเข้าค่ายอบรมกลุ่มเสี่ยงยาเสพติดที่จังหวัดพังงา เมื่อกลับมาโรงเรียนก็เกิดอาการดังกล่าวขึ้นซึ่งกำลังหาสาเหตุอยู่ว่าเกิดจากสาเหตุใด
            อย่างไรก็ตามทางโรงพยาบาลป่าตองได้ทีมจิตเวชลงดูแลบรรเทาทางด้านจิตใจแก่นักเรียนกลุ่มดังกล่าวอย่างใกล้ชิดแล้ว
-----------------------------------------------------------
ศาลจังหวัดภูเก็ต-ศาลแรงงานภาค 8 เปิดโครงการ “ร่วมใจไกล่เกลี่ยและสมานฉันท์” มั่นใจลดคดีขึ้นสู่ศาล

เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (ก.ค.56) ที่ศาลจังหวัดภูเก็ต นาย ไสลเกษ วัฒนพันธุ์ ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 8 เป็นประธานเปิดโครงการร่วมใจไกล่เกลี่ยและสมานฉันท์” ซึ่งศาลจังหวัดภูเก็ต จัดขึ้น มีนาย ปริญญา วัฒนพันธุ์ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดภูเก็ต นาย ณัฐพงศ์ จริตงาม ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชน และครอบครัวจังหวัดภูเก็ต คณะผู้ประนีประนอมประจำศาล รวมถึงแขกผู้มีเกียรติ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
          นาย ปริญญา วัฒนพันธุ์ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การจัดโครงการดังกล่าวนั้นจัดขึ้นทั่วประเทศ เพื่อเป็นการสอดรับนโยบายสำนักงานศาลยุติธรรม ในการส่งเสริมสนับสนุนการระงับข้อพิพาททางเลือกโดยเฉพาะด้านการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท และการสมานฉันท์และสันติวิธี เพื่อให้คู่ความได้มีโอกาสเลือกใช้ควบคู่กับการพิจารณาคดีของศาลในการยุติคดี หรือข้อพิพาทที่เกิดขึ้นศาลจังหวัดภูเก็ต จึงได้จัดโครงการ
 “ร่วมใจไกล่เกลี่ยและสมานฉันท์” ขึ้นในเดือนมิถุนายน ถึงเดือนกรกฎาคม 2556  เพื่อเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของคู่ความในการยุติข้อพิพาท โดยการระงับข้อพิพาททางเลือก เพื่ออำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชนในสังคม ก่อให้เกิดความปรองดอง และสมานฉันท์ รู้รักสามัคคี และมีส่วนร่วมในกระบวนการยุติธรรม ให้ประชาชนผู้มีอรรถคดีในศาลได้มีทางเลือกในการยุติข้อพิพาทด้วยความสะดวก รวดเร็ว ประหยัด และเป็นธรรม เผยแพร่ประชาสัมพันธ์การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายแก่ประชาชนมากยิ่งขึ้น และเพื่อเป็นการลดปริมาณคดีที่จะเข้าสู่ศาล หรือเข้าสู่การพิจารณาสืบพยาน และตัดสินคดีด้านนาย ไสลเกษ วัฒนพันธุ์ ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 8กล่าวว่า ด้วยศาลมีบุคลากรรองรับไม่เพียงพอที่จะรองรับคดีที่เข้าสู่ศาล และด้วยปัจจุบันปัญหาความขัดแย้งมีเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ทำให้มีคดีเข้าสู่ศาลเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น การจัดไกล่เกลี่ยให้แก่คู่กรณีที่พิพาทกัน นับว่ามีประโยชน์อย่างมากแก่ชุมชน สามารถทำได้รวดเร็ว ช่วยลด หรือยุติความขัดแย้งทำให้คู่กรณีสามารถเจรจายุติความขัดแย้งซึ่งกันและกัน ไม่มีใครแพ้ ไม่มีใครชนะ ลดคำว่าศักดิ์ศรีลงไปได้มาก นี่คือสิ่งที่เป็นประโยชน์ ถ้าเราทำให้คู่พิพาทเข้าสู่การไกล่เกลี่ยได้มากเท่าไหร่ ประโยชน์ต่อประชาชนก็จะมีมากโดยในปี 2556 ตั้งแต่เดือนมกราคม ถึงเดือนมิถุนายน 2556 มีคดีแพ่งเข้าสู่ระบบไกล่เกลี่ย 1,449 คดี สามารถไกล่เกลี่ยสำเร็จ 418 คดี ซึ่งคิดเป็น 81.8% มูลค่าทุนทรัพย์กว่า 920 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนคดีดังกล่าว มีการจำหน่ายคดีก่อนที่จะเข้าสู่ระบบไกล่เกลี่ย จำนวน 778 คดี สำหรับการดำเนินโครงการไกล่เกลี่ยในส่วนของจังหวัดภูเก็ตถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการจัดโครงการไกล่เกลี่ยคดีก่อนที่จะนำสู่ศาล เพราะการเข้าสู่ระบบไกล่เกลี่ยทำให้คดีความต่างๆ ที่จะขึ้นสู่ศาลมีจำนวนลดลง ย่างไรก็ตาม สำหรับคดีที่เข้าสู่ศาลปัจจุบันขณะนี้มีกว่า 10,000 คดี ด้วยภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยว เมืองเศรษฐกิจ ความขัดแย้งทางธุรกิจจึงมีสูง คดีที่เข้าสู่ศาลมากที่สุดเป็นคดีแพ่ง เกี่ยวกับที่ดิน โดยเฉพาะคดีบุกรุกที่สาธารณะ ประมาณ 50% และเป็นคดีอาญาเกี่ยวกับยาเสพติดอีกประมาณ 50% และปัจจุบันพบว่า แนวโน้มของคดีที่จะขึ้นสู่ศาลมีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง การจัดโครงการไกล่เกลี่ยจึงเป็นส่วนหนึ่งในการเข้ามาเป็นตัวเสริมทำให้คดีที่เกิดขึ้นจบเร็วขึ้น และลดจำนวนคดีที่จะขึ้นสู่ศาลจังหวัดภูเก็ตนอกจากศาลจังหวัดภูเก็ตจะจัดโครงการ ร่วมใจไกล่เกลี่ยและสมานฉันท์” แล้ว วันเดียวกัน ศาลแรงงานภาค 8 ได้จัดให้มีโครงการ “ร่วมใจไกล่เกลี่ย ประจำปี 2556” ขึ้นด้วยเช่นกัน ที่บริเวณศาลแรงงานภาค 8 โดยมีนาย สมศักดิ์ ขวัญแก้ว อธิบดีศาลแรงงานภาค 8 เป็นประธานเปิดโครงการ และมีนาย สุนาวิน สุรียพรรณ เลขานุการศาลแรงงานภาค 8 และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมเพื่อระงับข้อพิพาททางเลือก โดยเฉพาะการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท และการสมานฉันท์และสันติวิธี เพื่อให้คู่ความได้มีโอกาสเจรจายุติข้อพิพาทที่เกิดขึ้นได้ด้วยตัวเอง เป็นการเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของคู่ความให้สามารถยุติข้อพิพาท ก่อให้เกิดความพึงพอใจของคู่ความทั้ง 2 ฝ่าย

-------------------------------------------------------------
ภูเก็ตรับ 2 รางวัลดีเด่นด้านการป้องกันปราบปรามยาเสพติดจากนายกรัฐมนตรี
          เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (1 ก.ค. 56) นายจำเริญ  ทิพญพงศ์ธาดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมการติดตามผลการดำเนินงานยาเสพติดจังหวัดภูเก็ต โดยมีนายสุวัฒน์  บุปผโพธิ์ ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดภูเก็ต นายทวิชาติ  อินทรฤทธิ์ วัฒนธรรมจังหวัดภูเก็ต พร้อมส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
          นายจำเริญ กล่าวว่า ตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการตามแผนยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดอย่างยั่งยืน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 จนถึงปัจจุบันผ่านมา 9 เดือนเศษ ทาง ศพส.จังหวัดภูเก็ต ได้ดำเนินการบำบัดผู้เสพทุกระบบแล้ว จำนวน 1
