ภูเก็ต เปิดกิจกรรมสมาคมส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมของไทย
เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2554 เวลา 09.00 น. ที่โรงแรมรอยัล ภูเก็ตมารีน่า นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดกิจกรรมสมาคมส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมของไทยโดยมีผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรมในประเทศไทย ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
นายสมเกียรติ กล่าวว่า สำหรับท่านเจ้าของกิจการผู้บริหาร ที่เข้าร่วมการอบรมเพื่อเป็นผู้ประกอบการในภาคธุรกิจอุตสาหกรรมนั้น จะต้องผ่านขั้นตอนของหลักสูตรที่เข้มงวด ต้องเรียนรู้การทำแผนธุรกิจ และต้องมีศักยภาพในการนจำความรู้ที่ไดศึกษา มาเขียนเป็นแผนงานเพื่อปฏิบัติให้เสมือนจริง หรืออาจเรียกได้ว่าได้ปฏิบัติกันจริง ซึ่งการกระทำเท่าที่ทราบ ในจังหวัดภูเก็ต ก็มีอยู่หลายธุรกิจด้วยกัน อาทิเช่น ลูกชิ้นปลาแท้ ๆ เก็จมุกดา, ศรีศุภลักษณ์ น้ำแคชชูวี่,ของฝากจากร้านพรทิพย์,แม่จู้,กรทอง เป็นต้น และผู้ประกอบการเหล่านี้ ล้วนแต่ก้าวเข้าสู่ เวที ตลาดโลก และบางธุรกิจก็มีโอกาสก้าวเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเห็นได้ว่า โครงการผู้ประกอบการธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม หากขับเคลื่อนไปอย่างมีแนวทาง ที่ชัดเจน ย่อมนำมาซึ่งความสำเร็จ อย่างแน่นอน และในระยะเวลาอันใกล้ เชื่อว่าประเทศไทยของเราจะมีสินค้าที่ก้าวหน้าเข้าสู่เวทีตลาดโลก และประสบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ไม่น้อยกว่าประเทศอื่น ๆ
นายสมเกียรติ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สำหรับจังหวัดภูเก็ต ในฐานะเจ้าภาพ ก็ได้แสดงศักยภาพความเป็นผู้นำในด้านอุตสาหกรรมภาคการท่องเที่ยว การโรงแรม การผลิต ซึ่งเห็นได้ชัดว่า เป็นที่ดึงดุด และให้ความสนใจ แก่ประชาคมโลก ที่เปรียบภูเก็ตเป็นไข่มุกอันดามัน เป็นสถานที่น่าท่องเที่ยวติดอันดับของโลกและที่สำคัญ จังหวัดภูเก็ตมีแนวโน้มและทิศทางเศรษฐกิจที่เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ
***โสภณ เคี่ยมการ /ข่าว เสงี่ยม เอียดตน ส.ปชส.ภูเก็ต/พิมพ์
--------------------------
เพลิงไหม้บ้าน เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมงจึงควบคุมเพลิงเอาไว้ได้
โดยเหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 11.40 น.ของวันนี้(7 ก.ค.) และบ้านที่เกิดเหตุ เป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ทำจากไม้สักทั้งหลัง ตั้งอยู่บริเวณด้านหลังกำแพง ของห้างสรรพสินค้าโฮมโปร ห้าแยกฉลอง ต.ฉลอง บ้านเลขที่ 60/2 ม.10 ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต สภาพถูกไฟเผาไหม้เกือบหมดทั้งหลัง
และจากการสอบถามทราบชื่อเจ้าของบ้านคือนางมะลิวัลย์ พงศ์บุพศิริกุล อาจารย์โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 29 กะทู้ และนายวินัย พงศ์บุพศิริกุล เจ้าของบริษัทวินัยคอนทรัคชั่น ซึ่งเป็นบริษัทเกี่ยวกับการทำเฟอร์นิเจอร์ และขณะเกิดเหตุไม่มีใครอยู่บ้าน
ส่วนความเสียหายมูลค่านับล้านบาท เนื่องจากตัวบ้านทำจากไม้สักทั้งหลัง และยังมีทรัพย์สิน เงินทอง ของใช้จำเป็นทุกอย่าง อยู่ภายในบ้าน
ขณะที่สาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ เบื้องต้นสันนิษฐานว่าไฟฟ้าลัดวงจร ส่วนสาเหตุที่แท้จริง ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่
และจากการสอบถามทราบชื่อเจ้าของบ้านคือนางมะลิวัลย์ พงศ์บุพศิริกุล อาจารย์โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 29 กะทู้ และนายวินัย พงศ์บุพศิริกุล เจ้าของบริษัทวินัยคอนทรัคชั่น ซึ่งเป็นบริษัทเกี่ยวกับการทำเฟอร์นิเจอร์ และขณะเกิดเหตุไม่มีใครอยู่บ้าน
ส่วนความเสียหายมูลค่านับล้านบาท เนื่องจากตัวบ้านทำจากไม้สักทั้งหลัง และยังมีทรัพย์สิน เงินทอง ของใช้จำเป็นทุกอย่าง อยู่ภายในบ้าน
ขณะที่สาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ เบื้องต้นสันนิษฐานว่าไฟฟ้าลัดวงจร ส่วนสาเหตุที่แท้จริง ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่
***สารภี ศรีธรรมรัตน์/สนับสนุนข่าว
-------------------------
ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตเสนอที่ประชุมแก้ไขปัญหารถรับจ้างเอาเปรียบนักท่องเที่ยว
เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (7 ก.ค.54) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต โดยมีนายนิวิทย์ อรุณรัตน์ นายวีระวัฒน์ จันทร์เพ็ญ นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด นายไชยวัฒน์ เทพี ปลัดจังหวัด นายประเจียด อักษรธรรมกุล หัวหน้าสำนักงานจังหวัดภูเก็ต หารือร่วมกับที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่าง ๆ อาทิ นายเมธี ตันมานะตระกูล นายพัฒนพงษ์ เอกวานิช อดีตนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต นายณรงค์ หยกหงษ์ นายสกุล ณ.นคร นายไตรบัญญัติ จริยะเลอพงษ์ นายสมบูรณ์ จิรายุส ทันตแพทย์พงษ์ศักดิ์ เกิดวงศ์บัณฑิต เป็นต้น
