ตร.ภ.8 ร่วมกับ สอจร.ภาคใต้ จัด ประชุมเชิงปฏิบัติการคณะทำงานโครงการสวมหมวกนิรภัย 100%
หวัง ให้มีการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการสวมหมวกนิรภัยในผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายอย่างมีประสิทธิภาพ
วันที่ 11 กรกฎาคม 54 ที่โรงแรม Boat Lagoon Resort จังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.เดชา บุตรน้ำเพชร รอง ผบช.ภ.8 (รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8) เป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการคณะทำงานโครงการสวมหมวกนิรภัย 100% ตำรวจภูธรภาค 8 โดยมี นายแพทย์วิวัฒน์ ศีตมโนชญ์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 8 และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมกว่า 200 คน รวมถึงวิทยากรผู้บรรยาย ดร.ปนัดดา ชำนาญสุข ซึ่งเป็นผู้บรรยายในหัวข้อ แนวคิดการดำเนินงานในมุมมองนักวิชาการโครงการหมวกนิรภัย 100% และ พ.ต.อ.วันไชย เอกพรพิชญ์ รอง ผบก.ภ.จว.ระนอง (รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระนอง) บรรยายในหัวข้อ จุดอ่อน จุดแข็ง ของการดำเนินงานโครงการหมวกนิรภัย 100% ซึ่งจะทำให้คณะทำงานได้ทราบและเข้าใจถึงการทำงานโครงการ
พล.ต.ต.เดชา กล่าวว่า ปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนน เป็นปัญหาสำคัญของหลายประเทศทั่วโลกประมาณการว่า มี่ผู้เสียชีวิตมากกว่า 1.2 ล้านคน และบาดเจ็บพิการอีกกว่า 50 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าความเสียหายเศรษฐกิจ กว่าร้อยละ 1-1.5 ของรายได้ประชาชาติ (GDP) ทั่วโลก ซึ่งส่งผลกระทบต่อความยังยื่นในการพัฒนา สำหรับประเทศไทยมักจะมีความพยายามทำงานอย่างต่อเนื่อง ในการลดอุบัติเหตุบนท้องถนน แต่ที่ผ่านมาความสูญเสีย ที่เกิดขึ้นยังน่าเป็นห่วง
ทั้งนี้รถจักรยานยนต์ ยังเป็นพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุทางถนนมากที่สุด และอัตราการสวมหมวกนิรภัยยังอยู่ในเกณฑ์ที่ค่อนข้างต่ำ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องจะมีการเร่งรัดตลอดจนร่วมกันผลักดัน ให้มีการสวมหมวกนิรภัย ในผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ทุกคนตามปฏิญญามอสโคว์ และคำขวัญ “ถึงเวลาที่ต้องทำ (Time for Action)” ตำรวจภูธรภาค 8 ร่วมกับ โครงการสนับสนุนการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนในจังหวัดนำร่อง (สอจร.ภาคใต้) ได้จัดทำโครงการสวมหมวกนิรภัย 100% ขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มอัตราการใช้หมวกนิรภัยของผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ให้เป็น 100% โดยให้มีการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการสวมหมวกนิรภัยในผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายให้เกิดประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังเน้นการสร้างแกนนำและภาคีเครือข่ายการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนที่ช่วยสนับสนุนการทำงานของตำรวจ รวมถึงสร้างความตระหนักและเห็นถึงความสำคัญของการใช้หมวกนิรภัยในประชาชน อันจะส่งผลให้ลดความรุนแรงของการบาดเจ็บ การสูญเสียชีวิต และทรัพย์สิน ทั้งงบประมาณต่าง ๆ ที่ต้องใช้ดูแลผู้พิการและครอบครัวผู้เสียชีวิต