,598 ราย จากเป้าหมาย 2,215 ราย คิดเป็นร้อยละ 72.14 ด้านผลการปราบปราม มีการดำเนินการต่อข้อร้องเรียนประชาชนจำนวน 66 เรื่องจาก 100 เรื่อง ด้านการป้องกัน มีการตรวจสอบหอพัก ที่พักอาศัยเชิงพาณิชย์ 196 แห่ง เป้าหมาย 230 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 85 สำหรับผลการดำเนินการเบิกจ่ายงบประมาณ แยกเป็นงบพัฒนาจังหวัด 14.6 ล้านบาทเศษ เบิกจ่ายแล้ว 7.3 ล้านบาท งบท้องถิ่น 3.7 ล้านบาทเศษ เบิกจ่ายแล้ว 1.4 ล้านบาท งบปกครอง 790,890.- บาท เบิกจ่ายแล้ว 651,590.- บาท
          นายจำเริญ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ผลการดำเนินงานด้านการป้องกันปราบปรามยาเสพติดของจังหวัดภูเก็ต ได้ดำเนินการตามเป้าหมายที่วางไว้ แต่คงต้องมีการเร่งด้านการบำบัด โดยเฉพาะค่ายดาวเด่นและระบบบังคับบำบัด ซึ่งตัวเลขยังต่ำอยู่ นอกจากนี้ต้องเร่งรัดต้องหน่วยงานที่ได้รับงบประมาณให้ดำเนินการเบิกจ่ายในช่วงเดือนกรกฏาคมนี้
          ทั้งนี้ ทางสำนักงาน ปปส. ร่วมกับ มูลนิธิป้องกันปละปราบปรามยาเสพติด ได้มอบประกาศเกียรติคุณบุคคลและองค์กรที่มีผลงานยอดเยี่ยมและดีเด่นในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด เนื่องในวันต่อต้านยาเสพติดโลก 26 มิถุนายน 2556 จำนวน 2 รางวัล ประเภทบุคคลระดับดีเด่น ด้านการส่งเสริม สนับสนุนและบริหารจัดการการแก้ไขปัญหายาเสพติด ได้แก่ นายจำเริญ  ทิพญพงศ์ธาดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ประเภทบุคคลด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ได้แก่นายสังคม  สินธุประดิษฐ์ ผู้ใหญ่หมู่ที่ 2 บ้านบางชีเหล้า ต. รัษฎา โดยทั้ง 2 รายได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณจากนางสาวยิ่งลักษณ์  ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
----------------------------------------------------------------------
สำนักงานยุติธรรมจังหวัดภูเก็ตจับมือเครือข่ายคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพภูเก็ต สร้างความปรองดองสมานฉันท์ในชุมชน
            นายสุชล  ชอบดี ประธานกรรมการเครือข่ายคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพภูเก็ต เปิดเผยว่า กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ มุ่งเน้นการส่งเสริมให้ชุมชนเข้มแข็งและสามารถพึ่งตนเองในด้านการจัดการความขัดแย้งด้วยสันติวิธีโดยการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยส่งเสริมและสนับสนุนให้เครือข่ายและอาสาสมัครคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ได้ร่วมกันดำเนินกิจกรรมในเชิงป้องกันและฝ้าระวังและแก้ไขปัญหาข้อขัดแย้ง ที่เกิดขึ้นในชุมชนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ได้สนับสนุนให้ศูนย์ไกล่เกลี่ยระงับข้อพิพาทจังหวัดและระดับชุมชน จัดกิจกรรมด้านการจัดการปัญหาหรือความขัดแย้งในชุมชนโดยเน้นเป็นทุกข์ร่วมของคนในชุมชนหรือปัญหาเชิงสาธารณะเป็นสำคัญ ด้วยการใช้กระบวนการจัดเวทีเสวนาหาทางออกร่วมกัน นำมาซึ่งความปรองดองสมานฉันท์ของคนในชุมชนได้ในหลาย ๆ ปัญหา อาทิ ปัญหาที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ ปัญหาที่อยู่อาศัยและสิ่งแวดล้อม ปัญหาวัยรุ่นตลอดจนปัญหาความไม่ปลอดภัยในชีวิแตะทรัพย์สิน ส่งผลต่อการลดปริมาณคดีขึ้นสู่ศาลได้อย่างมาก
          อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การดำเนินการที่กล่าวแล้วข้างต้นมีความต่อเนื่อง สำนักงานยุติธรรมจังหวัดภูเก็ต จึงเห็นควรให้มีการดำเนินโครงการส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ในชุมชนจังหวัดภูเก็ต ประจำปี 2556 เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้เครือข่ายและอาสาสมัครคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพและคณะกรรมการบริหารศูนย์ไกล่เกลี่ยระงับข้อพิพาทชุมชน เกิดการขับเคลื่อนกิจกรรมในเชิงป้องกัน เฝ้าระวังและแก้ไขข้อขัดแย้งในรูปแบบศูนย์ไกล่เกลี่ยระงับข้อพิพาทจังหวัดในพื้นที่ต่อไป
          สำหรับแผนโครงการส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ในชุมชนจังหวัดภูเก็ตประกอบด้วย การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อบูรณาการแผนการดำเนินกิจกรรมเสริมสร้างความสมานฉันท์ในชุมชน  การสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมของศูนย์ไกล่เกลี่ยระงับข้อพิพาทจังหวัด (เทศบาลตำบลฉลอง)  การสนับสนุนกิจกรรมผ่านสื่อชุมชน  การขับเคลื่อนกิจกรรมผ่านศูนย์ไกล่เกลี่ยระงับข้อพิพาทชุมชนเดิม (เทศบาลตำบลฉลอง) การประชุมและขับเคลื่อนกิจกรรมในชุมชนใหม่  และการประชุมเชิงปฏิบัติการสรุปและถอดบทเรียนของศูนย์ไกล่เกลี่ยระงับข้อพิพาทระดับจังหวัด ศูนย์ไกล่เกลี่ยระงับข้อพิพาทชุมชนและหน่วยงานภาคีพื้นที่
--------------------------------------------------------------------
คณะกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจสภาผู้แทนราษฎรเห็นด้วยแก้ปัญหาจราจรภูเก็ตทั้งระบบรองรับการท่องเที่ยวและการเข้าสู่ AEC
          เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 1 กรกฎาคม 2556 ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต คณะกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจสภาผู้แทนราษฎร นำโดยนายชนินทร์ รุ่งแสง ประธานกรรมาธิการฯ พร้อมคณะ เข้ารับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต ซึ่งมีนางสาวสมหมาย ปรีชาศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายเรวัต อารีรอบ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดภูเก็ต นายจักรกฤษณ์ เอ่งฉ้วน ผู้ช่วยท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต นายจงรักษ์ นฤขัตพิชัย ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ต นายธนูศักดิ์ พึ่งเดช นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต ตัวแทนหอการค้าจังหวัดภูเก็ต ตัวแทนสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ตัวแทนสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
