วันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ข่าวประจำวันที่ 4 ก.ค.56

เทศบาลตำบลวิชิตสนองพระราชดำริปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ  เปิดศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงเป็นแหล่งเรียนรู้ของชุมชน

          เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 4 กรกฎาคม 2556  ที่ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ตำบลวิชิต (ติดกับสวนศรีภูวนาถ) หมู่ 1 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายศุภชัย โพชนุกูล นายอำเมืองภูเก็ต เป็นประธานเปิดศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ตำบลวิชิต ดำเนินการโดยเทศบาลตำบลวิชิต โดยมีนายสาธิต กลิ่นภักดี ท้องถิ่นจังหวัดภูเก็ต   นายบุญศุภภะ ตันฑัยย์ ที่ปรึกษา ส.ส.ภูเก็ต นายกรีฑา โชติวิชญ์พิพัฒน์ นายกเทศมนตรีตำบลวิชิต คณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาลตำบลวิชิต ข้าราชการพนักงานเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลวิชิต ตลอดจนแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วม
             นายกรีฑา โชติวิชญ์พิพัฒน์ นายกเทศมนตรีตำบลวิชิต เปิดเผยว่า ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ตำบลวิชิต เกิดจากการน้อมนำพระราชดำริปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เป็นแนวทางในการดำเนินงาน จุดเริ่มแรกของการทำงาน คือ การแก้ไขปัญหาขยะอย่างบูรณาการ ดังนั้นในปี 2551 จึงก่อตั้งศูนย์การเรียนรู้ด้านการจัดการขยะแบบครบวงจรเทศบาลตำบลวิชิตขึ้น โดยการนำเศษกิ่งไม้ เศษพืชผัก อาหารอาหาร เศษผลไม้ จากสถานประกอบการในพื้นที่มาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น ถ่านไม้ น้ำส้มควันไม้ ปุ๋ยหมักชีวภาพ ปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพ และน้ำยาอเนกประสงค์ เกิดเป็นแหล่งเรียนรู้ที่ได้รับความสนใจอย่างมากจากประชาชน เยาวชน ทั้งในและนอกพื้นที่ตำบลวิชิต จึงมีแนวคิดขยายพื้นที่การเรียนรู้เพิ่มขึ้น จากการปรับปรุงพื้นที่บริเวณใกล้เคียง พร้อมกันนี้ทางเทศบาลตำบลวิชิตได้รับอนุเคราะห์ที่ดินจากนายเกียรติ ทองตัน นำมาใช้เป็นที่สาธารณประโยชน์ ทำให้ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงตำบลวิชิต เกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์
            เทศบาลตำบลวิชิตมุ่งหวังให้ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงฯ กลายเป็นแหล่งเรียนรู้ แหล่งสาธิต และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ให้กับชุมชน อีกทั้งเป็นความตั้งใจในการน้อมนำแนวพระราชดำริปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มาเป็นวิถีการดำรงตน เพื่อให้ครอบครัว ชุมชน สามารถพึ่งตนเองได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน อันเป็นผลดีให้จังหวัดภูเก็ตและประเทศชาติสืบไป
นายกรีฑา กล่าวด้วยว่า  ภายในศูนย์การเรียนรู้ฯ ได้มีการแบ่งพื้นที่ออกเป็นสัดส่วน ได้แก่ พื้นที่เพาะปลูก พื้นที่เลี้ยงสัตว์ อาคารที่อยู่อาศัย ศาลาทองตันซึ่งเป็นอาคารอเนกประสงค์เพื่อต้อนรับผู้มาเยือน ขณะที่กิจกรรมภายในศูนย์เรียนรู้ฯ ประกอบด้วย การปลูกพืชสมุนไพร การเลี้ยงปลาดุก การเลี้ยงสุกร การทำแก๊สชีวภาพ การเพาะเห็ด แปลงนาข้าวสาธิต และการจัดการขยะแบบครบวงจร