***สิรินทร สินอนันต์ ข่าว/พิมพ์/ภาพ ณรงค์ศักดิ์ แสงสีดำ ส.ปชส.ภูเก็ต/ทาน
พล.ต.ต.เดชา กล่าวว่า ปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนน เป็นปัญหาสำคัญของหลายประเทศทั่วโลกประมาณการว่า มี่ผู้เสียชีวิตมากกว่า 1.2 ล้านคน และบาดเจ็บพิการอีกกว่า 50 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าความเสียหายเศรษฐกิจ กว่าร้อยละ 1-1.5 ของรายได้ประชาชาติ (GDP) ทั่วโลก ซึ่งส่งผลกระทบต่อความยังยื่นในการพัฒนา สำหรับประเทศไทยมักจะมีความพยายามทำงานอย่างต่อเนื่อง ในการลดอุบัติเหตุบนท้องถนน แต่ที่ผ่านมาความสูญเสีย ที่เกิดขึ้นยังน่าเป็นห่วง
ทั้งนี้รถจักรยานยนต์ ยังเป็นพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุทางถนนมากที่สุด และอัตราการสวมหมวกนิรภัยยังอยู่ในเกณฑ์ที่ค่อนข้างต่ำ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องจะมีการเร่งรัดตลอดจนร่วมกันผลักดัน ให้มีการสวมหมวกนิรภัย ในผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ทุกคนตามปฏิญญามอสโคว์ และคำขวัญ “ถึงเวลาที่ต้องทำ (Time for Action)” ตำรวจภูธรภาค 8 ร่วมกับ โครงการสนับสนุนการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนในจังหวัดนำร่อง (สอจร.ภาคใต้) ได้จัดทำโครงการสวมหมวกนิรภัย 100% ขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มอัตราการใช้หมวกนิรภัยของผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ให้เป็น 100% โดยให้มีการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการสวมหมวกนิรภัยในผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายให้เกิดประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังเน้นการสร้างแกนนำและภาคีเครือข่ายการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนที่ช่วยสนับสนุนการทำงานของตำรวจ รวมถึงสร้างความตระหนักและเห็นถึงความสำคัญของการใช้หมวกนิรภัยในประชาชน อันจะส่งผลให้ลดความรุนแรงของการบาดเจ็บ การสูญเสียชีวิต และทรัพย์สิน ทั้งงบประมาณต่าง ๆ ที่ต้องใช้ดูแลผู้พิการและครอบครัวผู้เสียชีวิต
***สิรินทร สินอนันต์ ข่าว/พิมพ์/ภาพ ณรงค์ศักดิ์ แสงสีดำ ส.ปชส.ภูเก็ต/ทาน
-----------------------------------
ตำรวจ สภ.ถลางจับกุมผู้ต้องหาค้ายาบ้าได้ของกลางกว่า 2 พันเม็ด เงินสดกว่า 1.6 แสนบาท
วันนี้ (11 ก.ค. 54) ที่ สภ.ถลาง พ.ต.อ. นักรบ กองสุดใจ ผู้กำกับการตำรวจภูธรอำเภอถลาง ได้แถลงข่าวผลการกวาดล้างยาเสพติดในพื้นที่รับผิดชอบและร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดย ได้จับกุมนายวิสิทธิ์ หรือขวัญ ทรงคุณ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1 ม. 1 ต. ฉลอง อ. เมือง จ. ภูเก็ต และนายภานุศักดิ์ หรืออ๋อง ทรงคุณ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3/1 ม. 1 ต. ฉลอง อ. เมือง พ้อมของกลางยาบ้า 2 พันเม็ด ยาไอซ์ 56.97 กรัม อาวุธปืนขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก อาวุธปืนสั้นแบบไทยประดิษฐ์ จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 6 นัด และรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ ทะเบียน กน. 1577 ภูเก็ต โทรศัพท์มือถือ เครื่องชั่งดิจิตอล 1 เครื่อง
รายที่สองได้จับกุมนายวุฒิชัย ภูมิงาม อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 161/5 ม. 3 ต. ศรีสุนทร อ.ถลาง ได้ของกลางยาไอซ์ 2.24 กรัม ส่วนรายที่ 3 เป็นการจับกุมนายอนุพงศ์ ส่งศรี อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 21/3 ม. 4 ต. ศรีสุนทร อ. ถลาง พร้อมของกลางยาไอซ์ 128.21 กรัม เงินสด 12,000 บาท สมุดบัญชีรายชื่อลูกค้า 2 เล่ม และอุปกรณ์การเสพจำนวน 1 ชุด ส่วนรายที่ 4 ได้จับกุมนายภิญโญ บุญยืนหรือบอล อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 107/9 ม. 5 ต. ศรีสุนทร อ. ถลบาง และน.ส. พิไลพร ท่าเรือรักษา อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 116/60 ม. 6 ต.กะทู้ อ. กะทู้ พร้อมของกลางยาไอซ์ 1.38 กรัม ยาบ้า ¾ เม็ด เงินสด 94,030 บาท และสมุดบัญชีลูกค้าจำนวน 4 เล่ม จึงแจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไว้เพื่อครอบครอบและจำหน่าย
