มอ.ภูเก็ต จัดโครงการฝึกอบรมหลักสูตร “มัคคุเทศก์เฉพาะ ทางทะเลชายฝั่ง” รุ่นที่3 เพื่อเพิ่มพูนศักยภาพให้กับผู้ประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ให้มีความรู้ ความสามารถ คุณธรรม จริยธรรม และสร้างความพร้อมของมัคคุเทศก์
เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2554 เวลา 09.30 น. ที่หอประชุมหลวงอนุภาษภูเก็ตการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต นายไชยวัฒน์ เทพี ปลัดจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดโครงการฝึกอบรมหลักสูตร “มัคคุเทศก์เฉพาะ ทางทะเลชายฝั่ง” รุ่นที่ 3 (บัตรเหลือง) โดยมีนายวิโรจน์ ภู่ต้อง ผู้อำนวยการวิทยาลัยชุมชนภูเก็ต คณบดีคณะการบริการ และการท่องเที่ยว นายทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
นายไชยวัฒน์ กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตต้องขอขอบคุณทางมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต ที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาศักยภาพของบุคลากร เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะอาชีพมัคคุเทศก์ ซึ่งเป็นบุคลากรที่สำคัญที่ได้บริการนักท่องเที่ยวตลอดช่วงระยะที่มาพักผ่อนในจังหวัดภูเก็ต และจังหวัดใกล้เคียง ดังคำกล่าวที่ว่า อาชีพมัคคุเทศก์เปรียบเสมือน “ทูตสันถวไมตรี หรือทูตวัฒนธรรมของประเทศ” ซึ่งมัคคุเทศก์จะต้องเผยแพร่ และนำเสนอภาพลักษณ์ของประเทศไทย และแหล่งท่องเที่ยวทั้งด้านวัฒนธรรม แหล่งท่องเที่ยวทางทะเล และแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ แต่สิ่งสำคัญที่สุด มัคคุเทศก์คือจะต้องมีความรู้ในวิชาชีพของตนอง และความซื่อสัตย์สุจริตในหน้าที่
นายวิโรจน์ กล่าวว่า การจัดฝึกอบรมหลักสูตรมัคคุเทศก์เฉพาะ(ทางทะเลชายฝั่ง)รุ่นที่ 3 (บัตรเหลือง) นี้ได้จัดขึ้นตามความต้องการของประชาชนในท้องถิ่น ซึ่งสอดคล้องกับภารกิจวิทยาลัยชุมชนภูเก็ต และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ด้านบริการทางวิชาการ ในการพัฒนาบุคลากร เพื่อรองรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การจัดหลักสูตรนี้มีจุดประสงค์ เพื่อเพิ่มพูนศักยภาพให้กับผู้ประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ให้มีความรู้ ความสามารถ คุณธรรม จริยธรรม และสร้างความพร้องของมัคคุเทศก์ โดยกำหนดจัดฝึกอบรมระหว่างวันที่ 24 มิถุนายน – 8 กรกฎาคม 2554 ในการดำเนินการมีผู้สมัครทั้งสิ้น จำนวน 192 คน ผ่านการสอบข้อเขียน สัมภาษณ์ และสอบว่ายน้ำ จำนวน 145 คน และมีสิทธิ์เข้าอบรมจำนวน 80 คน ตามที่ได้รับอนุมัติจากสำนักทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ การจัดฝึกอบรมในครั้งนี้แบ่งหลักสูตรเป็นภาคความรู้ทางวิชาการ ภาคความรู้อาชีพ ภาคความรู้ภาษาต่างประเทศ และภาคการศึกษานอกสถานที่ จำนวน 60 ชั่วโมง
***อารยา ตุลา ข่าว/ภาพ/พิมพ์ ณรงค์ศักดิ์ แสงสีดำ ส.ปชส.ภูเก็ต/ทาน
-----------------------------------
โปรแกรมภาษาไทยฯ มหาวิทยาลัยราชภัฎภูเก็ต ร่วมสืบสานภาษาไทยจัดกิจกรรมวันสุนทรภู่
เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2554 เวลา 09.00 น. ที่โรงละครมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ผศ.ดร.ประภา กาหยี อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต เป็นประธานเปิดงานวันสุนทรภู่ประจำปี 2554 โดย รศ.สมชาย สกุลทัพ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต และ คณะครูอาจารย์ ตลอดจนนักเรียน นักศึกษาเข้าร่วม
ผศ.ดร.ประภา กล่าวว่า การจัดกิจกรรมในลักษณะนี้ ที่มีทั้งการจัดนิทรรศการ การประกวดแต่งคำประพันธ์ ทั้งระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และระดับอุดมศึกษา การแข่งขันอ่านทำนองเสนาะ การแข่งขันตอบคำถาม “ก๊วนซ่าท้าประชันวันสุนทรภู่” การแสดงต่าง ๆ ถือเป็นการปลูกจิตสำนึก และเสริมสร้างค่านิยมที่ถูกต้อง ให้ชนในชาติได้ตระหนักถึงคุณค่าของงบุคคลสำคัญที่ได้สร้างคุณงามความดีไว้ รวมทั้งเป็นการฝึกความกล้าแสดงออกในทางที่ถูกต้อง ซึ่งทุกกิจกรรมล้วนแล้วแต่ส่งเสริมงานด้านศิลปวัฒนธรรมไทยที่ควรแก่การยกย่องสรรเสริญ
นายธวัชชัย ทุมทอง คณะบดีคณะมนุษย์ศาสตร์ และสังคมศาสตร์ กล่าวว่า ด้วยสาขาวิชาภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร คณะมนุษย์ศาสตร์ และสังคมศาสตร์ ได้ตระหนักถึงความสำคัญของท่านกวีเอกสุนทรภู่ ผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งคำกลอนที่อนุชนสามารถนำมาเป็นแบบอย่างได้เป็นอย่างดี จนกระทั่งองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ ยูเนสโก้ ได้ยกย่องสดุดีท่านเป็นกวีเอกโลกเมื่อปี พ.ศ. 2529 ดังนั้นสาขาวิชาภาษาไทยเพื่อการสื่อสารจึงได้จัดกิจกรรมวันสุนทรภู่ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้นักเรียน นักศึกษา และบุคคลทั่วไปได้มีประสบการณ์ตรง และมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมวันบุคคลสำคัญของชาติ เพื่อนำประวัติ และผลงานของสุนทรภู่มานำเสนอให้แพร่หลาย และเพื่อให้นักเรียน นักศึกษา และบุคคลทั่วไปได้มีมีโอกาสยกย่อง เทิดทูน และเกิดความซาบซึ้งในผลงานสุนทรภู่ ตลอดจนเพื่อเป็นการเผยแพร่การจัดงาน และเป็นแบบอย่างในการจัดงานที่มีคุณค่าแก่หน่วยงานอื่น
*** อารยา ตุลา ข่าว/ภาพ/พิมพ์ ณรงค์ศักดิ์ แสงสีดำ ส.ปชส.ภูเก็ต/ทาน
-----------------------------------------
ศาลแรงงาน ภาค 8 จัดกิจกรรมรับบริจาคโลหิต
เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2554 เวลา 10.30 น. ที่ศาลแรงงาน ภาค 8 นายศุภศักดิ์ เยาว์วิวัฒน์ อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงาน ภาค 8 กล่าวว่า วันนี้ทางศาลแรงงานภาค 8 ได้จัดกิจกรรมการบริจาคโลหิต ซึ่งกิจกรรมบริจาคโลหิตนี้จะมีการจัดกิจกรรมทุก ๆ 3 เดือน สำหรับผู้ที่จะมาให้บริจาค จะมาให้บริจาคทุกหน่วยงาน มีทั้งหน่วยงานภาครัฐ และหน่วยงานภาคเอกชน ซึ่งการจัดกิจกรรมดังกล่าวคาดว่าจะมีผู้มาบริจาคโลหิตมากกว่าครั้งที่แล้ว แต่บางครั้งอาจะน้อย จะมากก็ขึ้นอยู่กับระยะเวลา เพราะบางหน่วยงานที่จะบริจาคโลหิตอาจจะติดภารกิจต่าง ๆ ที่จะต้องรับผิดชอบ จึงทำให้ไม่สามารถมาบริจาคโลหิตได้
***อารยา ตุลา ข่าว/ภาพ/พิมพ์ ณรงค์ศักดิ์ แสงสีดำ ส.ปชส.ภูเก็ต/ทาน
-------------------------------------------