-----------------------------------------------------------------
ชมรมบริหารบุคคลฯจับมือ อบจ.ภูเก็ตฝึกอบรมเพื่อพัฒนาบุคลากรด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต
วันนี้ (4 ก.ค. 56)  ที่โรงแรมเพลิร์ลจังหวัดภูเก็ต  นายสรธรรม  จินดา  รองนายก อบจ. ภูเก็ต เป็นประธานเปิดการจัดการอบรมสัมมนาทางวิชาการหลักสูตร การพัฒนาทักษะการเป็นหัวหน้างานในการบริหารบุคลากรด้านการท่องเที่ยวหัวข้อ การจัดการงานบุคคล (PM)รุ่นที่ 400 ตามโครงการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาบุคลากรด้านการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง อบจ.และชมรมบริหารบุคคลจังหวัดภูเก็ต โดยมีนายนเรศ  ศรีนาค ประธานชมรมบริหารงานบุคคลจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ด้านบริหารงานบุคคลจากสถานประกอบการด้านการท่องเที่ยวจำนวน 43 คนเข้าร่วม
          นายนเรศ  ประธานชมรมบริหารงานบุคคลจังหวัดภูเก็ต
  กล่าวว่าการฝึกอบรมครั้งนี้เป็นหลักสูตรวิชาชีพ ที่ได้รับการรับรองจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานและสมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย ใช้เวลาในการฝึกอบรม 9 วัน และศึกษาดูงานอีก 1 วัน  ในวันที่ 4-6 กรกฎาคม, 17-18 กรกฎาคม, 20 กรกฎาคม, 1-3 สิงหาคม 2556 และศึกษาดูงาน ในวันที่ 19 กรกฎาคม 2556 ณ โรงแรมเลอเมอริเดียนภูเก็ตบีชรีสอร์ท โดยผู้เข้าร่วมอบรมเป็นผู้อำนวยการฝ่าย, ผู้จัดการฝ่าย, หัวหน้างานในฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ และผู้บริหารฝ่ายต่างๆ ในสถานประกอบการด้านการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ซึ่งในครั้งนี้มีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญทางด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์จากส่วนกลางมาให้ความรู้ด้วย
  
            ขณะที่นายสรธรรม จินดา รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึง การพัฒนาทักษะการเป็นหัวหน้างานในการบริหารบุคลากรด้านการท่องเที่ยวหัวข้อ การจัดการงานบุคคล ว่าวัตถุประสงค์ของการฝึกอบรมเพื่อเพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับขอบเขตหน้าที่ความรับผิดชอบ และกิจกรรมต่างๆ ของการบริหารงานบุคคล สร้างจิตสำนึกและจริยธรรมในวิชาชีพการบริหารงานบุคคลและนำความรู้ไปบริหารจัดการองค์กรได้อย่างถูกต้อง ซึ่งจะส่งผลให้สถานประกอบการ มีบุคลากรที่มีคุณภาพมีมาตรฐาน บริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมการท่องเที่ยว ของจังหวัดภูเก็ตที่เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีความสวยงามและโดดเด่นอยู่ในตลาดท่องเที่ยวโลกจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่นักท่องเที่ยวต้องได้รับการบริการที่ดีจากบุคลากรด้านการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ  เพื่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีและสร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยว พร้อมทั้งเพื่อสร้างแรงจูงใจให้ลูกค้าในตลาดท่องเที่ยวทั้งใหม่และเก่าหันกลับมาท่องเที่ยวยังจังหวัดภูเก็ตมากขึ้น. 