นอกจากนี้ยังมีการจับกุมผู้ต้องหาคดีมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครอง รายแรกได้จับกุมนายสิทธิกร สุวรรณกำเนิด อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 107/19 ม. 5 ต. ศรีสุนทร อ. ถลาง พร้อมของกลางอาวุธปืนสั้นไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก อาวุปืนนกสั้นขนาด 6.35 มม. จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุนจำนวนหนึ่ง และรายสุดท้ายได้จับกุมนายอรุณ วารี อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 89 ม. 7 ต. เทพกระษัตรี อ. ถลาง ได้ของกลางเป็นพืชกระท่อม 15 ใบ จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.ถลางดำเนินคดีต่อไป
***ณรงค์ศักดิ์ แสงสีดำ ส.ปชส.ภูเก็ต/ข่าว เสงี่ยม เอียดตน /พิมพ์
-------------------------------------
ศูนย์วิศวกรรมพลังงานและสิ่งแวดล้อม บางเขน คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เร่งประชาสัมพันธ์โครงการศึกษาความเหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจ สังคม วิศวกรรม และผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการก่อสร้างทางหลวงแนวใหม่เชื่อมต่อกะทู้-ป่าตอง ตามระเบียบสำนักนายกฯ
รองศาสตราจารย์เกียรติไกร อายุวัฒน์ คณะทำงานฯ จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เทศบาลเมืองป่าตองมอบหมายให้ศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ร่วมกับบริษัทเอฟซิลอน จำกัด และบริษัทแพลนโปร จำกัด เปิดเผยว่า โครงการศึกษาความเหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจ สังคม วิศวกรรม และผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการก่อสร้างทางหลวงแนวใหม่เชื่อมต่อกะทู้-ป่าตอง เป็นโครงการที่เทศบาลเมืองป่าตองได้ตระหนักถึงความสำคัญและความจำเป็นของการดำเนินการเพื่อปรับปรุงแก้ไขปัญหาเส้นทางหลักของป่าตองที่มีความแคบ คดเคี้ยว ลาดชันสูง ตามลักษณะภูมิประเทศที่ถนนตัดผ่าน และปริมาณการจราจรมีสภาพค่อนข้างหนาแน่นตลอดวัน ประกอบกับเมื่อมีฝนตกหนักจะเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง จึงได้ดำเนินการพัฒนาทางหลวงหมายเลข 4029 เพื่อปรับปรุงแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งในช่วงที่มีข้อจำกัดด้านกายภาพตามลักษณะภูมิประเทศของพื้นที่นั้น จะต้องตัดทางแนวใหม่จากด้านอำเภอกะทู้ตรงเข้าสู่หาดป่าตอง ส่วนรูปแบบการก่อสร้างอาจเป็นถนน สะพาน อุโมงค์ หรือผสมผสานกัน แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้นคาดว่าแนวเส้นทางใหม่อาจต้องตัดผ่านพื้นที่ที่ได้รับการคุ้มครองทางด้านสิ่งแวดล้อม ดังนั้นจึงต้องจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อีกทั้งเพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปตามขั้นตอนอย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรม เทศบาลเมืองป่าตองจึงได้กำหนดให้มีการศึกษาความเหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจ สังคม วิศวกรรมและผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการก่อสร้างทางหลวงแนวใหม่เชื่อมต่อกะทู้-ป่าตอง ก่อนที่จะดำเนินการก่อสร้างต่อไป
การศึกษาความเหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจ สังคม วิศวกรรมและผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการก่อสร้างทางหลวงแนวใหม่เชื่อมต่อกะทู้-ป่าตอง ประกอบด้วยการศึกษาในหลายหัวข้อ อาทิ ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการ ซึ่งคณะผู้ศึกษาโครงการฯ เปิดเผยว่าเมื่อพัฒนาโครงการแล้วเสร็จ จะเพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยแก่ผู้ใช้เส้นทางที่เดินทางสู่ป่าตอง รวมถึงลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุ ประหยัดเวลาในการเดินทาง, เดินรถ ส่งเสริมการท่องเที่ยว รองรับการพัฒนาระบบขนส่ง โลจิสติกส์ และเชื่อมโยงการพัฒนาระบบเศรษฐกิจโดยรวม ตลอดจนวัตถุประสงค์ของงานศึกษาฯ ขอบเขตระยะเวลาของการศึกษา แนวทางดำเนินงาน พื้นที่ศึกษา แนวเส้นทางและรูปแบบขององค์ประกอบโครงการ ตลอดจนมาตรการป้องกัน แก้ไขและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่สำคัญ
ทั้งนี้ผู้สนใจการศึกษาโครงการดังกล่าวสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บริษัทเอพซิลอน จำกัด (เป็นบริษัทที่ปรึกษาหลักในการศึกษาด้านเศรษฐกิจและวิศวกรรม) โทร. 02-9209930 โทรสาร 02-5712767 หรือที่ ศูนย์วิศวกรรมพลังงานและสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (เป็นบริษัทที่ปรึกษาหลักในการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและการมีส่วนร่วมของประชาชน) โทร. 02-9428410 ต่อ 113 โทรสาร 02-942-8410 ต่อ 104 และที่บริษัทแพลนโปรจำกัด (เป็นบริษัทที่ปรึกษาหลักในการศึกษาด้านวิศวกรรมจราจรและขนส่ง) โทร. 02-5712741 โทรสาร (02) 5712741 ต่อ 888
***โสภณ เคี่ยมการ ส.ปชส.ภูเก็ต/ข่าว เสงี่ยม เอียดตน /พิมพ์
------------------------------------------
การระดมความคิด “ การศึกษาความต้องการกำลังคน เพื่อการวางแผนการผลิตและพัฒนากำลังคนในระดับกลุ่มจังหวัดและกรุงเทพมหานคร ” ที่ภูเก็ต
โดยศึกษาความต้องการกำลังคนในกลุ่มภาคการผลิตและศักยภาพบริการ ตลอดจนสาขาที่เป็นความต้องการ จำเป็นต่อกลุ่มจังหวัดภูเก็ต ทั้งศึกษาการผลิตของสถาบันศึกษาในเชิงปริมาณและคุณภาพในแต่ละกลุ่มจังหวัดเป้าหมาย
เมื่อเวลา 09.00 น. วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 ที่ห้องบอน-ไม้ท่อน ชั้น 2 โรงแรมรอยัล ภูเก็ต ซิตี้ จังหวัดภูเก็ต ดร.สราวุธ ไพฑูรย์พงษ์ นักวิชาการอาวุโส ฝ่ายวิจัยทรัพยากรมนุษย์และพัฒนาสังคม สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย เป็นประธานการประชุมระดมความคิด “ การศึกษาความต้องการกำลังคน เพื่อการวางแผนการผลิตและพัฒนากำลังคนในระดับกลุ่มจังหวัดและกรุงเทพมหานคร ” โดยมี นางเพ็ญจันทร์ นครอินทร์ นักวิชาการศึกษา 8 หัวหน้ากลุ่ม สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา(กรุงเทพมหานคร) ตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้องจาก 9 จังหวัดได้แก่ จังหวัดจากภาคใต้ฝั่งอันดามันประกอบด้วย ระนอง,พังงา, ภูเก็ต,กระบี่,ตรัง และภาคใต้ชายแดน ประกอบด้วยสงขลา, ปัตตานี, ยะลา, นราธิวาส เข้าร่วม