“เขาเก็ตหนี” ต.กมลา จังหวัดภูเก็ต เป็นเมืองไม้ดอกไม้ประดับ แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ คาดว่าถ้าได้รับการปรับปรุงจนเป็นเมืองไม้ดอกไม้ประดับบนยอดเขา เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดีแน่นอน
นายสันติ อรรถทรัพย์ รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลกมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต กล่าวถึงการพัฒนาขุมน้ำบน “เขาเก็ตหนี” หมู่ ที่ 3และ5 ต.กมลา จังหวัดภูเก็ต ให้เป็นเมืองไม้ดอกไม้ประดับ แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่มีชื่อเสียงของประเทศไทย ว่ากมลาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง และได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะหาดกมลาที่มีความยาวตลอดชายหาดเกือบ 3 กิโลเมตร และขณะนี้ทาง อบต.กมลา มีแผนที่จะพัฒนาเขาเก็ตหนี ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 1,000 กว่าไร่ ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของ อบต.กมลา และของประเทศไทย โดยจะพัฒนาให้เป็น “เมืองไม้ดอกไม้ประดับ” ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงที่มีความสูงมากกว่าระดับน้ำทะเลถึง 380 เมตร เมื่อขึ้นไปแล้วจะพบกับอากาศที่หนาว และมองเห็นวิว 360 องศา ทั้งหาดสุรินทร์ฝั่ง ต.เชิงทะเล และหาดป่าตอง ต.กะทู้ นอกจากนั้นยังมีน้ำตกที่สวยงาม และอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ที่จังหวัดและอบต.เข้าไปพัฒนาเพื่อเป็นอ่างเก็บน้ำสำหรับชาวกมลาได้ใช้ในยามที่มีปัญหาการขาดแคลนน้ำ
สำหรับการพัฒนา “เขาเก็ตหนีให้เป็นเมืองไม้ดอกไม้ประดับบนยอดเขา” นั้นขณะนี้อยู่ในช่วงของการร่างทีโออาร์เพื่ออกแบบพัฒนาและปรับปรุงพื้นที่บนเขาประมาณ 300 ไร่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวส่วนพื้นที่ที่เหลือก็จะให้คงสภาพความเป็นป่าสมบูรณ์ไว้ ซึ่งการปรับปรุงดังกล่าวจะใช้งบประมาณในการดำเนินการประมาณ 450 กว่าล้านบาท ทั้งการสร้างเมืองไม้ดอกไม้ประดับ การสร้างจุดชมวิวหอเฉลิมพระเกียรติ การทำถนนซึ่งขณะนี้ได้รับงบประมาณในการตัดถนนขึ้นไปส่วนหนึ่งแล้วเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบความสวยงามของแหล่งท่องเที่ยวดังกล่าว
นายสันติ กล่าวว่า จากการที่ทางอบต.กมลาเข้าไปปรับปรุงแหล่งน้ำบนเทือกเขาเก็ตหนี และการเข้าไปปลูกต้นไม้ในบริเวณดังกล่าว ปรากฏว่าขณะนี้ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางขึ้นไปท่องเที่ยวแล้ววันละไม่น้อยกว่า 60 คน เชื่อว่าถ้าได้รับการปรับปรุงเสร็จสิ้นจนเป็นเมืองไม้ดอกไม้ประดับบนยอดเขาเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดีแน่นอน และแหล่งท่องเที่ยวแห่งนี้ก็จะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวชมวิวที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย
***อำนวย ทองสม สนับสนุนข่าว ณรงค์ศักดิ์ แสงสีดำ ส.ปชส.ภูเก็ต/ทาน
-------------------------------------
งาน สืบสาน เล่าขาน ภูมิปัญญาชาวราไวย์ ครั้งที่ 4