----------------------------------------------------------------------
เรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ของประเทศบังคลาเทศถูกพายุพัดถล่มล่มในเขตเศรษบกิจจำเพาะ หรือน่านน้ำสากล ห่างจากเกาะราชาใหญ่ จ.ภุเก็ต 29 ไมค์ทะเล  พร้อมลูกเรือ 29 คน ทหารเรือช่วยได้ 19 คน หายสูญหาย 10 คนกำลังค้นหาอยู่ 
          พล.ร.ท.ธราธร ขจิตสุวรรณ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 กล่าวว่าเมื่อเวลา 06.00 น.ของวันนี้ (4 ก.ค.56)ได้รับแจ้งจากเรือสินค้าบ๊อกมูมว่าได้พบเรือสินค้าขนาดใหญ่สัญชาติประเทศบังคลาเทศชื่อเรือ H0pe /s2cx ถูกพายุพัดถล่มล่มที่บริเวณ  แลต 7.02 องศาเหนือ  ลองติจูด 98.18 องศาตะวันออก ห่างจากเกาะราชาใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ประมาณ 29 ไมล์ทะเล ในเขตเศรษฐกิจจำเพาะหรือเขตน่านน้ำสากล ขณะนี้เรือตรวจการ ต.2220 ฮอลิคอปเตอร์ ออกไปทำการช่วยเหลือ เบื้องต้นทราบว่ามีลูกเรือทั้งหมด 29 คน เป็นชาวบังคลาเทศทั้งหมด ทหารเรือสามารถช่วยเหลือลูกเรือได้ 17 คน และกำลังลอยคออยู่ในทะเล 2 คน กำลังทำการช่วยเหลืออยู่ ส่วนอีก 10 คนสูญหายทหารเรือกำลังทำการค้นหาอยู่ ส่วน 17 คน ขณะนี้อยู่บนเรือ ต.2220 ให้น้ำอาหาร แล้วสอบถามทราบว่าถูกพายุพัดถล่มจนเรือล่มตั้งแต่เวลาประมาณ 03.00 เศษ เมื่อกลางดึกที่ผ่านมาจนทำให้เรือล่มและต้องรอคออยู่กลางทะเลนานกว่า 7 ชั่วโมงทหารเรือไทยจึ่งทำการช่วยเหลือไว้ทุกคนปลอดภัย ส่วนตัวผู้ประสพภัยทั้งหมดนั้นขณะนี้กำลังประสานกับกองทัพเรือประเทศบังคลาเทศว่าจะมารับตัวไปประเทศบังคลาเทศเลยหรือ นำตัวมาที่ จ.ภูเก็ต ก่อนกำลังรอการประสานอยู่ เนื่องจากเขตดพื้นที่เรือล่มนั้นอยู่ในเขตน่านน้ำสากล และที่สำคัญกำลังเร่งค้นหาผู้สูญหายอีก 10 คน อย่างเร่งด่วนด้วย 
             จากนั้นเจ้าหน้าที่ทัพเรือภาคที่ 3 เจ้าหน้าที่ศูนย์นเรนทร ได้ทำการช่วยเหลือลุกเรือชาวบังคลาเทศที่รอดชีวิตซึ่งได้รับเจ็บที่ศีรษะและมีสภาพร่างกายที่อ่อนแอ จำนวน 1 คน ที่ลำเลียงมาโดยฮอลิคอปเตอร์ ของหมวดบินเฉพาะกิจปฎิบัติการ ทัพเรือภาคที่ 3 นำมาลงที่ลานบินหน้ากองบัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 และได้นำตัวส่งโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เพื่อให้แพทย์ทำการรักษา 
          ลูกเรือของเรือบรรทุกสินค้า สัญชาติบังกลาเทศ ที่อับปางกลางทะเลอันดามันเปิดเผยว่า เรือที่อับปางชือ
  MV HOPE เป็นเรือบรรทุกสินค้า ยาว 97 เมตร มีลูกเรือทั้งหมด 17 คน ประมาณ 03.00 น.เศษวันนี้ (4 ก.ค.56) ในน่านน้ำสากลในเขตเศรษฐกิจจำเพราะ ห่างจากเกาะราชาน้อย จ.ภูเก็ต 29 ไมล์ ทะเลและห่างจาก จ.ภูเก็ต 40 ไมล์ทะเล หลังจากเดินทางออกมาจากประเทสมาเลเซีย เพื่อกลับไปยังเมืองท่าจิตกอน ประเทศบังคลาเทศ แต่ได้ถูกพายุฝนพัดถล่มและคลื่นลมแรง 3-5 เมตร ชัดน้ำทะเลเข้าเรือจนเครื่องยนต์ดับและเรือเอียง 45 องศากัปตันเรือจึ่งให้ลูกเรือสละเรือลงเรือยางแต่กระจายกันลงทะเล ปรากฎว่าตนลงเรือคนสุดท้ายอีกลำหนึ่งและถุกคลื่นชัดออกห่างจากเพื่อนจนถึงเวลา 09.00 น.ทหารเรือไทยจึ่งได้ทำการช่วยเหลือมาดังกล่าว 