ดร.สราวุธ กล่าวว่า การประชุมระดมความคิด “ การศึกษาความต้องการกำลังคน เพื่อการวางแผนการผลิตและพัฒนากำลังคนในระดับกลุ่มจังหวัดและกรุงเทพมหานคร ” ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความต้องการกำลังคนในกลุ่มภาคการผลิตและศักยภาพบริการ ตลอดจนสาขาที่เป็นความต้องการ จำเป็นต่อกลุ่มจังหวัดภูเก็ต ทั้งยังศึกษาการผลิตของสถาบันศึกษาในเชิงปริมาณและคุณภาพในแต่ละกลุ่มจังหวัดเป้าหมาย รวมถึงศึกษาแนวทางการผลิตและพัฒนากำลังคนให้ตอบสนองภาคการผลิตและบริการ ต่อสาขาที่เป็นความต้องการ ซึ่งจำเป็นต่อกลุ่มเป้าหมาย เขตการศึกษา ทั้งนี้สาขาที่ทำการศึกษานั้นต้องเป็นสาขายุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศคือ ภาคการผลิตและบริการ และเป็นสาขาที่ต้องการหรือจำเป็นเชิงสังคม ตลอดจนสาขาที่ขาดแคลน ด้านอาชีวศึกษา และจำเป็นต่อด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (S & T)
สำหรับแผนพัฒนาการศึกษา กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน เพื่อพัฒนาคนให้มีคุณภาพด้วยการศึกษาเชิงบูรณาการบนพื้นฐานความร่วมมือของเครือข่ายการศึกษาและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน เพื่อความยังยื่นบนรากฐาน ด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม ในกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ส่วนด้านแผนพัฒนาการศึกษา กลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน เพื่อมุ่งจัดการศึกษาในเขตพัฒนาพิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีคุณภาพการศึกษาชาติ สร้างโอกาสในการประกอบอาชีพและพัฒนาพื้นที่ โดยยึดแนวทางพระราชทานปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และยุทธศาสตร์พระราชทาน “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” ตลอดจนหลักธรรมนำความรู้ การมีส่วนร่วมของชุมชนและองค์กรศาสนา เพื่อสร้างสันติสุขและเสริมสร้างความมั่นคงในพื้นที่ ภายใต้ความหลากหลายทางวัฒนธรรมสอดคล้องกับวิถีชีวิตและเชื่อมโยงสู่ประชาคมโลก ภายในปี 2555
***สิรินทร สินอนันต์ ข่าว/พิมพ์/ภาพ ณรงค์ศักดิ์ ส.ปชส.ภูเก็ต/ทาน
---------------------------------------
อบจ. ภูเก็ต เร่งประสานแผนพัฒนาท้องถิ่น 56 โครงการ งบกว่า 800 ล้านบาท
เมื่อเวลา 14.30 น. วันนี้ (8 ก.ค. 54) ที่ห้องประชุมสภา อบจ. ภูเก็ต นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการประสานแผนพัฒนาท้องถิ่นระดับจังหวัดภูเก็ต โดยมีนายสรธรรม จินดา รองนายก อบจ. ภูเก็ต นายสาธิต กลิ่นภักดี ท้องถิ่นจังหวัดภูเก็ต นายมาโนช พันธ์ฉลาด นายก อบต. เชิงทะเล ผุ้บริหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
ทั้งนี้ การพิจารณาบูรณาการโครงการ เพื่อการประสานแผนพัฒนาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดภูเก็ต มีท้องถิ่นต่าง ๆ เสนอโครงการมาทั้งหมด 56 โครงการ งบประมาณกว่า 849 ล้านบาท แยกเป็นของ อบต. กมลา 1 โครงการ คือโครงการก่อสร้างถนนแอสฟัลต์ ติดคอนกรีตสายกมลา – กะทู้ งบประมาณ 17 ล้านบาท เทศบาลนครภูเก็ต 6 โครงการ งบประมาณ 143 ล้านบาท เทศบาลเมืองกะทู้ 10 โครงการ งบประมาณ 318 ล้านบาท เทศบาลตำบลเทพกระษัตรี 3 โครงการ งบประมาณ 24 ล้านบาทเศษ อบต. เชิงทะเล 8 โครงการ งบฯ 85 ล้านบาทเศษ อบต. เทพกระษัตรี 4 โครงการ งบฯ 67 ล้านบาท อบต.ศรีสุนทร 4 โครงการ งบฯ 12 ล้านบาท อบต. ไม้ขาว 12 โครงการ งบฯ 84 ล้านบาท อบต. ป่าคลอก 6 โครงการ งบฯ 87 ล้านบาท และเทศบาลตำบลวิชิต 2 โครงการงบประมาณ 12 ล้านบาทเศษ
***โสภณ เคี่ยมการ /ข่าว เสงี่ยม เอียดตน ส.ปชส.ภูเก็ต/พิมพ์
---------------------------------------
ผู้ปกครองในพื้นที่ภูเก็ต พาบุตรไปทำบัตรประชาชน แต่ระบบทะเบียนออนไลน์ขัดข้องไม่สามารถให้บริการได้.