โดยการประชุมในครั้งนี้เป็นการพบปะหารือกันเป็นครั้งแรก มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้คำแนะนำในการพัฒนาและแก้ปัญหาต่างๆ ของจังหวัดภูเก็ตให้ยั่งยืน ซึ่งทางที่ปรึกษาฯ เห็นว่าควรที่จะหยิบยกประเด็นปัญหาเร่งด่วนและมีความสำคัญต่อการท่องเที่ยวและการพัฒนาจังหวัดภูเก็ต 2-3 เรื่องที่คิดว่าสามารถจะหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาให้แล้วเสร็จได้ภายใน 1 ปี
อย่างไรก็ตาม คณะที่ปรึกษาฯเห็นว่าปัญหาเรื่องรถรับจ้างในจังหวัดภูเก็ตเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ทางผู้ว่าฯและหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องจะต้องเร่งแก้ไข เพราะเป็นปัญหาที่เรื้อรังมานานและเป็นปัญหาที่ได้รับการร้องเรียนทั้งจากนักท่องเที่ยว เอเย่นต์ทัวร์ รวมไปถึงสถานทูตของประเทศ
ต่าง ๆ รวมทั้งปัญหาดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของจังหวัดภูเก็ตอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา แม้ว่าหน่วยงานต่าง ๆ จะพยายามหาแนวทางแก้ไขแต่ก็ไม่สามารถที่จะแก้ให้หมดไปได้
ต่าง ๆ รวมทั้งปัญหาดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของจังหวัดภูเก็ตอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา แม้ว่าหน่วยงานต่าง ๆ จะพยายามหาแนวทางแก้ไขแต่ก็ไม่สามารถที่จะแก้ให้หมดไปได้
นายพัฒนพงษ์ เอกวานิช อดีตนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ปัญหารถรับจ้างในภูเก็ตเป็นปัญหาเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการในอันดับต้นๆ เพราะส่งผลกระทบโดยภาพรวม เพราะนักท่องเที่ยวเกือบทุกคนที่มาภูเก็ตจะต้องใช้บริการรถรับจ้าง ทั้งรถตุ๊กตุ๊ก รถแท็กซี่ และรถอื่นๆ โดยเฉพาะรถตุ๊กตุ๊กควรที่จะจำกัดจำนวน ขณะนี้มีมากจนเกินไป และหากเป็นไปได้ควรที่จะติดมิเตอร์เหมือนกับรถแท็กซี่
ส่วนนายสมบุรณ์ จิรายุส นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ปัญหารถรับจ้างโกงนักท่องเที่ยวเป็นปัญหาที่จะต้องเร่งแก้ไข ทางสมาคมฯเองก็ได้รับการร้องเรียนจากบริษัทนำเที่ยวรายใหญ่ในออสเตรเลียเหมือนกัน เพราะนักท่องเที่ยวออสเตรเลียถูกรถรับจ้างในภูเก็ตโกงราคาเป็นจำนวนมาก ซึ่งหากปล่อยไว้อาจจะกระทบกับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ที่เข้ามาภูเก็ตจำนวนมากร้อยละ 40 ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด โดยเฉพาะกรณีที่แท็กซี่ป้ายดำกีดกันไม่ให้รถของบริษัททัวร์เข้าไปรับนักท่องเที่ยวเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก จังหวัดจะต้องเร่งแก้ปัญหาดังกล่าว
ขณะที่นายเมธี ตันมานะตระกูล กล่าวว่า มีโรงแรมแห่งหนึ่งที่กมลาต้องประสบกับปัญหาที่ประหลาดมาก เมื่อรถแท็กซี่ป้ายดำมาตั้งคิวอยู่ปากทางเข้าโรงแรม โดยแบ่งเป็น 2-3 กลุ่ม ตอนแรกโรงแรมก็ยอมให้ดำเนินการ แต่มาระยะหลังรถแท็กซี่ป้ายดำได้บีบบังคับโรงแรมให้รถที่จะมารับแขกได้จะต้องมีรถของโรงแรมเท่านั้น ส่วนรถบัสหรือรถตู้จะไม่อนุญาตให้เข้ามารับแขกให้โรงแรมนั้น ซึ่งนับวันแท็กซี่ป้ายดำจะเพิ่มมากขึ้นทุกวันเพราะกฎหมายไม่สามารถทำอะไรได้
ด้านนายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ปัญหาดังกล่าวทางจังหวัดได้พยายามแก้เป็นจุดๆไป โดยได้เริ่มต้นที่บริเวณหาดป่าตองเป็นอันดับแรก ได้มีการกำหนดราคาค่าโดยสารที่ชัดเจน ซึ่งก็ได้ผลในระดับหนึ่ง ขณะนี้ได้มอบหมายให้ทางขนส่งฯขยายพื้นที่ไปดำเนินการต่อที่หาดกะรน ซึ่งปัญหารถรับจ้างนั้นจะแก้พร้อมกันทีเดียวทั้งจังหวัดไม่ได้จะต้องค่อยๆ แก้ไปที่จะพื้นที่ เนื่องจากเป็นปัญหาที่รื้อรังมานานและเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
*** จันจิรา สิตบุศย์/สนับสนุนข่าว
---------------------
ผู้บังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ชี้แก๊งค์ยาเสพติดต่างชาติเปลี่ยนเส้นทางลำเลียงยาเสพติดจากเดิมลงสนามบินสุวรรณภูมิ เปลี่ยนเป็นมาลงสนามบินภูเก็ต
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (7 ก.ค. 54) ที่ห้องทำงานผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต. พุทธชาติ เอกฉันท์ ผู้บังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 4 พร้อมคณะเข้าพบ นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เพื่อหารือแนวทางการป้องกันปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต โดยมีนายวิโรจน์ สุวรรณวงศ์ ป้องกันจังหวัดภูเก็ต เข้าร่วม
พล.ต.ต. พุทธชาด กล่าวภายหลังหารือว่า การมาพบผู้ว่าฯ ภูเก็ตวันนี้ เพื่อนำเรียนสถานการณ์ยาเสพติด และเพื่อหาแนวทางสกัดกั้นยาเสพติดโดยจากการขยายผลพบว่า เส้นทางลำเลียงยาเสพติดมาสู่จังหวัดภูเก็ตมา 2 เส้นทางใหญ่ ๆ คือ ทางอากาศมาลงที่สนามบินภูเก็ต และทางรถผ่านด่านท่าฉัตรไชย จึงจำเป็นต้องหาเครื่องมือเครื่องไม้ที่ทันสมัยในการตรวจสอบ โดยเฉพาะเครื่องมือเอ็กซเรย์ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มี