วันนี้ (24 มิ.ย. 54 ) ที่บริเวณวัดสว่างอารมณ์ ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายศุภชัย โพชนุกูล นายอำเภอเมืองภูเก็ต เป็นประธานเปิดงาน “สืบสาน เล่าขาน ภูมิปัญญาชาวราไวย์” ครั้งที่ 4 มีนายอรุณ โสฬส นายกเทศมนตรีตำบลราไวย์ นายยงยุทธ โสตถิอุดม ผู้จัดการศูนย์ 3 วัย สานใยรักแห่งครอบครัว ต.ราไวย์ นายวีระ กาวิเศษ ประธานคณะทำงานภาคประชาชนศูนย์ 3 วัยฯ หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเด็ก เยาวชน ประชาชนชาว ต.ราไวย์ และนักท่องเที่ยว เข้าร่วมงานจำนวนมาก
นายยงยุทธ โสตถิอุดม ผู้จัดการศูนย์ 3 วัย สานใยรักแห่งครอบครัว ต.ราไวย์ กล่าวรายงานว่า การจัดงานสืบสาน เล่าขาน ภูมิปัญญาชาวราไวย์ ครั้งที่ 4 เกิดขึ้นสืบเนื่องจากการจัดกิจกรรมรวบรวมภูมิปัญญาด้านต่างๆ ของผู้สูงอายุ และผู้มีภูมิรู้ ซึ่งเป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านในท้องถิ่นของราไวย์ พร้อมได้มีการถ่ายทอด และสาธิตให้ประชาชนทั่วไปได้รู้จัก ซึ่งดำเนินการจัดงานอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 เนื่องจากประชาชน สถานศึกษา องค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชน ได้ให้ความสนใจและเข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก เล็งเห็นความสำคัญถึง ของดี ที่มีอยู่ในชุมชน ก่อให้เกิดการสรรหา ผู้ที่มีภูมิรู้ในด้านต่างๆ เพิ่มมากขึ้น จึงได้มีการจัดกิจกรรม สืบสาน เล่าขาน ภูมิปัญญาชาวราไวย์ ในวันนี้ อีกทั้งยังเป็นการประชาสัมพันธ์ กิจกรรมของศูนย์ 3 วัย สานสายใยรักแห่งครอบครัวฯ ให้ประชาชนทั่วไปได้รู้จักกว้างขวางยิ่งขึ้น
กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย กิจกรรมการถ่ายทอดภูมิปัญญาโดยการรวบรวมเอาภูมิปัญญา ของชาวราไวย์ มาสาธิตและถ่ายทอดให้แก่คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ มีทั้งภูมิปัญญาด้านอาหารพื้นบ้าน ศิลปะการแสดง หัตถกรรม แพทย์แผนไทย สมุนไพรเพื่อการรักษา และวิถีชีวิตของชาวราไวย์
นอกจากนี้ยังมีนิทรรศการผลงานของนักเรียน และหน่วยงานต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ต และการแสดงของเหล่านักเรียน ประชาชนชาวราไวย์ และพื้นที่ใกล้เคียง
ด้านนายอรุณ โสฬส นายกเทศมนตรีตำบลราไวย์ กล่าวเสริมว่า การจัดงานในครั้งนี้ เป็นการรวบรวมภูมิปัญญาท้องถิ่นชองชาวราไวย์ ตำบลราไวย์ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ตที่ใกล้จะสูญหาย มาถ่ายทอดให้กับเยาวชนคนรุ่นหลัง ซึ่งจะเป็นการนำเสนอวิถีชีวิตในแบบต้นฉบับของชาวราไวย์ ทั้งภูมิปัญญาวิถีชาวพุทธ วิถีชาวไทยมุสลิม และวิถีชาวไทยใหม่
อย่างไรก็ตาม การจัดงานดังกล่าว นอกจากจะเป็นการสืบสานภูมิปัญญาของชาวราไวย์ให้แก่เยาวชนแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต ด้วย
***สารภี ศรีธรรมรัตน์ สนับสนุนข่าว ณรงค์ศักดิ์ แสงสีดำ ส.ปชส.ภูเก็ต/ทาน
--------------------------------------------
18 ทีมร่วมฟาดแข้งฟุตบอล 7 คน วันรพี ปี 54
