วันพุธที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ข่าวภูเก็ต วันที่ 01 มิ.ย..54

ภูเก็ตจัดประชุมแผนพัฒนาชุมชน เพื่อให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน


เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2554 เวลา 09.00 น. ที่ห้องจามจุรี 2 โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน นายกวี ตันสุคตานนท์ รองนายกเทศมนตรีนครภูเก็ต เป็นประธานเปิดการประชุมแผนพัฒนาชุมชน โดยมี นางมัณฑนา กำลังเกื้อ ผอ.กองสวัสดิการสังคม ปลัดเทศบาลบาล รองปลัดเทศบาล ตลอดจนคณะผู้ดำเนินงาน วิทยากร และกรรมการชุมชนเข้าร่วม

นายกวี กล่าวว่า คณะผู้บริหารเทศบาลนครภูเก็ต ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการจัดทำแผนชุมชนเป็นอย่างมาก ซึ่งการจัดทำแผนชุมชนนั้น เป็นการสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ได้สนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชน บัญญัติให้รัฐต้องดำเนินการส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบาย และวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 ยังคงให้ความสำคัญกับกระบวนการประชาคมที่จะมุ่งให้เกิดการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน โดยมีเป้าหมายการพัฒนาชุมชนและการแก้ไขปัญหาความยากจน ดังนั้น เพื่อให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง เกิด การพัฒนาที่ยั่งยืน คณะกรรมการชุมชน ซึ่งเป็นองค์กรพื้นฐานระดับชุมชนที่ใกล้ชิดกับประชาชน จึงมีบทบาทหน้าที่สำคัญในการจัดทำแผนชุมชน เพื่อสะท้อนปัญหา และความต้องการของชุมชน เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหา ภายใต้หลักการพึ่งพาตนเอง ตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง

นายกวีกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ดังนั้นจึงขอความร่วมมือคณะกรรมการชุมชนทุกท่าน ส่งเสริมสนับสนุนการจัดทำแผนชุมชนให้มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล สามารถพัฒนาชุมชนซึ่งเป็นรากฐานให้มีความแข็งแกร่ง

ด้านนางมัณฑนา กล่าวว่า การจัดแผนชุมชนเป็นกิจกรรมพัฒนาที่เกิดขึ้นจากคนในชุมชนที่มีการรวมตัวกันเพื่อจัดทำแผนขึ้นมาใช้ เป็นแนวทางในการพัฒนาชุมชนหรือท้องถิ่นของตนเอง ให้เป็นไปตามความต้องการ และสามารถแก้ปัญหาที่ชุมชนเผชิญอยู่ร่วมกันได้ โดยคนในชุมชน ได้เข้ามามีส่วนร่วมกันคิด ร่วมกำหนดแนวทาง และกิจกรรท การพัฒนาชุมชน โดยยึดหลักการพึ่งพาตนเอง ลดการพึ่งพาภายนอก ด้วยการคำนึงถึงศักยภาพ ทรัพยากร ภูมิปัญญา วิถีชีวิต วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่นเป็นหลัก อารยา ตุลา ข่าว/ภาพ/พิมพ์ โสภณ เคี่ยมการ ส.ปชส.ภูเก็ต/ทาน

---------------------
รพ.วชิระภูเก็ต จัด โครงการสัปดาห์รณรงค์วันงดสูบบุหรี่โลก ประจำปี 2554 ภายใต้คำขวัญที่ว่า "พิทักษ์สิทธิตามกฎหมาย มุ่งสู่สังคมไทยปลอดบุหรี่" เพื่อให้สถานพยาบาลเป็นเขตปลอดบุหรี่ 100%

เมื่อเวลา 09.00 น. วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 ที่บริเวณหน้าห้องประชาสัมพันธ์ อาคารผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต นายแพทย์เจษฎา จงไพบูลย์พัฒนะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เป็นประธานร่วมเดินรณรงค์วันงดสูบบุหรี่โลก เพื่อให้สถานพยาบาลเป็นเขตปลอดบุหรี่ 100% ภายใต้คำขวัญที่ว่า "พิทักษ์สิทธิตามกฎหมาย มุ่งสู่สังคมไทยปลอดบุหรี่"โดยมี เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลวชิระ นักเรียน นักศึกษา ตลอดจนประชาชนทั่วไปร่วมใจเดินรณรงค์ กว่า 100 คน

นายแพทย์เจษฎา กล่าวว่า การจัดงานวันงดสูบบุหรี่โลกในวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2531 ดำเนินการโดยองค์การอนามัยโลก เนื่องจากเล็งเห็นอันตรายของบุหรี่ต่อสุขภาพ ของผู้สูบบุหรี่และผู้ไม่สูบบุหรี่แต่ได้รับควันบุหรี่ การจัดงานวันงดสูบบุหรี่โลก ก็เพื่อกระตุ้นให้ผู้สูบบุหรี่เลิกสูบ และให้รัฐบาลชุมชนและประชากรโลก ตระหนักถึงความสำคัญและเข้าร่วมกิจกรรม

การสูบบุหรี่หรือได้รับควันบุหรี่เป็นประจำเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งปอด ถุงลมโป่งพอง และโรคระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ นอกจากนี้ยังส่งผลทำให้มีโอกาสเกิดโรคบางโรค มากกว่าผู้ที่ไม่ได้รับควันบุหรี่ เช่น โรคหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง และโรคอื่น ๆ อีกหลายโรค บุหรี่ยังทำให้เสียทรัพย์โดยไม่จำเป็นอีกด้วย