ผู้บังคับการตำรวจตำรวจปราบปรามยาเสพติด 4 กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สถานการณ์ยาเสพติดในปี 2554 มีการระบาดเพิ่มขึ้นและรุนแรงกว่าปีที่ผ่านมา เพื่อสกัดกั้นการลำเลียงทั้ง 2 เส้นทางและจะจัดกำลังเฝ้าระวังกลุ่มเป้าหมายชาวต่างชาติที่ได้เปลี่ยนเส้นทางขนยาเสพติดจากสนามบินสุวรรณภูมิ เปลี่ยนเป็นสนามบินภูเก็ตแทน
***โสภณ เคี่ยมการ /ข่าว เสงี่ยม เอียดตน ส.ปชส.ภูเก็ต/พิมพ์
---------------------------------------
เจ้าที่ สนง.ทสจ.ภก กว่า 10 คน ระดมตาม นางบุญหนา ที่หายตัวอย่างลึกลับกว่า 3 เดือน บริเวณป่าควนญี่ปุ่นจุดเกิดเหตุ
เมื่อเวลา 11.00 น. วันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 ที่บริเวณป่าควนญี่ปุ่น ติดกับพระใหญ่ ม.2 ต.กะรน อ.เมือง จังหวัดภูเก็ต นายเกียรงไกร เมืองโคตร (บุตรชาย) ผู้อำนวยการสวนบูรณะสำนักทางหลวงชนบทที่ 5 (นครราชสีมา) กรมทางหลวงชนบท กล่าวว่า สืบเนื่องจากนางบุญหนา เมืองโคตร (โลกอาภรณ์) อายุ 65ปี (มารดา) ได้หายตัวไปจากบ้านเมื่อวันที่ 11 พ.ค.54 ซึ่งได้เดินออกจากบ้านนางจันทร์เพ็ญ พาอยู่สุข บ้านเลขที่ 10 ม.2 ต.กะรน อ.เมือง จังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2554 เวลาประมาณ 15.00 น. คาดว่าเดินทางกลับจังหวัดมุกดาหาร ลักษณะสวมชุดนอนเป็นเสื้อคลุมสีฟ้า มีลายดอกไม้สีขาว เดินขาเป๋ ซึ่งอาจจะถูกหลอกลวงไปในทางที่เสียหายหรือตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์
โดยวันนี้ (7 ก.ค. 54) ได้ออกตามหามารดา นางบุญหนา เมืองโคตร (โลกอาภรณ์) ที่หายตัวไปอย่างลึกลับ ซึ่งนำทีมค้นหาโดย นายสุเมธ อำภรณ์ ผู้อำนวยสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่กว่า 10 คน ระดมตามหาบริเวณป่าควนญี่ปุ่น คาดว่า นางบุญหนา เมืองโคตร อาจจะ ลงป่า ตกเหว หรืออาจถูกสัตว์ร้ายทำร้ายถึงแก่ชีวิต ที่บริเวณป่าควนญี่ปุ่น ติดกับพระใหญ่ อีกทั้ง นายเอกรัฐ ชัยราช เพื่อนบ้าน กล่าวว่า ตนได้พบเห็นแพมเพอร์สผู้ใหญ่อยู่ในบริเวณป่าดังกล่าว ประมาณ 50 เมตร ขณะเดียวกันก่อนหน้าที่นางบุญหนา จะหายตัวไปได้เดินมาที่บ้านของตนและได้นั่งคุยกับมารดาของตน จนกระทั่งเวลา 15.00 น. นางบุญหนา ได้เดินทางกลับซึ่งตนเข้าใจว่าได้เดินกลับบ้าน
นางบุญหนา มีโรคประจำตัว เป็นโรคเก๊าท์ ร่างกายไม่แข็งแรง มีอาการหลงลืม เสื้อผ้าที่ใส่ครั้งสุดท้ายที่หายตัวไป เป็นชุดนอนคนแก่มีซิบด้านหน้า สีเขียวน้ำทะเล จุดสังเกตเด่นๆ คือ พูดภาษาอีสาน หากใครพบเจอ แจ้งกลับ คุณ เกรียงไกร เมืองโคตร (ลูกชาย) 081-5929212 , 083-9057013
***สิรินทร สินอนันต์ ข่าว/พิมพ์/ภาพ ณรงค์ศักดิ์ แสงสีดำ ส.ปชส.ภูเก็ต/ทาน
-----------------------------------------
สำนักสิทธิประโยชน์ทางการค้าสัมมนา สิทธิประโยชน์ทางการค้าจากอาเซียนฯ หวังรองรับการเคลื่อนย้ายสินค้าและอำนวยความสะดวกผู้ส่งออก
เมื่อเวลา 09.00 น. วันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 ที่ห้องภูเก็ตแกรนด์บอลรูม ชั้น 2 โรงแรมรอยัล ภูเก็ต ซิตี้ จังหวัดภูเก็ต นายพิทักษ์ อุดมวิชัยวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักสิทธิประโยชน์ทางการค้า เป็นประธานเปิดการสัมมนา เรื่อง “สิทธิประโยชน์ทางการค้าจากอาเซียน/จีน/สหภาพยุโรป” โดยมี นายชำนาญ จงประเสริฐพร สำนักสิทธิประโยชน์ทางการค้า ตลอดจนผู้ประกอบการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมสัมมนากว่า 130 คน
นายพิทักษ์ กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีอยู่ว่าการส่งออกเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย และสร้างรายได้ให้กับประเทศปีละกว่า 150,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยที่เป็นอาเซียนขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วยประเทศสมาชิก 10 ประเทศ มีประชากรร่วมกันกว่า 580 ล้านคน อาเซียนจึงเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญอันดับหนึ่งของไทย ซึ่งในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2554 (มกราคม-เมษายน 2554) ไทยส่งออกไปอาเซียนกว่า 16,800 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีมูลค่า 13,760 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 25.63 จากปีที่ผ่านมาที่มีมูลค่า 4,257 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับสมาชิกอาเซียนได้ลดภาษีนำเข้าระหว่างกันเป็นศูนย์แล้วตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 และมีเป้าหมายไปสู่การประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 ดังนั้นในอีก 4 ปีข้างหน้า อาเซียนทั้ง 10 ประเทศ จะเป็นฐานการผลิตและเป็นตลาดเดียวกันที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และเพื่อรองรับการเคลื่อนย้ายสินค้าที่ได้แหล่งกำเนิดภายในอาเซียนโดยเสรี ซึ่งสมาชิกอาเซียนได้กำเนิดสินค้าด้วยตนเองของผู้ส่งออก เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ส่งออกโดยตรง ไม่ต้องเสียเวลามาติดต่อหนังสือรองรับ ฯ และยังทำให้ลดภาระค่าใช้จ่ายในการจัดทำเอกสารส่งออก โดยกำหนดให้เริ่มใช้ระบบดังกล่าวภายในปี 2555 ควบคู่ไปกับเอกสารหนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า สำหรับประเทศสมาชิกอาเซียนเดิม 6 ประเทศ ทั้งนี้ อาเซียนมีเป้าหมายที่จะใช้ระบบนี้อย่างสมบูรณ์ในปี 2558 ซึ่งเป็นปีเดียวกับการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)