นายปิยะวุฒิ เครือจันทร์ ผู้พิพากษาศาลจังหวัดภูเก็ต /ประธานการจัดการแข่งขันฟุตบอล 7 คน วันรพี เปิดเผยว่า เนื่องในวันที่ 7 สิงหาคมของทุกปีซึ่งตรงกับวันรพี ถือได้ว่าเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งในหลายๆ กิจกรรมที่ได้จัดให้มีขึ้นในทุกปี ทั้งนี้เพื่อให้บุคลากรที่อยู่ในขบวนการยุติธรรมได้ร่วมใจกันน้อมรำลึก และเทิดพระเกียรติกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ “พระบิดาแห่งกฎหมายไทย ” ให้ดำรงอยู่ในความทรงจำของประชาชนคนไทยตลอดไป
สำหรับในปีนี้ด้านศาลจังหวัดภูเก็ตได้จัดกิจกรรมการวางมาลาเพื่อระลึกถึง กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ (พระบิดาแห่งกฎหมายไทย) รวมทั้งมอบทุนการศึกษาให้กับบุตรหลาน ข้าราชการกระทรวงยุติธรรมในจังหวัดภูเก็ตด้วย นอกจากนี้ทางศาลจังหวัดภูเก็ตยังได้จัดการแข่งขันฟุตบอลประเพณีเนื่องในวันรพี เพื่อเชื่อความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ส่งเสริมการออกกำลังกายของข้าราชการ
ทั้งนี้การ จัดการแข่งขันฟุตบอล 7 คน วันรพี จะจัดขึ้นในวันที่ 30 และ 31 กรกฎาคม 2554 และวันที่ 6 สิงหาคม 2554 ณ สนามหญ้าเทียมภูเก็ตอารีน่า ซึ่งมีทีมเข้าร่วมจำนวน 18 ทีม 3 สาย สายละ 6 ทีม ประกอบด้วย สาย A สาย และสาย C โดยสาย A ประกอบด้วย ทีมที่ดิน, ทีมธนาคาร A, ทีมศาลB , ทีมปกครอง A, ทีมยุติธรรม, ทีมเรือนจำ, ส่วนสาย B ประกอบด้วย ทีมอัยการ, ตำรวจA , ทีมรัษฎา , ทีมกมลา ,ทีมทนาย, ธนาคารB, ขณะที่สาย C ประกอบด้วย ทีมคุมประพฤติ, ทีมศาล A, ทีมสรรพากร, ทีม อบจ, ทีมตรวจB, ทีมปกครอง B ขณะเดียวกันคุณสมบัติประเภททั่วไป คือต้องเป็นข้าราชการ พนักงานจ้าง ลูกจ้าง อายุ 25-30 ปี 1 คน อายุ 31-35 ปี 1 คน อายุ 36-40 ปี 2 คน อายุ41 ปีขึ้นไป 2 คน และนายประตู 25 ปี ขึ้นไป ขณะที่คุณสมบัติฟุตบอลอาวุโส มีอายุ 35-39 ปี 2 คน 40-44 ปี 2 คน และ 45 ปี ขึ้นไป 2 คน และนายประตูอายุ 35 ปีขึ้นไป
สำหรับพิธีเปิดจะทำการเปิดแข่งขันในวันที่ 5 สิงหาคม 2554 โดยมีฟุตบอลคู่พิเศษระหว่างทีมข้าราชการอาวุโสกระทรวงยุติธรรมพบกับทีมข้าราชการหญิง เริ่มเวลา 16.00 น. เป็นต้นไป
*** สิรินทร สินอนันต์ ข่าว/พิมพ์/ภาพ โสภณ เคี่ยมการ ส.ปชส.ภูเก็ต/ทาน
-----------------------------------
เทศบาลเมืองกะทู้ จัดงานถนนสายวัฒนธรรมเมืองกะทู้ ครั้งที่ 3 ส่งเสริมการท่องเที่ยว อนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่น 15- 17 กรกฎาคมนี้
เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ที่ผ่านมา นายวีระวัฒน์ จันทร์เพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายประยูร หนูสุก วัฒนธรรมจังหวัดภูเก็ต ขันตี ศิลปะ นายอำเภอกะทู้ นางสาววรรณประภา สุขสมบูรณ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภูเก็ต นายชัยอนันท์ สุทธิกุล นายกเทศมนตรีเมืองกะทู้ และนายโชคชัย ชีวเจริญกุล ประธานชุมชนบ้านกะทู้ 3 ร่วมแถลงข่าวการจัดงานถนนสายวัฒนธรรมเมืองกะทู้ ครั้งที่ 3 ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-17 กรกฎาคม 2554 ณ บริเวณตลาดศาลเจ้ากะทู้ ต.กะทู้ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต และในโอกาสนี้ยังได้ร่วมกันมอบแว่นสายตาเอื้ออาทรแก่ชาว ต.กะทู้ด้วย