บ่ายวันนี้ (8 ก.ค. 54) ที่สำนักงานทะเบียนท้องถิ่น เทศบาลนครภูเก็ต มี
ผู้ปกครองจำนวนหนึ่ง เดินทางนำบุตรหลานมารับบริการทำบัตรประชาชนเด็ก แต่ต้องผิดหวังเนื่องจากเจ้าหน้าที่แจ้งว่า ระบบออนไลน์ขัดข้อง ไม่สามารถให้บริการได้
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ทะเบียนสำนักงานทะเบียนท้องถิ่นเทศบาลนครภูเก็ต คาดว่าระบบดังกล่าวน่าจะปรับปรุงแล้วเสร็จภายในวันพุธที่ 13 กรกฏาคมนี้ ส่วนสาเหตุที่ระบบขัดข้อง น่าจะเป็นผลมาจากการใช้ระบบออนไลน์พร้อม ๆ กัน
โดยหลังจากนี้เทศบาลนครภูเก็ต จะร่วมกับโรงเรียนในพื้นที่ นำนักเรียนมาทำบัตรประชาชนพร้อมกันในวันเสาร์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่ไม่สามารถเดินทางมาทำบัตรได้ในวันเวลาตามปกติ
ขณะที่เด็ก ๆ ซึ่งผู้ปกครองนำมารอทำบัตรประชาชน บอกว่า รู้สึกดีใจและตื่นเต้นที่จะมีบัตรประจำตัวประชาชนเป็นครั้งแรก
สำหรับการทำบัตรประชาชนเด็กครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ พ.ร.บ.บัตรประจำตัวประชาชน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2554 ที่กำหนดให้เด็กไทย สัญชาติไทยที่อายุตั้งแต่ 7 ปีขึ้นไป ต้องมีบัตรประจำตัวประชาชน.
*** สทท. 11 ภูเก็ต/สนับสนุนข่าว
-------------------------------------
นักกีฬากว่า 800 คน จาก 14 จังหวัดภาคใต้ แข่งกีฬาโยธาธิการและผังเมือง พรหมเทพเกมส์ที่ภูเก็ต 17 ก.ค. นี้
นายวงศกร นุ่นชูคันธ์ โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า ทางสำนักงานฯ ได้รับเกียรติจากหน่วยงานในสังกัดกรมโยธาธิการฯ ภาคใต้ให้เป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันกีฬาโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดภาคใต้ ครั้งที่ 18 พรหมเทพเกมส์ ในวันอาทิตย์ที่ 17 กรกฏาคม 2554 ณ สนามศูนย์กีฬาสะพานหิน
สำหรับวัตถุประสงค์การแข่งขัน เพื่อพบปะสังสรรค์กันในมวลหมู่ชาวโยธาธิการและผังเมืองภาคใต้ และเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนทัศนคดี ความคิดเห็น ประสบการณ์การทำงาน รวมทั้งเพื่อส่งเสริมให้ข้าราชการและครอบครัว ได้ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพอนามัยที่แข็งแรง อันจะส่งผลดีต่อการปฏิบัติงาน ที่สำคัญเป็นการสร้างเครือข่ายพันธมิตรระหว่างจังหวัดต่าง ๆ นำมาตรฐานความสะดวกรวดเร็วในการปฏิบัติงาน โดยมีกีฬาแข่งขันจำนวน 5 ประเภทคือ กีฬาฟุตซอล วอลเลย์บอล วิ่ง 2,000 เมตร การแข่งขันกีฬาพื้นบ้าน วิ่งผลัดกางเกงใน การแข่งขันกีฬาพื้นบ้าน วิ่งผลัดหนีบไม้
ทั้งนี้จะมีพิธีเปิดเวลา 07.20 น. โดยมีอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมืองเป็นประธาน และ
งานเลี้ยงสังสรรค์ เวลา 18.30 น. ณ โรงแรมรอยัลภูเก็ตซิตี้
***โสภณ เคี่ยมการ ส.ปชส.ภูเก็ต /ข่าว เสงี่ยม เอียดตน /พิมพ์
-----------------------------------------