นายพิทักษ์ กล่าวต่ออีกว่า สหภาพยุโรปซึ่งเป็นตลาดส่งออกสำคัญของประเทศไทยเป็นอันดับสอง รองจากอาเซียน นั้นได้ปรับปรุงกฎแหล่งกำเนิดสินค้าใหม่ภายใต้ระบบสิทธิพิเศษ GSP และมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2554 ซึ่งกฎแหล่งกำเนิดสินค้าใหม่นี้ มีความยืดหยุ่นและสอดคล้อง กับกระบวนการผลิตของประเทศ มีผู้มารับสิทธิมากขึ้น และยังเปิดโอกาสให้ผู้รับสิทธิฯ สามารถใช้ประโยชน์จากระบบ GSP ได้อย่างเต็มที่
นายพิทักษ์ กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีอยู่ว่าการส่งออกเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย และสร้างรายได้ให้กับประเทศปีละกว่า 150,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยที่เป็นอาเซียนขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วยประเทศสมาชิก 10 ประเทศ มีประชากรร่วมกันกว่า 580 ล้านคน อาเซียนจึงเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญอันดับหนึ่งของไทย ซึ่งในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2554 (มกราคม-เมษายน 2554) ไทยส่งออกไปอาเซียนกว่า 16,800 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีมูลค่า 13,760 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 25.63 จากปีที่ผ่านมาที่มีมูลค่า 4,257 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับสมาชิกอาเซียนได้ลดภาษีนำเข้าระหว่างกันเป็นศูนย์แล้วตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 และมีเป้าหมายไปสู่การประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 ดังนั้นในอีก 4 ปีข้างหน้า อาเซียนทั้ง 10 ประเทศ จะเป็นฐานการผลิตและเป็นตลาดเดียวกันที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และเพื่อรองรับการเคลื่อนย้ายสินค้าที่ได้แหล่งกำเนิดภายในอาเซียนโดยเสรี ซึ่งสมาชิกอาเซียนได้กำเนิดสินค้าด้วยตนเองของผู้ส่งออก เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ส่งออกโดยตรง ไม่ต้องเสียเวลามาติดต่อหนังสือรองรับ ฯ และยังทำให้ลดภาระค่าใช้จ่ายในการจัดทำเอกสารส่งออก โดยกำหนดให้เริ่มใช้ระบบดังกล่าวภายในปี 2555 ควบคู่ไปกับเอกสารหนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า สำหรับประเทศสมาชิกอาเซียนเดิม 6 ประเทศ ทั้งนี้ อาเซียนมีเป้าหมายที่จะใช้ระบบนี้อย่างสมบูรณ์ในปี 2558 ซึ่งเป็นปีเดียวกับการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)
นายพิทักษ์ กล่าวต่ออีกว่า สหภาพยุโรปซึ่งเป็นตลาดส่งออกสำคัญของประเทศไทยเป็นอันดับสอง รองจากอาเซียน นั้นได้ปรับปรุงกฎแหล่งกำเนิดสินค้าใหม่ภายใต้ระบบสิทธิพิเศษ GSP และมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2554 ซึ่งกฎแหล่งกำเนิดสินค้าใหม่นี้ มีความยืดหยุ่นและสอดคล้อง กับกระบวนการผลิตของประเทศ มีผู้มารับสิทธิมากขึ้น และยังเปิดโอกาสให้ผู้รับสิทธิฯ สามารถใช้ประโยชน์จากระบบ GSP ได้อย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตามประโยชน์ที่ไทยจะได้รับมากน้อยเพียงใด ย่อมขึ้นอยู่กับความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้า โดยเฉพาะในเรื่องของกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า ที่จะแสดงว่าสินค้าที่ผลิตได้เป็นสินค้าสำคัญของชาติไทย เพราะแหล่งกำเนิดสินค้าจะเป็นหัวใจสำคัญของการใช้สิทธิพิเศษ ทำให้ได้ลดภาษีนำเข้าหรือภาษีเป็นศูนย์ ตลอดจนความตื่นตัวของผู้ประกอบการในการแสวงหาโอกาสทางการค้าในตลาดใหม่ ๆ ด้วย
“ถึงแม้ว่าการเปิดเสรีทางการค้า จะทำให้การค้ามีการขยายตัวเพิ่มขึ้น แต่ก็มีสินค้าบางกลุ่มที่ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน ทางกระทรวงพาณิชย์จึงได้จัดตั้งโครงการช่วยเหลือเพื่อการปรับตัวของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า หรือเรียกสั้น ๆ ว่า กองทุน FTA กระทรวงพาณิชย์ขึ้นโดยมอบหมายให้กรมการค้าต่างประเทศเป็นผู้ดำเนินงาน ตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา มีโครงการที่ได้รับการอนุมัติให้ความช่วยเหลือไปแล้ว เช่น ยาสมุนไพร นมโคสดแท้ 100% การท่องเที่ยวเครื่องหนัง เครื่องไฟฟ้า ปลาป่น ส้ม และโคเนื้อ มีงบประมาณให้ความช่วยเหลือกว่า 60 ล้านบาท” นายพิทักษ์ กล่าวในที่สุด