ทั้งนี้การจัดกิจกรรมงานถนนสายวัฒนธรรมเมืองกะทู้ ในครั้งด้วย ด้วยเทศบาลเมืองกะทู้ เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีภารกิจดำเนินการในด้านส่งเสริมวัฒนธรรม ประเพณีท้องถิ่น ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ประเพณีและวัฒนธรรมให้คงอยู่และแพร่หลาย รวมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองกะทู้ให้เป็นที่รู้จักของชาวไทยและทั่วโลก เพื่อการดำรงอยู่และการสืบต่อของวัฒนธรรมเมืองกะทู้ รวมทั้งเมืองภูเก็ตต่อเนื่องและยั่งยืน
ทางเทศบาลเมืองกะทู้จึงได้กำหนดจัดโครงการจัดงานถนนสายวัฒนธรรมเมืองกะทู้ ครั้งที่ 3 ประจำปี 2554 ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีท้องถิ่นเมืองกะทู้ เพื่อปลูกฝังจิตสำนึกต่อเยาวชน ประชาชน ในการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่น เพื่อการเผยแพร่วัฒนธรรม ประเพณี ของเมืองกะทู้สู่ภายนอกอย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น และเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจของเทศบาลเมืองกะทู้และจังหวัดภูเก็ตให้เป็นที่รู้จักของชาวไทยและทั่วโลก
กิจกรรมภายในงาน แบ่งเป็นกิจกรรมบนเวทีกลาง มีการแสดงงิ้วเปิดหน้า สิงโตปักกิ่ง กายกรรมฉีหลิง สิงโตวูฟู การแสดงชุดศิลปวัฒนธรรมล้ำเลอค่า โชว์ชุดพื้นเมืองท้องถิ่น การแข่งขันพูดภาษาถิ่นภูเก็ต และกิจกรรมการแสดงของโรงเรียนต่างๆ มากมาย สลับสับเปลี่ยนตลอดทั้งคืน
ขณะที่กิจกรรมบนท้องถิ่นตลอดงาน อาทิ การแสดงบนเวทีย่อย 5 เวที ชมขบวนรถโบราณ สาธิตการจัดโต๊ะไหว้ชิมอาหารพื้นเมือง แสดงสินค้า OTOP ชมศิลปะและกิจกรรมการละเล่นพื้นบ้าน การแสดงของเด็กๆ จำลองร้านขายยา และชมเหมืองแร่จำลอง นิทรรศการต่างๆ เช่น บ้านเมืองแร่ ไปรษณีย์ย้อนยุค ศิลปกรรมร่วมสมัย ภาพยนตร์โบราณ และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย
***สารภี ศรีธรรมรัตน์ สนับสนุนข่าว โสภณ เคี่ยมการ ส.ปชส.ภูเก็ต/ทาน
----------------------------------------
กีฬา ร่มร่อน หรือพาราไกลดิ้ง ถูกเลื่อนการแข่งขันเนื่องจากภูมิอากาศไม่เอื้ออำนวย มีลมแรง ซึ่งเกรงว่าเป็นอันตรายแก่นักกีฬา โดยเลื่อนดำเนินการแข่งขันต่อในวันที่ 25 มิ.ย.นี้
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 24 มิ.ย.54 ที่เนินกังหันลม แหลมพรหมเทพ บริเวณหาดในหาน ต.ราไวย์ อ.เมืองภูเก็ต นายวีระวัฒน์ จันทร์เพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ประธานเปิดการแข่งขันร่มร่อนภูเก็ต ครั้งที่ 2 ประจำปี 2554 (Phuket Fun Fly) โดยมีนายนิกร ฟูศักดิ์สมบูรณ์ รองนายกเทศมนตรีตำบลราไวย์ นาย บัวยัญ สุวรรณมณี ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต ทันตแพทย์ประเสริฐ เทพละออง ประธานชมรมร่มร่อนภูเก็ต และมีแขกผู้มีเกียรติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
