วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2553

คนภูเก็ตไม่ค้านศูนย์ประชุมฯที่ไม้ขาว ห่วงป่าชายหาด-ปัญหาจราจรติดขัด

คนภูเก็ตมติเป็นเอกฉันท์ เห็นด้วยที่มีศูนย์ประชุมและนิทรรศการเกิดขึ้นที่ไม้ขาว หลังเรียกร้องกันว่านานกว่าสิบปี แต่ยังห่วงป่าชายหาดที่อยู่ติดกับที่ก่อสร้างจะถูกทำลาย และปัญหาการจราจรที่คาดว่าจะติดขัดหนัก หากไม่วางแผนระบบลอจิติกส์ที่จะเข้าถึงโครงการ

วันที่ 25 ส.ค.53 ที่โรงแรมเมโทรโพล อ.เมือง จ.ภูเก็ต สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง ร่วมกับ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต และกรมธนารักษ์ จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นในโครงการ “การศึกษาและวิเคราะห์โครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและนิทรรศการนานาชาติภูเก็ต และจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)” โดยมีผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว โรงแรม องค์กรเอกชน หน่วยงานราชการและประชาชนทั่วไปเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ภายหลังจากเมื่อวันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ตำบลไม้ขาว ซึ่งเป็นผู้ที่จะได้รับผลกระทบโดยตรงจากการก่อสร้างศูนย์ประชุมฯดังกล่าว

ทั้งนี้เพื่อนำข้อเสนอแนะที่ได้จากการรับฟังความคิดเห็นทั้ง 2 เวที ไปทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมและออกแบบรายละเอียดศูนย์ประชุมฯ ให้ตรงกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ต่อไป

สำหรับศูนย์ประชุมและนิทรรศการนานาชาติภูเก็ต ตั้งอยู่ในที่ราชพัสดุแปลงที่ภก.153 เนื้อที่ 150 ไร่ อยู่ตรงข้ามกับบ้านท่านุ่น จ.พังงา อยู่หัวเกาะภูเก็ต ในต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต จะประกอบไปด้วย อาคารศูนย์ประชุมและนิทรรศการ ที่มีห้องประชุมใหญ่จุได้ 6,000 คน ห้องประชุมขนาดเล็กที่จุได้ตั้งแต่ 20 คนถึง 600 คนอีกจำนวนหนึ่ง ห้องจัดเลี้ยงจุได้ 1,000 คน อาคารหอพัก 100 ยูนิต โรงแรมระดับ 2-3 ดาว 200 ห้อง อาคารที่จอดรถ เป็นต้น โดยใช้งบในการก่อสร้าง 2,600 ล้านบาท

นายประสิทธิ์ สืบชนะ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาการประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์ กรมธนารักษ์ กล่าวว่า ภายหลังจากที่ครม.ได้อนุมัติงบไทยเข้มแข็ง 2,600 ล้านบาทในการก่อสร้างศูนย์ประชุมฯที่ภูเก็ตไปแล้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้เร่งรัดมายังกรมธนารักษ์ ในการที่จะดำเนินการก่อสร้างศูนย์ประชุมฯดังกล่าวตามความต้องการของคนภูเก็ตให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว

กรมธนารักษ์จึงได้ลงมารับฟังความเห็นจากคนภูเก็ตทุกภาคส่วน เพื่อนำความต้องการของคนภูเก็ตไปออกแบบรายละเอียดโครงการและจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม เสนอไปยังกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในการที่จะจัดจ้างบริษัทที่ปรึกษาเพื่อออกแบบรายละเอียดโครงการให้เป็นไปตามความต้องการของคนภูเก็ตและผู้บริหารศูนย์ประชุมขนาดใหญ่ หลังจากนั้นก็จะหาผู้รับเหมาก่อสร้าง ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เวลาดำเนินการประมาณ 6-7 เดือน ประมาณกลางปี 2554 จะสามารถเริ่มก่อสร้างได้ และใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 2 ปี

อย่างไรก็ตาม จากการรับฟังความคิดเห็นในครั้งนี้ ทั้งที่โรงแรมเมโทรโพลและที่อบต.ไม้ขาว ประชาชนชาวภูเก็ต นักธุรกิจและทุกภาคส่วน เห็นด้วย 100% ที่จะก่อสร้างศูนย์ประชุมฯ ที่บริเวณบ้านท่าฉัตรไชย เพราะเป็นความต้องการของคนภูเก็ตที่จะดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาภูเก็ตให้มากขึ้น โดยเจาะจงไปที่กลุ่ม MICE แต่ยังเป็นห่วงปัญหาต่างๆที่จะตามมา ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างพื้นฐาน ถนนหนทาง น้ำประปา การคมนาคมขนส่ง ปัญหาขยะ รวมไปถึงปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบริเวณรอบศูนย์ประชุมฯ โดยเฉพาะป่าชายหาดที่บริเวณนั้นต้องการที่จะให้รักษาไว้ เพื่อเป็นแนวกันคลื่นหากเกิดสึนามิ และเพื่อความสมดุลของธรรมชาติในบริเวณดังกล่าว