“ถึงแม้ว่าการเปิดเสรีทางการค้า จะทำให้การค้ามีการขยายตัวเพิ่มขึ้น แต่ก็มีสินค้าบางกลุ่มที่ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน ทางกระทรวงพาณิชย์จึงได้จัดตั้งโครงการช่วยเหลือเพื่อการปรับตัวของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า หรือเรียกสั้น ๆ ว่า กองทุน FTA กระทรวงพาณิชย์ขึ้นโดยมอบหมายให้กรมการค้าต่างประเทศเป็นผู้ดำเนินงาน ตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา มีโครงการที่ได้รับการอนุมัติให้ความช่วยเหลือไปแล้ว เช่น ยาสมุนไพร นมโคสดแท้ 100% การท่องเที่ยวเครื่องหนัง เครื่องไฟฟ้า ปลาป่น ส้ม และโคเนื้อ มีงบประมาณให้ความช่วยเหลือกว่า 60 ล้านบาท” นายพิทักษ์ กล่าวในที่สุด
***สิรินทร สินอนันต์ ข่าว/พิมพ์/ภาพ
------------------------------------------------
ภูเก็ตสัมมนาอาสาแรงงานฯ ชี้แจงการเปิดจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวปี 54 คาดมีแรงงานต่างด้าวลักลอบทำงานจังหวัดภูเก็ต 3-4 หมื่นคน
เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 7 กรกฎาคม 2554 ที่ห้องจามจุรี 1 โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายนิวิทย์ อรุณรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการประชุมชี้แจงอาสาสมัครแรงงานตามโครงการประชุมชี้แจงอาสาสมัครแรงงาน ในการเปิดจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวปี 2554 ซึ่งทางสำนักงานจัดหางานจังหวัดภูเก็ตจัดขึ้น เพื่อชี้แจงขั้นตอนในการดำเนินการต่างๆ เกี่ยวกับการเปิดจดทะเบียนที่ดำเนินการในรูปแบบศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) ว่าประชาชนหรือนายจ้างที่ต้องการจ้างแรงงานต่างด้าวจะต้องดำเนินการอย่างไร ตั้งแต่เริ่มต้นจนเสร็จสิ้นกระบวนการ เพื่อนำไปเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้นายจ้าง/สถานประกอบการที่มีความประสงค์จะนำแรงงานต่างด้าวมาขึ้นทะเบียนเพื่อขออนุญาตทำงานได้เข้าใจอย่างถูกต้อง เพื่อเป็นการประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ โดยมีหัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงแรงงานใน จ.ภูเก็ต และอาสาสมัครแรงงานในพื้นที่ จ.ภูเก็ต เข้าร่วม จำนวนประมาณ 150 คน นายนิวิทย์ อรุณรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตมีนายจ้างสถานประกอบการที่จ้างแรงงานต่างด้าวในขณะนี้มีจำนวนมากถึง 10,700 ราย และมีแรงงานต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทำงานอยู่ในปัจจุบันจำนวนประมาณ 50,000 คน ซึ่งนับเป็นจำนวนมากพอสมควรในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ประกอบกับในขณะนี้อยู่ระหว่างการเปิดจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวรอบใหม่ตามมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 26 เมษายน 2554 โดยเห็นชอบให้แรงงานต่างด้าวสัญชาติพม่า ลาวและกัมพูชา ที่ลักลอบทำงานอยู่ในประเทศไทย และผู้ติดตามที่เป็นบุตรอายุไม่เกิน 15 ปี ผ่อนผันให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี โดยให้มาจดทะเบียนและขออนุญาตทำงานระหว่างวันที่ 15 มิถุนายน 2554 – 14 กรกฎาคม 2554 ยกเว้นประมงให้จดทะเบียนและขออนุญาตทำงานถึงวันที่ 13 สิงหาคม 2554 ซึ่งจากรายงานของจัดหางานจังหวัดภูเก็ต มีนายจ้างนำแรงงานต่างด้าวมาขึ้นทะเบียนแล้วประมาณ 15,000 คน นายนภดล พลอยอยู่ดี จัดหางานจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตกำหนดเปิดจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองที่ลักลอบทำงานในประเทศไทยแบบศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) บริเวณอาคารสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ต ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2554 จนถึงวันที่ 14 กรกฎาคม 2554 จนถึงปัจจุบัน (ประมาณวันที่ 6 กรกฎาคม 2554) มีนายจ้าง/สถานประกอบการที่มีความต้องการประสงค์จะจ้างแรงงานต่างด้าวมาแจ้ง ณ ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ แล้วประมาณ 1,600 ราย และยื่นคำร้องขอจดทะเบียนประวัติคนต่างด้าว เป็นจำนวน 15,000 คน
ทั้งนี้จังหวัดภูเก็ตมีความต้องการจ้างแรงงานระดับล่างเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นงานกรรมกรและคนไทยไม่ทำ เช่น ก่อสร้าง ประมง เป็นต้น ส่งผลให้มีความต้องการแรงงานต่างด้าวสำหรับนายจ้าง เพื่อทำงานในสถานประกอบการ คาดว่ามีแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบทำงานในจังหวัดภูเก็ต และมีใบอนุญาตทำงานประมาณ 30,000 -40,000 คน
***สารภี ศรีธรรมรัตน์/สนับสนุนข่าว
-------------------------------
ประธานคณะกรรมาธิการท่องเที่ยว วุฒิสภา เรียกร้องรัฐบาลใหม่ แต่งตั้งผู้ที่มีความรู้ความสามารถด้านการท่องเที่ยวมาเป็นเจ้ากระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา และให้จัดสรรงบประมาณลงสู่พื้นที่ท่องเที่ยวด้วยความเป็นธรรม ไม่กระจุกตัวเหมือนที่ผ่านมา.