นายวีระวัฒน์ กล่าวว่า กิจกรรมการแข่งขันกีฬาร่มร่อนในครั้งนี้ ถือว่าเป็นกิจกรรมที่ดีมากๆ ต่อการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต และยังสร้างความคึกคักให้กับบรรยากาศการท่องเที่ยวของจังหวัด รวมถึงธุรกิจในท้องถิ่น โดยเฉพาะในเขตตำบลราไวย์ที่ได้รับประโยชน์จากนักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขัน นักท่องเที่ยว รวมถึงประชาชนในท้องถิ่นที่เข้าร่วมชมงานกีฬาร่มร่อน จึงเป็นการกีฬาที่ช่วยสร้างสินค้าชนิดใหม่ให้กับการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต ทางจังหวัดจึงยินดีให้การสนับสนุนการจัดการแข่งขันครั้งนี้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นด้านการประชาสัมพันธ์ในท้องถิ่นทุกรูปแบบ
อย่างไรก็ตามกีฬาร่มร่อนถือว่าเป็นกีฬาที่ตื่นเต้น ท้าทายสำหรับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง นับเป็นกีฬาใหม่ที่น่าสนใจและน่าส่งเสริมในระยะยาว เพราะเป็นกีฬาที่สามารถสร้างสีสันให้กับบรรยากาศการท่องเที่ยวของจังหวัดได้ดี อีกทั้งยังเป็นกีฬาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม คือไม่มีเครื่องยนต์กลไกใดที่ทำให้เกิดมลพิษ นักบินทุกคนทั้งที่อาศัยอยู่ในภูเก็ต และสมาชิกชมรมจากส่วนกลาง ก็มีความตั้งใจจริงในการผลักดันกีฬาชนิดนี้ให้ได้รับความนิยมในวงกว้าง
ขณะที่นายนิกร กล่าวว่า เทศบาลตำบลราไวย์ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ชมรมเครื่องร่อนประเทศไทย และชมรมร่มร่อนภูเก็ต ได้เลือกสถานที่ท่องเที่ยวในเขตตำบลราไวย์เป็นสถานที่แข่งขันในครั้งนี้ จากความสำเร็จของการจัดการแข่งขันครั้งแรกในปี 2553 ที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนทั่วไปและนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวมากขึ้น และมีผู้สนใจทำการบินทั้งแบบบินด้วยตัวเอง และแบบผู้โดยสารเพิ่มมากขึ้น และเชื่อแน่ว่าจะมีจำนวนผู้ให้ความสนใจมากขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน
ทันตแพทย์ประเสริฐ กล่าวถึง สถานการณ์กีฬาร่มร่อนในประเทศไทยว่า ปัจจุบันมีประชาชนทั่วไปรู้จักและให้ความสนใจทั้งชมการแข่งขัน และฝึกบินมากขึ้น ทั้งนี้อาจจะด้วยทางชมรมเครื่องร่อนประเทศไทย มีการจัดการแข่งขันตลอดทั้งปีหมุนเวียนไปตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ทำให้กีฬาประเภทนี้เป็นที่รู้จักแพร่หลายมากขึ้น ตลอดจนชมรมฯ ก็สนับสนุนให้นักกีฬาร่มร่อนเข้าร่วมการแข่งขันในระดับเอเชียหลายประเทศ ทั้งการสนับสนุนจากชมรมฯ เอง การใช้ทุนส่วนตัว และการสนับสนุนโดยสินค้าที่เกี่ยวข้อง ถึงแม้ในปัจจุบัน สถิติของนักกีฬาทีมชาติไทยจะยังไม่ถึงระดับชั้นนำ แต่ก็ทำให้นักกีฬาสะสมประสบการณ์เพิ่มขึ้นจากการแข่งขันในแต่ละครั้ง
ส่วนทางด้านนาย บัวยัญ ในฐานะผู้จัดงานและผู้ประสานงาน กล่าวว่า ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต มีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการสนับสนุนการแข่งขันครั้งนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขันเอเชียน บีชเกมส์ ที่จะเกิดขึ้นในปี 2557 ซึ่งการแข่งขันร่มร่อน หรือพาราไกลดิ้ง เป็นกีฬาชนิดหนึ่ง ที่บรรจุในการแข่งขันนี้ ตนหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะทำให้การแข่งขันครั้งนี้ เป็นจุดเริ่มของการท่องเที่ยวด้วยกีฬาทางอากาศของเกาะภูเก็ตในอนาคตต่อไป