นักศึกษาวิทยาลัยเสนาธิการทหารรุ่น 52 ร่วมแข่งขันฟุตบอลนัดพิเศษกระชับสัมพันธ์กับสื่อมวลชนภูเก็ต.เมื่อเวลา 17 .00 น.วันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา ที่สนามฟุตบอลภูเก็ตอารีน่า นักศึกษาวิทยาลัยเสนาธิการทหารรุ่น 52 ปีการศึกษา 2554 นำโดยพันเอก นเรศ ไชโย ประธานนักศึกษาวิทยาลัยเสนาธิการทหารบกรุ่น 52 นายอดุลย์ ชูทอง ปลัดอาวุโส อ.กะทู้ ร่วมแข่งขันฟุตบอลนัดพิเศษกับทีมสื่อมวลชนภูเก็ต นำทีมโดย นายโสภณ เคี่ยมการ ผู้ช่วยประชาสัมพันธ์ จ.ภูเก็ต นายปิยะ แสงแก้ว บรรณาธิการหนังสือพิมพ์เสียงใต้ ซึ่งผลการแข่งขันปรากฏว่าทั้งสองทีมทำประตูเสมอไป 5 ประตูต่อ 5
พันเอกนเรศ กล่าวว่า นักศึกษาวิทยาลัยเสนาธิการทหารรุ่น 52ได้เดินทางมาทัศนศึกษาในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตระหว่างวันที่ 8-9 กรกฏาคม 2554 เพื่อศึกษาข้อมูลด้านการพัฒนาจังหวัด และข้อมูลด้านความมั่นคง ในขณะเดียวกันก็ได้จัดกิจกรรมมอบอุปกรณ์กีฬาให้กับโรงเรียนในจังหวัดภูเก็ต รวมทั้งร่วมแข่งขันฟุตบอลนัดพิเศษกับทีมสื่อมวลชนภูเก็ตเพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสององค์กรทั้งยังเป็นการส่งเสริมการออกกำลังกายซึ่งถือเป็นภารกิจของนักศึกษาเสนาธิการที่สำคัญเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกันด้วย.
-------------------------พันเอกนเรศ กล่าวว่า นักศึกษาวิทยาลัยเสนาธิการทหารรุ่น 52ได้เดินทางมาทัศนศึกษาในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตระหว่างวันที่ 8-9 กรกฏาคม 2554 เพื่อศึกษาข้อมูลด้านการพัฒนาจังหวัด และข้อมูลด้านความมั่นคง ในขณะเดียวกันก็ได้จัดกิจกรรมมอบอุปกรณ์กีฬาให้กับโรงเรียนในจังหวัดภูเก็ต รวมทั้งร่วมแข่งขันฟุตบอลนัดพิเศษกับทีมสื่อมวลชนภูเก็ตเพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสององค์กรทั้งยังเป็นการส่งเสริมการออกกำลังกายซึ่งถือเป็นภารกิจของนักศึกษาเสนาธิการที่สำคัญเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกันด้วย.
ตำรวจเมืองภูเก็ตจับสาวใหญ่รับจ้างส่งยาไอซ์พร้อมของกลางมูลค่ากว่า 1 ล้านบาทสารภาพทำมาแล้ว 3 ครั้ง ได้ค่าจ้างครั้งละ 50,000 บาท.
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 9 ก.ค. 54 ที่ห้องประชุมชั้น 2 สภ.เมืองภูเก็ต พล.ต.ต.
พ.ต.ท.ประวิทย์ เอ่งฉ้วน หน.ชปส.สภ.เมืองภูเก็ต พร้อมพวกสืบทราบว่า น.ส.ชุลีกร มีพฤติกรรมรับจ้างขนยาไอซ์จากกรุงเทพฯมาส่งให้เอเย่นต์ใหญ่ใน จ.ภูเก็ต โดยมีวิธีวางยาไอซ์-ยาบ้าตามจุดต่างๆ ที่มีลูกค้าสั่งซื้อและนัดหมายกันทางโทรศัพท์ แล้วโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร โดย น.ส.ชุลีกรเคยทำธุรกิจนวดแผนไทยย่าน ถ.ศักดิ์เดชน์ ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต จึงวางแผนเข้าตรวจค้นจับกุม ขณะที่ น.ส.ชุลีกร จอดรถกระบะคุยโทรศัพท์กับเอเย่นต์ ซึ่งมาทราบภายหลังคือ นายปิยพันธ์ที่บริเวณตลาดเกษตร ถ.อ๋องซิมผ่าย ต.ตลาดใหญ่ เพื่อนัดส่งยาไอซ์ จากการตรวจค้นภายในรถ พบยาไอซ์น้ำหนัก
--------------------------
กระทรวงพลังงานดึงผู้ประกอบการโรงแรมบนเกาะราชาใหญ่จังหวัดภูเก็ตร่วมโครงการส่งเสริมการลงทุนด้านอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน คาดลดต้นทุนการผลิตพลังงานได้มากกว่า 30 %.ต่อปี.