นางธันยรัศม์ อัจฉริยะฉาย ประธานคณะกรรมาธิการท่องเที่ยว วุฒิสภา กล่าวถึง การวางตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาของรัฐบาลชุดใหม่ ที่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ว่า จากที่ได้รับการประสานงานจากภาคเอกชนและผู้ประกอบการท่องเที่ยว ส่วนใหญ่มีความเห็นว่า ผู้ที่จะมาทำหน้าที่ดูแลกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ควรให้พรรคที่เป็นแกนนำรัฐบาลได้เป็นผู้ดูแล ทั้งการวางตัวรัฐมนตรีเจ้ากระทรวง และการจัดสรรงบประมาณลงมาพัฒนาด้านการท่องเที่ยวที่เป็นธรรม
ทั้งนี้ ผู้ที่จะมาบริหารกระทรวงฯ ควรเป็นผู้ที่มีความรู้ในเรื่องท่องเที่ยวจริงๆ ควบคู่กับความสามารถในการบริหารงาน หรืออาจจะเชิญบุคคลภายนอก ได้มาทำหน้าที่ตรงนี้ และให้มีรัฐมนตรีช่วยว่าการอีก 1 ตำแหน่ง เพื่อจะได้แยกการทำงานท่องเที่ยวกับกีฬาออกจากกัน.
“อยากให้เปลี่ยนพรรคที่มารับผิดชอบกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ไม่ใช่พรรคเก่าที่เคยดูแล จริงๆแล้วอยากจะได้พรรคที่เป็นแกนหลักในการจัดตั้งรัฐบาล เป็นผู้รับผิดชอบกระทรวงท่องเที่ยวไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็น ส.ส.เขต หรือระบบปาร์ตี้ลิสต์ อาจจะเชิญบุคคลภายนอกมาทำหน้าที่ตรงนี้ก็ได้ เพราะจะสะดวกในการประสานงานทั้งเรื่องการบริหารและงบประมาณ แต่ต้องเป็นผู้ที่รู้เรื่องท่องเที่ยวจริงๆ มีความสามารถ และจะต้องลงพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวไปรับทราบปัญหาด้วย เพราะสถานที่ท่องเที่ยวของไทยแต่ละพื้นที่มีปัญหาที่แตกต่างกัน และแนวทางการพัฒนาจึงไม่เหมือนกัน”
นอกจากนี้ อยากฝากเรื่องการจัดสรรงบประมาณลงในแหล่งท่องเที่ยวให้เป็นไปด้วยความเป็นธรรม เพราะที่ผ่านมางบประมาณพัฒนาท่องเที่ยวไปกระจุกตัวอยู่ในบางพื้นที่ อย่างจังหวัดภูเก็ต ตั้งแต่ปี 2552 – 2554 ได้งบประมาณส่วนนี้มาแค่ 6 ล้านบาท ทั้งๆที่ภูเก็ต เป็นเมืองท่องเที่ยวที่ทำรายได้เข้าประเทศเป็นแสนล้านบาทในแต่ละปี พร้อมกับการทำประชาสัมพันธ์ตลาดในต่างประเทศให้มากกว่านี้.
***สทท. 11 ภูเก็ต/สนับสนุนข่าว
------------------------------------
ฟุตบอลรายการโตโยต้าลีกคัพ รอบ 16 ทีม เอฟซีภูเก็ต เปิดบ้านเสมอ ศรีราชา ซูซูกิเอฟซี 1-1.