รศ.สมชาย สกุลทัพ รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต กล่าวว่า จากการเปิดเวทีรับฟังความเห็นคนไม้ขาวที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนในรัศมี 5 กิโลเมตร จากสถานที่ก่อสร้างศูนย์ประชุมฯ ปรากฏว่าเห็นด้วย 100%ที่จะให้ศูนย์ประชุมเกิดขึ้นที่ท่าฉัตรไชย เพียงแต่เป็นห่วงในเรื่องของป่าชายหาดที่อยู่ด้านหลังศูนย์ประชุมฯ ที่ต้องการให้กันไว้ทั้งหมด เพื่อเป็นแนวกันคลื่นหากเกิดสึนามิ ปัญหาการจราจรที่คาดว่าจะติดขัดอย่าแน่นอนหลังมีศูนย์ฯเกิดขึ้น และต้องการให้ชุมชนเข้าไปมีส่วนร่วมในพื้นที่เช่าเพื่อจำหน่ายสินค้าชุมชน เป็นต้น

นายก้องเกียรติ กิติวัฒนาวงศ์ นักวิชการจากสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลชายฝั่งและป่าชายเลน กล่าวว่า จากภาพถ่ายดาวเทียมบริเวณนั้นจะมีป่าชายหาดที่มีความหนาแน่น 80-90% ที่ยังสมบูรณ์ซึ่งจากบทเรียนสึนามิป่าหน้าหาดจะสามารถเป็นแนวกันคลื่นสนามิได้ จึงอยากที่จะให้เก็บป่าชายหาดไว้ รวมทั้งบริเวณใกล้ๆที่ก่อสร้างศูนย์ฯเป็นที่วางไข่ของเต่ามะเฟื่องควรจะคำนึงถึงความสูงของอาคารและแสงสว่างด้วย เพราะอาจจะมีผลต่อการขึ้นมาว่างไข่ของเต่าทะเล

สำหรับความกังวลในเรื่องของป่าชายหาด ตัวแทนกรมธนารักษ์และบริษัทที่ปรึกษา ยืนยันต่อที่ประชุมว่า จะไม่เข้าไปแตะต้องป่าชายหาดอย่างแน่นอนโดยจะอนุรักษ์ไว้ทั้งหมด การก่อสร้างอาคารศูนย์ประชุมฯและอาคารสนับสนุนจะเกิดขึ้นในพื้นที่ที่อยู่ติดริมถนนเท่านั้น

นายเมธี ตันมานะตระกูล ตัวแทนจากสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ เสนอว่า อยากจะให้รูปแบบของอาคารที่ออกมานั้นคงคอนเซ็ปต์ ที่บงบอกถึงความเป็นภูเก็ตและภาคใต้ และกรมธนารักษ์จะต้องเร่งหาเอกชนที่จะเข้ามาบริหารจัดการศูนย์ฯตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อจะได้มีเวลาในการทำตลาดล่วงหน้า 2-3 ปี

ขณะที่นายสมบูรณ์ จิรายุส นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต เห็นว่า อยากจะให้รูปแบบของศูนย์ประชุมฯที่ออกมานั้นมีความเป็นอัตลักษณ์ของภูเก็ต เป็นแลนด์มาร์กและเป็นแหล่งท่องเที่ยว เหมือนกับที่โอเปร่า ที่ชิดนีย์ และศูนย์ประชุมของประเทศสิงคโปร์ รวมทั้งเห็นว่าขนาดของอาคารที่กำหนดนั้นไม่เหมาะสมกับจำนวนที่จุคนได้ ซึ่งดูแล้วจะเห็นว่าคับแคบมาก น่าที่จะเพิ่มพื้นที่ให้มากกว่านี้

อย่างไรก็ตาม ในประเด็นพื้นที่ใช้สอยในอาคารห้องประชุมนั้น ผู้เข้าร่วมประชุมจำนวนมากเห็นว่าไม่เหมาะสม ขนาดของห้องที่กำหนดไว้นั้นคับแคบหากเทียบกับจำนวนความจุของคนที่เข้าร่วมประชุม และเป็นห่วงในเรื่องของการจราจรและการเข้าถึงศูนย์ประชุมฯ เพราะภูเก็ตมีถนนหลักเพียงสายเดียว เกรงว่าจะเกิดปัญหาการจราจรติดขัดได้ รวมไปถึงความปลอดภัยของผู้เข้าร่วมประชุมที่เป็นระดับผู้นำและบุคคลสำคัญ ควรที่จะมีทางออกจากศูนย์ประชุมฯทั้งทางบก ทางอากาศและทางเรือ

นายธนันท์ ตันฑ์ไพบูลย์ นายกสมาคมอสังหาฯภูเก็ต เห็นว่า ถนนที่จะเข้าถึงศูนย์ประชุมฯ ควรจะเป็นถนน 4-6 เลน จากสนามบินและท่าเรือน้ำลึก ที่จะขนผู้เข้าร่วมประชุมและอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ในการประชุม เป็นต้น เพราะหากไม่มีการลงทุนเพิ่มในส่วนของถนนหนทางและโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ รองรับแล้ว คาดว่าจะส่งผลต่อวิถีชีวิตของคนภูเก็ตอย่างแน่นอน

ขอบคุณ...ผู้จัดการ ออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็นทั่วไป