เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2553 ที่โรงแรมเมโทรโพล อ.เมือง จ.ภูเก็ต สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดภูเก็ต ได้จัดให้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ตามพระราชบัญญัติ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 ระหว่างนายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ในฐานะผู้อำนวยการจังหวัดภูเก็ต กับ พลเรือโทชุมนุม อาจวงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยทัพเรือภาคที่ 3 โดยมีนายสมิทธิ์ ปาลวัฒน์วิไชย รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายสมศักดิ์ สงนุ้ย พัฒนาการจังหวัดภูเก็ต นายสาธิต กลิ่นภักดี ท้องถิ่นจังหวัดภูเก็ต ฯลฯ ร่วมเป็นสักขีพยาน
นายสันติ์ กล่าวถึงความเป็นมาและวัตถุประสงค์ของการลงนามว่าด้วยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ว่า ตามที่ได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 และตามมาตรา 46 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว ได้กำหนดเรื่องการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยภายในเขตทหารหรือที่เกี่ยวกับกิจการ เจ้าหน้าที่ หรือทรัพย์สินในราชการทหารให้เป็นไปตามข้อตกลงเป็นหนังสือร่วมกันระหว่างผู้อำนวยการจังหวัดหรือผู้อำนวยการกรุงเทพมหานคร และผู้บังคับบัญชาของทหารในพื้นที่เกี่ยวข้อง
กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้พิจารณาร่วมกับฝ่ายทหาร จัดทำตัวอย่างบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ตามพระราชบัญญัติฯ ระหว่างผู้อำนวยการจังหวัดและผู้บังคับบัญชาของทหารในพื้นที่ และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะผู้อำนวยการจังหวัด พิจารณาจัดทำบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กับผู้บังคับผู้บังคับบัญชาของทหารในพื้นที่
สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดภูเก็ตได้จัดทำบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงเห็นควรจัดทำพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงฯ ดังกล่าวขึ้นในวันนี้
ด้านนายวิชัย กล่าวภายหลังพิธีลงนามว่า การลงนามในครั้งนี้ถือว่าเป็นการลงนามความร่วมมือระหว่างผู้อำนวยการจังหวัดภูเก็ต กับผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยทัพเรือภาคที่ 3 เพื่อที่จะแบ่งพื้นที่การให้การช่วยเหลืออย่างชัดเจนในกรณีที่เกิดอุบัติภัยขึ้นในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต หรือเกิดขึ้นในเขตความรับผิดชอบของทหาร ในการที่จะประสานงานและบูรณาการทั้งในส่วนของบุคลากร อุปกรณ์ในส่วนของการให้การช่วยเหลือเข้าด้วยกัน เพื่อให้การให้การช่วยเหลือมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ไม่เกิดความช้ำซ้อนในการช่วยเหลือ
“การลงนามความร่วมมือในลักษณะแบบนี้ ถือว่าเป็นนโยบายที่ดีของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในการที่จะแบ่งภารกิจในการให้การช่วยเหลือที่ชัดเจนระหว่างฝ่ายทหารกับฝ่ายพลเรือน เมื่อมีภัยเกิดขึ้นก็สามารถที่จะแบ่งการทำงานกันได้อย่างชัดเจน เพราะเมื่อเกิดอุบัติภัยทางทะเลทางทหารสามารถที่จะให้การช่วยเหลือได้ทันที และทางฝ่ายพลเรือนเองก็สามารถที่จะเข้าให้การช่วยเหลือในเขตทหารเมื่อมีการร้องขอเข้ามา” นายวิชัย กล่าว
นายวิชัย กล่าวต่ออีกว่า สำหรับความพร้อมของภูเก็ตในการให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยนั้นถือว่ามีความพร้อมมากทั้งในเรื่องของบุคลากรและอุปกรณ์ โรงพยาบาล เนื่องจากภูเก็ตมีประสบการณ์ในการให้การช่วยเหลืออุบัติภัยครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นมาแล้ว เช่น เหตุการณ์สึนามิ ทำให้มีประสบการณ์ในการให้การช่วยเหลือ แต่อย่างไรก็ตามในเรื่องของการประสานงานการให้การช่วยเหลืออาจจะมีปัญหาอยู่บ้างทำให้การนำส่งผู้ได้รับบาดเจ็บไปโรงพยาบาลล่าช้า ซึ่งจุดนี้คิดว่าจังหวัดภูเก็ตจะต้องมีการซักซ้อมการให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่นอกเหนือจากการซ้อมหนีภัยสึนามิที่ซ้อมกันทุกปีอยู่แล้วในการสร้างความตื่นตัวและน่าที่จะย้ายไปซ้อมในพื้นที่อื่นบ้างที่นอกเหนือจากหาดป่าตอง และกรณีที่มีการออกมาทายว่าจะเกิดสึนามิขึ้นอีกนั้นทางจังหวัดภูเก็ตได้เตรียมความพร้อมในเรื่องนี้อยู่ตลอดทั้งด้านบุคลากรและการอุปกรณ์ให้การช่วยเหลือ
ขณะที่ พล.ร.ท.ชุมนุม อาจวงษ์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 กล่าวว่า ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยทัพเรือภาคที่ 3 นั้น รับผิดชอบพื้นที่ดูแล 6 จังหวัดในอันดามัน โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ตนั้นจะมีพื้นที่รับผิดชอบดูแลครอบคลุมทั้ง 3 อำเภอ ขณะที่จังหวัดอื่นๆดูและเฉพาะอำเภอที่ติดริมทะเลเท่านั้น และภายหลังจากที่ลงนามบันทึกข้อตกลงกับทางจังหวัดภูเก็ตแล้วก็จะมีการลงนามบันทึกข้อตกลงในจังหวัดอื่นๆที่เหลือต่อไป เพราะการบูรณาการกับหน่วยงานต่างๆในการให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญยิ่งที่จะลดการสูญเสียให้มากที่สุด
ข้อมูลจาก :: เสงี่ยม เอียดตน ส.ปชส.ภูเก็ต
-----------------------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็นทั่วไป