          ขณะที่พล.ร.ต.ประยูร ภู่เทียน เสนาธิการทัพเรือภาคที่ 3 กล่าวว่า เบื้องต้นจากที่มีข่าวตัวเลขของผู้ประสพเหตุไม่นิ่งเนื่องจาก เรือ MV BUX MOON ซึ่งเป็นเรือบรรทุกสินค้า สัญชาติบังกลาเทศนั้นตัวเลขไม่นิ่งแต่จากที่เรือ ต.220 เข้าถึงพื้นเกิดเหตุและสามารถช่วยเหลือลุกเรือที่ลอยคออยู่กลางทะเลได้มา 1 คนทำให้ทราบชัดเจนว่าเรือMV HOPE มีลูกเรือทั้งหมด 17 คน เรือ MV BUX MOON ซึ่งเป็นเรือบรรทุกสินค้า สัญชาติบังกลาเทศ ช่วยเหลือได้ 5 คน นำกลับไปประเทศบังคลาเทศแล้ว  ส่วนอีก 1 คน ทางเฮลิคอปเตอร์ ทัพเรือภาคที่ 3 ได้ช่วยเหลือมาได้ 1 คน ทำให้ทราบว่าขณะนี้มีลูกเรือสูญหายไป 11 คน  ซึงขณะนี้ทัพเรือภาคที่ 3 นำเรือตรวจการ ต.220 ต.991 เฮลิคอปเตอร์ 2 ลำ และเครื่องบินดิเนียอีก 1 ลำขึ้นทำการค้นและช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนคาดว่าจะลอยคออยู่กลางทะเลบริเวณใกล้เคียงแต่เนื่องจากสภาพอากาศปิดการบินค้นหาทั้งทางเรือและทางเรือบินทำด้วยความยากลำบากแต่ก็จะทำการค้นหาจนถึงที่สุด เพื่อทำการช่วยเหลือลุกเรือทั้ง 11 คนให้ได้ 
-----------------------------------------------------------------
จังหวัดภูเก็ตประชุมส่วนราชการต่าง ๆ เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีในการเสด็จฯ ปฏิบัติพระราชกรณียกิจในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต 28-29 ก.ค.นี้

            วันนี้ (4 ก.ค. 56) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายไมตรี  อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานประชุมเตรียมการรับเสด็จฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาส
เสด็จฯ ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต โดยมี ดร. สมหมาย  ปรีชาศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายไชยวัฒน์  เทพี ปลัดจังหวัดภูเก็ตและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
          ทั้งนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต  2 วันคือวันที่ 28-29 กรกฏาคม 2556 โดยในวันที่ 28 กรกฎาคม 2556 จะเสด็จฯ ทรงเปิดโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์บีชรีสอร์ท ภูเก็ต ณ หาดกะรน อ. เมืองภูเก็ต ส่วนในวันที่ 29 กรกฎาคม 2556 จะเสด็จฯ ไปทรงเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ ณ โรงเรียนเทศบาลปลูกปัญญา หลังจากนั้นจะเสด็จฯไปยังมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์วิทยาเขตภูเก็ต เพื่อทรงเปิดอนุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธแบศร อดุลยเดชวิกรมพระบรมราชชนก และจะทรงเปิดอาคารเฉลิมพระเกียรติ 5 ธันวาคม 2550 ณ โรงเรียนสตรีภูเก็ต รวมถึงจะเสด็จฯ ไปยังโรงพยาบาลป่าตองเพื่อวางศิลาฤกษ์ อาคารอเนกประสงค์และจะเสด็จฯ ไปเปิดพิพิธภัณฑ์เหมืองแร่ภูเก็ตเป็นแห่งสุดท้าย
          ทั้งนี้ในการประชุมเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมของทุกภาคส่วนในการเตรียมรับเสด็จฯ ให้เรียบร้อยและสมพระเกียรติฯ ต่อไป 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็นทั่วไป