                    นายจักรกฤษณ์ กล่าวถึงภาพรวมด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต ว่า จังหวัดภูเก็ตได้กำหนดวิสัยทัศน์ให้เป็นเมืองท่องเที่ยวนานาชาติ บนพื้นฐานการพัฒนาที่ยั่งยืน ทั้งในเรื่องของคุณภาพและสิ่งแวดล้อม โดยจะต้องทำให้แหล่งท่องเที่ยวต่างๆ เป็นระดับนานาชาติ เพื่อรองรับ AEC โดยนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้ความสนใจอยากที่จะมาเที่ยวยังจังหวัดภูเก็ต ทั้งการบินตรงและเช่าเหมาลำ ทำให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวปีที่ผ่านมาทะลุกว่า 10 ล้านคน เป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยนักท่องเที่ยวที่เข้ามามากขณะนี้ คือ จีนกับรัสเซีย เนื่องจากภูเก็ตมีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย ซึ่งในการเปิดประชาคมอาเซียน นั้นจำเป็นที่ต้องพัฒนาบุคลากรด้านภาษาและส่งเสริมตั้งแต่เด็กให้มีความรู้ความสามารถทางด้านภาษา ตลอดจนเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ระบบขนส่ง เพราะอนาคตเมื่อมีการขยายสนามบินแล้วเสร็จจะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น และกระจายรายได้ลงสู่ชุมชนให้มากกว่าที่เป็นอยู่
              ขณะที่นายธนูศักดิ์ พึ่งเดช นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต  กล่าวว่า จากการท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์เติบโตตามไปด้วย และปัญหาหนึ่งที่ภูเก็ตกำลังประสบคือ เรื่องของการจราจร รวมถึงปัญหาแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงาน เช่น การลงทะเบียน การซื้อตัวแรงงานของผู้ประกอบการ การออกเอกสารใบอนุญาตขับรถ เป็นต้น และปัญหาอื่นๆ ที่เป็นผลกระทบของผู้ประกอบการ
                ดร. สมหมาย ปรีชาศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้กล่าวสรุปว่า การมารับฟังติดตามผลด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตของคณะกรรมาธิการฯ โดยมีหลายภาคส่วนร่วมให้ข้อมูล ทำให้ทราบถึงปัญหาหลักของจังหวัด คือ การจราจรที่ควรเน้นจะสร้างถนนสายย่อยก่อน เพราะมีการก่อสร้างทางลอดหลายแห่ง ซึ่งจะช่วยในเรื่องของการระบายการจราจรได้ รวมทั้งการสร้างคอนโดมิเนียมต่างๆ ที่มีมากขึ้น และปัญหาของนักท่องเที่ยวที่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง ทำให้ผู้ประกอบการโรงแรมและผู้ให้บริการจะต้องปรับเปลี่ยนในเรื่องของการบริการ

  ทางด้านนายชนินทร์ รุ่งแสง ประธานกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า จากการที่ได้รับฟังสิ่งหนึ่งที่เป็นปัญหาและน่าเป็นห่วง คือ เรื่องของคุณภาพของนักท่องเที่ยว ที่เข้ามาโดยไร้ทิศทาง ทุกภาคส่วนจะต้องพูดคุยและคิดไปในทิศทางเดียวกัน จะมองการพัฒนาแต่ตัวเลขอย่างเดียวและรายได้ที่เข้ามามหาศาลก็จะไม่ได้ เพราะในโลกนี้ไม่มีอะไรที่จะได้มาฟรีๆ จะต้องมีส่วนที่ต้องสูญเสียบ้าง และจะมองแต่นักท่องเที่ยวต่างประเทศอย่างเดียวก็คงไม่ได้ ควรจะหันมามองตลาดกลุ่มที่เป็นนักท่องเที่ยวไทยบ้าง โดยในเบื้องต้นการรับฟังในครั้งนี้จะรวบรวมประเด็นส่งไปให้รัฐบาล ซึ่งฝั่งอันดามัน อยู่ในความสนใจของคณะกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจสภาผู้แทนราษฎร เป็นอย่างมาก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็นทั่วไป