เมื่อเวลา 9.30 น.วันที่ 9 กรกฏาคม 54 ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต ดร.ทวารัฐ สูตะบุตร รองอธิบกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานพร้อมด้วยนายจิรศักดิ์ ธรรมมเวช พลังงานจังหวัดภูเก็ตและคณะฯร่วมประชุมและชี้แจงการจัดทำโครงการส่งเสริมการลงทุนด้านอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนโดยการดึงเอาผู้ประกอบการโรงแรมบนเกาะราชาใหญ่จังหวัดภูเก็ตและเกาะบริวารใกล้เคียงเข้าร่วมรับฟังการจัดทำโครงการดังกล่าว
ดร.ทวารัฐ กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตมีศักยภาพด้านพลังงานทดแทน ทั้งพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานน้ำนอกจากนั้นยังมีแนวคิดเพิ่มเติมที่กระทรวงพลังงานให้นโยบายไว้ว่า แหล่งท่องเที่ยวสำคัญสามารถขับเคลื่อนไปสู่แหล่งท่องเที่ยวสีเขียว สามารถช่วยยกระดับต่อยอดทำให้แหล่งท่องเที่ยวของประเทศไทยลดการใช้พลังงานเพิ่มมากขึ้นและเป็นภาพลักษณ์ที่ดี ปัจจุบันจังหวัดภูเก็ตมีโครงการภูเก็ตเขียวในการรณรงค์ลดใช้พลังงานเช่นน้ำมันและก๊าชต่างๆโดยการสร้างพลังงานทดแทน ไม่ว่าลม แสงแดดหรือน้ำมาใช้ในพื้นที่เกาะภูเก็ต และเกาะบริวาร ซึ่งกระทรวงพลังงานจะเริ่มการใช้พลังงานทดแทนที่เกาะราชาใหญ่ โดยให้ผู้ประกอบการบนเกาะปรับเปลี่ยนการผลิตกระแสไฟฟ้าจากเดิมที่ใช้น้ำมันหันมาใช้พลังงานทดแทนรูปแบบอื่นซึ่งสามารถลดค่าใช้จ่ายได้ 30-4. %ต่อปี อย่างไรก็ตามจากการพูดคุยกับผู้ประกอบการโรงแรมบนเกาะราชาใหญ่ต่างให้ความสนใจมากเชื่อว่าหลังจากได้รับข้อมูลจากกระทรวงพลังงานจนเป็นที่เข้าใจแล้วในอนาคตอันใกล้จะมีผู้ประกอบการหันมาใช้พลังงานทดแทนอย่างแน่นอน.
ดร.ทวารัฐ กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตมีศักยภาพด้านพลังงานทดแทน ทั้งพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานน้ำนอกจากนั้นยังมีแนวคิดเพิ่มเติมที่กระทรวงพลังงานให้นโยบายไว้ว่า แหล่งท่องเที่ยวสำคัญสามารถขับเคลื่อนไปสู่แหล่งท่องเที่ยวสีเขียว สามารถช่วยยกระดับต่อยอดทำให้แหล่งท่องเที่ยวของประเทศไทยลดการใช้พลังงานเพิ่มมากขึ้นและเป็นภาพลักษณ์ที่ดี ปัจจุบันจังหวัดภูเก็ตมีโครงการภูเก็ตเขียวในการรณรงค์ลดใช้พลังงานเช่นน้ำมันและก๊าชต่างๆโดยการสร้างพลังงานทดแทน ไม่ว่าลม แสงแดดหรือน้ำมาใช้ในพื้นที่เกาะภูเก็ต และเกาะบริวาร ซึ่งกระทรวงพลังงานจะเริ่มการใช้พลังงานทดแทนที่เกาะราชาใหญ่ โดยให้ผู้ประกอบการบนเกาะปรับเปลี่ยนการผลิตกระแสไฟฟ้าจากเดิมที่ใช้น้ำมันหันมาใช้พลังงานทดแทนรูปแบบอื่นซึ่งสามารถลดค่าใช้จ่ายได้ 30-4. %ต่อปี อย่างไรก็ตามจากการพูดคุยกับผู้ประกอบการโรงแรมบนเกาะราชาใหญ่ต่างให้ความสนใจมากเชื่อว่าหลังจากได้รับข้อมูลจากกระทรวงพลังงานจนเป็นที่เข้าใจแล้วในอนาคตอันใกล้จะมีผู้ประกอบการหันมาใช้พลังงานทดแทนอย่างแน่นอน.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็นทั่วไป