เมื่อวันที่ 6 ก.ค. 54 ที่สนามสุระกุลภูเก็ต เอฟซีภูเก็ต เปิดบ้านต้อนรับ ศรีราชา ซูซูกิ เอฟซี ในรายการฟุตบอลถ้วยโตโยต้าลีกคัพ รอบ16 ทีม ครึ่งแรกเอฟซี ภูเก็ต มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากหมายเลข 16 ตามีซี หะยียูโซะ จากการโหม่งเช็ดตามน้ำ ยากที่นายทวาร ศรีราชา ซูซูกิเอฟซี ไหวตัวรับได้ทัน หมดครึ่งแรกเสมอ 1-1
ครึ่งหลังนาที 55 เอฟซีภูเก็ต มาได้จุดโทษแต่นายทวาร ศรีราชา ซูซูกิ เอฟซี เซฟลูกเตะของเนเนบี้ หมายเลข 31 ไว้ได้ เกมมาชะงักเสียเวลานิดนึง เพราะผู้เล่นเอฟซี ภูเก็ต นอนบาดเจ็บหน้าประตูของศรีราชา
ครึ่งหลังนาที 55 เอฟซีภูเก็ต มาได้จุดโทษแต่นายทวาร ศรีราชา ซูซูกิ เอฟซี เซฟลูกเตะของเนเนบี้ หมายเลข 31 ไว้ได้ เกมมาชะงักเสียเวลานิดนึง เพราะผู้เล่นเอฟซี ภูเก็ต นอนบาดเจ็บหน้าประตูของศรีราชา
เอฟซี ภูเก็ตมีโอกาสขึ้นนำจากลูกฟรีคิกนอกกรอบ แต่นายทวาร ศรีราชาช ซูซูกิ เอฟซี ปัดลูกเตะของนิธิโรจน์ ขณะที่กำลังจะมุดเข้าใต้คาน ออกไปอย่างเฉียดฉิว
ศรีราชา ซูซูกิ เอฟซี มาประสบความสำเร็จ ตีเสมอ 1-1 จากลูกฟรีคิกนอกเขตทางขวา กองหลังภูเก็ต สกัดบอล มาเข้าเท้า จัสติน หมายเลข 20 ศรีราชา หวดเต็มข้อ บอลพุ่งตุงตาข่าย
จากนั้นทั้งสองทีมยังทำอะไรกันไม่ได้ จบเกมเสมอกันไป 1-1 ต้องไปดวลเข้ารอบต่อไปในนัดที่สอง.
***สทท. 11 ภูเก็ต/สนับสนุนข่าว
-------------------------------------
ภูเก็ตเตรียมจัดการแข่งขันเรือใบ คิงส์คัพรีกัตต้า ครั้งที่ 25 คาดมีนักกีฬาจาก 30 กว่าประเทศทั่วโลกเข้าร่วม
วันนี้(7 ก.ค. 54)นายสันติ กาญจนพันธุ์ กรรมการจัดการแข่งขันภูเก็ตคิงส์คัพ รีกัตต้า เข้าร่วมหารือกับนายตรี อัครเดชาผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ที่ห้องทำงาน ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต เพื่อเตรียมพร้อมในการจัดงาน แข่งขันเรือใบ คิงส์คัพรีกัตต้า ครั้งที่ 25 และการเตรียมจัดการแข่งขันเรือใบเยาวชนคิงส์คัพรีกัตต้า ครั้งที่ 2 ที่จังหวัดภูเก็ต
นายสันติ กล่าวว่า ทางคณะกรรมการ จะจัดการแข่งขันเรือใบคิงส์คัพรีกัตต้า ครั้งที่ 25 ซึ่งมีกำหนดการจัดงานในวันที่ 3-10 ธันวาคม 2554 บริเวณหาดกะตะ แบ่งการแข่งขันเรือใบออกเป็น 2 ประเภท คือ รุ่นออปติมิสท์ และรุ่นดีไซน์ และจัดการแข่งขันเป็นซีรีส์ ในระยะเวลา 3 เดือน คือ ผู้แข่งขันจะลงแข่ง 3 จุด ได้แก่ ซีรี่ส์ที่ 1 แข่งขันที่ บ้านท่านุ่น บริเวณสะพานสารสิน ซีรีส์ที่ 2 แข่งขันที่ แหลมพันวา บริเวณกองเรือภาคที่ 3 และซีรี่ส์ที่ 3 แข่งขันที่ หาดกะตะ ซึ่งจะลงประลองใบเรือในสัปดาห์แรกของเดือนกันยายน ตุลาคม และพฤศจิกายนตามลำดับ
นายสันติ กล่าวว่า ทางคณะกรรมการ จะจัดการแข่งขันเรือใบคิงส์คัพรีกัตต้า ครั้งที่ 25 ซึ่งมีกำหนดการจัดงานในวันที่ 3-10 ธันวาคม 2554 บริเวณหาดกะตะ แบ่งการแข่งขันเรือใบออกเป็น 2 ประเภท คือ รุ่นออปติมิสท์ และรุ่นดีไซน์ และจัดการแข่งขันเป็นซีรีส์ ในระยะเวลา 3 เดือน คือ ผู้แข่งขันจะลงแข่ง 3 จุด ได้แก่ ซีรี่ส์ที่ 1 แข่งขันที่ บ้านท่านุ่น บริเวณสะพานสารสิน ซีรีส์ที่ 2 แข่งขันที่ แหลมพันวา บริเวณกองเรือภาคที่ 3 และซีรี่ส์ที่ 3 แข่งขันที่ หาดกะตะ ซึ่งจะลงประลองใบเรือในสัปดาห์แรกของเดือนกันยายน ตุลาคม และพฤศจิกายนตามลำดับ
นายสันติยังกล่าวเสริมว่า ภูเก็ตเป็นกีฬาทางน้ำระดับโลก รวมทั้งการแข่งขันรีกัตต้า World Class Ranking ที่จัดขึ้นมาเป็นครั้งที่ 25 ในปีนี้ จนเป็นที่ยอมรับของนักแล่นเรือใบนานาประเทศ ซึ่งมีผู้ที่สนใจเข้าร่วมแข่งขันมากขึ้นทุกปี เช่น ประเทศจีน ฮ่องกง รัสเซีย ญี่ปุ่น บางประเทศก็มาไกลมาก เช่น เยอรมนี ฝรั่งเศส ส่วนประเทศที่มีความนิยมในการแล่นรีกัตต้ามากที่สุดคือ ประเทศออสเตรเลีย สำหรับทีมไทย เราก็มีทีมของราชนาวีเข้าร่วมและทำอันดับต้นๆ ได้ทุกปี