“ สำหรับการแข่งขันกีฬา ร่มร่อน หรือพาราไกลดิ้ง ในวันนี้ถูกเลื่อนการแข่งขันไปเนื่องจากสภาพภูมิอากาศไม่เอื้ออำนวย มีลมแรง ซึ่งเกรงว่าเป็นอันตรายแก่นักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขัน ซึ่งจะเลื่อนดำเนินการแข่งขันต่อในวันที่ 25 มิ.ย. 2554 หรือรอจนกว่าสภาพภูมิอากาศจะเอื้ออำนวย ”
***สิรินทร สินอนันต์ ข่าว/พิมพ์/ภาพ โสภณ เคี่ยมการ ส.ปชส.ภูเก็ต/ทาน
-------------------------
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ตดึงเยาวชนร่วมสืบสานวัฒนธรรม สร้างจิตสำนึกรักประเทศไทย ตามโครงการประชาสัมพันธ์ศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านและยอวาที สามัคคีประเทศไทย
วันนี้ (24 มิ.ย. 54) ที่โรงเรียนสตรีภูเก็ต นางสาวดวงกมล เอช รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารทรัพยากรบุคคล โรงเรียนสตรีภูเก็ต เป็นประธานในพิธีเปิดการประกวดศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านประยุกต์และการแข่งขันยอวาทีสามัคคีประเทศไทย โดยมีนายโสภณ เคี่ยมการ นักประชาสัมพันธ์ชำนาญการ (ผู้ช่วยประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต) กรรมการผู้ตัดสินจากภาครัฐ สื่อมวลชน อาจารย์และนักเรียน เข้าร่วมกว่า 200 คน
สำหรับกิจกรรม 2 กิจกรรมที่จัดขึ้นในวันนี้ เป็นกิจกรรมที่สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ตจัดขึ้นตามโครงการที่กรมประชาสัมพันธ์มอบหมายให้สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต ในฐานะหน่วยงานประชาสัมพันธ์ของรัฐ จัดขึ้น ใน 2 โครงการ ประกอบด้วย โครงการประชาสัมพันธ์สืบสานศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านจังหวัดภูเก็ต ประจำปี 2554 กิจกรรมประกวดศิลปะพื้นบ้านประยุกต์และ โครงการสร้างความสมานฉันท์และความสามัคคีของคนในชาติ ประจำปี 2554 กิจกรรมยอวาทีสามัคคีประเทศไทย ซึ่งกิจกรรมทั้ง 2 กิจกรรมนี้มีประโยชน์กับเยาวชนของชาติในการที่จะเป็นการประชาสัมพันธ์เสริมความรู้ให้เยาวชน ประชาชน ตระหนัก หวงแหนเห็นคุณค่า และร่วมอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมให้อยู่คู่สังคมไทยตลอดไป ตลอดจนได้เผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจ สร้างจิตสำนึกให้เยาวชนไทยตระหนักถึงผลกระทบจากการใช้ความรุนแรงและหันมาใช้แนวทางสันติในการแก้ปัญหา อันจะก่อให้เกิดความรัก ความสามัคคีในหมู่คณะและร่วมมือสร้างความสงบ สมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในสังคมไทย
ผลการประกวดศิลปะพื้นบ้านประยุกต์ ผลการประกวดปรากฏว่า ทีมชนะเลิศได้แก่ ทีมนาฏตยลีลา รับเงินรางวัล 3,000 บาท ส่วนทีมชนะเลิศยอวาที ได้แก่ทีมสามัคคี รับเงินรางวัล 5,000 บาท โดยทีมชนะเลิศทั้ง 2 กิจกรรมจะเข้ารับรางวัลจากผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ในการประชุมประจำเดือนวันที่ 29 มิถุนายน นี้ และจะเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวกับสำนักประชาสัมพันธ์จังหวัดเขต 5 จังหวัดสุราษฎร์ธานีในระดับเขตต่อไป
***โสภณ เคี่ยมการ ส.ปชส.ภูเก็ต/ข่าว เสงี่ยม เอียดตน ส.ปชส.ภูเก็ต/พิมพ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็นทั่วไป