สำหรับในปีนี้คาดว่าจะมีเรือเข้าร่วมการแข่งขันมากกว่า 30 ประเทศทั่วโลก เพื่อชิงถ้วยรางวัลพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
นอกจากนี้นายสันติ ได้กล่าวถึงการจัดการแข่งขันในรุ่นเยาวชน ด้วยว่าจะมีผู้เข้าร่วมแข่งขันประมาณ 30 ลำ ซึ่งประสบความสำเร็จจากปีที่แล้ว เป็นครั้งแรกที่จัดให้มีขึ้น และได้รับความสนใจจากผู้ปกครองทั้งของไทยและชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก สำหรับเยาชนไทย ซึ่งมีการฝึกซ้อมเพื่อเข้าร่วมแข่งขันหลายที่ เช่น ที่สัตหีบ สงขลา พังงา คาดว่าสามารถผลักดันให้เยาวชนไทย มีศักยภาพในการแข่งขันระดับสากลมากยิ่งขึ้น
สำหรับในปีนี้คาดว่าจะมีเรือเข้าร่วมการแข่งขันมากกว่า 30 ประเทศทั่วโลก เพื่อชิงถ้วยรางวัลพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
นอกจากนี้นายสันติ ได้กล่าวถึงการจัดการแข่งขันในรุ่นเยาวชน ด้วยว่าจะมีผู้เข้าร่วมแข่งขันประมาณ 30 ลำ ซึ่งประสบความสำเร็จจากปีที่แล้ว เป็นครั้งแรกที่จัดให้มีขึ้น และได้รับความสนใจจากผู้ปกครองทั้งของไทยและชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก สำหรับเยาชนไทย ซึ่งมีการฝึกซ้อมเพื่อเข้าร่วมแข่งขันหลายที่ เช่น ที่สัตหีบ สงขลา พังงา คาดว่าสามารถผลักดันให้เยาวชนไทย มีศักยภาพในการแข่งขันระดับสากลมากยิ่งขึ้น
“การแข่งขันระดับเยาวชน เป็นการจัดงานที่สนับสนุนการท่องเที่ยวของภูเก็ตได้เป็นอย่างดี เปรียบเทียบง่ายๆ ผู้ปกครองที่มาเข้าร่วมในงานมักมีจำนวนมากกว่าตัวนักกีฬาที่ลงแข่งขัน และทำให้เป็นการสร้างบรรยากาศในการท่องเที่ยวทางทะเลได้ดียิ่งขึ้น” นายสันติ กล่าว
***สารภี ศรีธรรมรัตน์/สนับสนุนข่าว
-----------------------------
จัดแข่งขันกีฬา 5 ประเภท “เทศบาลตำบลรัษฎา ครั้งที่ 6” ประจำปี 2554
เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 7 ก.ค.54 ที่สนามกีฬาฟุตบอลสะพานหิน อ.เมืองภูเก็ต นาย สุรทิน เลี่ยนอุดม นายกเทศมนตรีตำบลรัษฎาเป็นประธานเปิดการแข่งขันกีฬาหมู่บ้าน “เทศบาลตำบลรัษฎา ครั้งที่ 5” ประจำปี 2554 มีฝ่ายบริหาร สมาชิกสภา ข้าราชการ พนักงานเทศบาลตำบลรัษฎา แขกผู้มีเกียรติ และคณะนักกีฬาเข้าร่วม
นาย เชาวเลิศ จิตต์จำนงค์ รองนายกเทศมนตรีตำบลรัษฎา กล่าวว่า การจัดการแข่งขันกีฬาดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เด็ก เยาวชน ประชาชนในเขตเทศบาลตำบลรัษฎา มีส่วนร่วมในการแข่งขันกีฬา สร้างเสริมสุขภาพ เพื่อส่งเสริมให้เด็ก เยาวชน ประชาชนห่างไกลยาเสพติด โดยมุ่งเน้นด้านกีฬาและนันทนาการ เพื่อให้เด็ก เยาวชน ประชาชนมีกิจกรรมร่วมกันเพื่อเสริมสร้างความสามัคคี การจัดการแข่งขันกีฬาหมู่บ้าน เทศบาลตำบลรัษฎา ครั้งที่ 6 แบ่งประเภทกีฬาออกเป็น 5 ประเภท คือ ฟุตบอลชาย 11 คน ฟุตบอลอาวุโส 7 คน ตะกร้อ เปตอง และหมากรุกไทย ดำเนินการจัดการแข่งขันตั้งแต่วันที่ 7-23 ก.ค.2554
ด้านนาย สุรทิน เลี่ยนอุดม นายกเทศมนตรีตำบลรัษฎา กล่าวว่า กิจกรรมกีฬาเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อการพัฒนาด้านร่างกาย สร้างเสริมคุณธรรมทางด้านจิตใจให้สูงขึ้นอีกด้วย ตามหลักการของการส่งเสริมกีฬาที่ทราบกันทั่วไป ให้รู้จักแพ้ รู้จักชนะ และรู้จักอภัย เล่นกีฬาตามกฎ กติกา อันเป็นการสร้างเสริมวินัยให้เกิดขึ้นในตนเอง การเล่นกีฬา จึงมีคุณประโยชน์มากมายแก่เด็ก เยาวชน และประชาชนโดยทั่วไป
การจัดการแข่งขันกีฬา 5 ประเภทในปีนี้ถือว่าเป็นการจัดกิจกรรมที่ดีต่อเยาวชน ประชาชนของเทศบาลตำบลรัษฎา เป็นการส่งเสริม กระตุ้นให้เยาวชน ประชาชน หันมาสนใจการเล่นกีฬาอย่างหลากหลาย และคาดว่าในปีหน้าจะมีการจัดการแข่งขันกีฬาให้หลากหลายมากยิ่งขึ้นเพื่อสนองตอบความถนัดของคนทุกเพศทุกวัย และเปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการแข่งขันอย่างเท่าเทียมกัน
***โสภณ เคี่ยมการ ส.ปชส.ภูเก็ต/ข่าว สารภี ศรีธรรมรัตน์/พิมพ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็นทั่วไป