องค์การอนามัยโลกระบุชัดเจนว่าการสูบบุหรี่เป็นสาเหตุสำคัญของการป่วยและเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ที่สามารถป้องกันได้ และกำหนดให้ วันที่ 31 พฤษภาคม ของทุกปีเป็นวันงดสูบบุหรี่โลก ( World No Tobacco Day) ซึ่งในปีนี้ ได้กำหนดประเด็นการรณรงค์เพื่อให้ทุกภาคส่วนดำเนินการไปในทิศทางเดียวกัน และให้บุคลากรสาธารณสุขมีส่วนร่วมในการรณรงค์ควบคุมการบริโภคยาสูบ ภายใต้คำขวัญว่า “Health Professionals Against Tobacco” หรือ “ ทีมสุขภาพร่วมใจ ขจัดภัยบุหรี่” โดยกระทรวงสาธารณสุขและเครือข่ายได้กำหนดให้ใช้ดอกลีลาวดีเป็นสัญลักษณ์ในการรณรงค์

นายแพทย์เจษฎา กล่าวอีกว่า ด้วยวันที่ 31 พฤษภาคม ของทุกปี เป็นวันงดสูบบุหรี่โลก โรงพยาบาลวชิระภูเก็ตจัดโครงการสัปดาห์รณรงค์วันงดสูบบุหรี่โลก ประจำปี 2554 ภายใต้คำขวัญที่ว่า "พิทักษ์สิทธิตามกฎหมาย มุ่งสู่สังคมไทยปลอดบุหรี่" โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ตและผู้มารับบริการได้รับความรู้ เกี่ยวกับพิษภัยของบุหรี่ และวิธีการเลิกสูบบุหรี่ และเพื่อประชาสัมพันธ์นโยบายโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตเป็นเขตปลอดบุหรี่ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยกิจกรรมรณรงค์จัดขึ้นระหว่างวันที่ 25-31 พฤษภาคม 2554

สิรินทร สินอนันต์ ข่าว/พิมพ์ โสภณ เคี่ยมการ ส.ปชส.ภูเก็ต/ทาน

-------------------------------
ภูเก็ตประชุม พิจารณากรณีการร้องเรียนมูลนิธิพุทธมิ่งมงคลศรัทธา 45 แอบอ้างสถาบันเบื้องสูง เพื่อหารายได้จากเงินบริจาคของประชาชน พบมีการดำเนินการผิดวัตถุประสงค์

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 31 พ.ค.2554 ที่ห้องประชุมชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุม กรณีร้องเรียนการแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงเพื่อหารายได้จากเงินบริจาคของประชาชน โดยมีนายประเจียด อักษรธรรมกุล หัวหน้าสำนักงานจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ.พรศักดิ์ นวนหนู รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต นายประยูร หนูสุก วัฒนธรรมจังหวัดภูเก็ต นายภพพล ศิริลักษณะพงศ์ หัวหน้ากลุ่มงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร้อยเอก บุญฤทธิ์ ฉายสุวรรณ หัวหน้ากลุ่มวิชาการ สำนักศิลปากรที่ 15 ภูเก็ต ผู้แทนจากอำเภอเมืองภูเก็ต สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดภูเก็ต ฯลฯ ร่วมประชุม

ทั้งนี้ที่ประชุมได้มีการพิจารณาในเรื่องบัญชีรายรับรายจ่ายของมูลนิธิพุทธมิ่งมงคลศรัทธา 45 ซึ่งมีนายสุพร วานิชกุล เป็นประธานมูลนิธิฯ และในประเด็นนี้จากการตรวจสอบของอำเภอเมืองภูเก็ต พบว่าทางมูลนิธิฯ มีบัญชีรายรับรายจ่ายที่ไม่ชัดเจน ตั้งแต่ดำเนินการขออนุญาตก่อสร้างมาจนถึงขณะนี้ ไม่สามารถเอาบัญชีงบดุลมาแสดงให้ดูได้ โดยนายสุพร อ้างว่า ทางมูลนิธิฯ ได้รับมอบหมายจากทางเจ้าอาวาสวัดกะตะ ให้มาดำเนินการสร้างพระพื้นที่บริเวณยอดเขานาคเกิดนี้เท่านั้น ซึ่งไม่เกี่ยวกับเรื่องของบัญชีงบดุลต่างๆ

ส่วนประเด็นพิจารณาเรื่องการขยายพื้นที่ก่อสร้างพระใหญ่ บนเทือกเขานาคเกิด ของมูลนิธิฯ จนไปกระทบกับพื้นที่ ที่อยู่รอบนอก นายภพพล ศิริลักษณะพงศ์ หัวหน้ากลุ่มงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า เดิมพื้นที่ตรงนี้เป็นป่าไม้เสื่อมโทรม จำนวน 42 ไร่ ทางกรมป่าไม้ ได้ร่วมกับทางวัดสร้างเป็นสวนปฏิบัติธรรม (ไม่มีอาคาร ไม่มีค้างคืน) มีการสร้างพระองค์เหลืองขนาดหน้าตักประมาณ 19 นิ้ว แล้วก็มีการฟื้นฟูดูแลป่าไม้โดยรอบด้วย

โดยทางวัดได้ให้คุณสุพร เข้ามาดำเนินการจดทะเบียน และดำเนินการจัดสร้าง ในปี 2545 และเมื่อจัดสร้างแล้วเสร็จต้องเป็นของวัดกะตะ แล้วให้ทางป่าไม้เข้าไปดูแล แต่ทางคุณสุพร นอกจากจะจัดสร้างพระองค์เหลืองขนาดหน้าตักประมาณ 19 นิ้ว ดังกล่าวแล้ว ยังจัดสร้างพระใหญ่ด้วย และจนถึงตอนนี้ ซึ่งมีการขออนุญาตก่อสร้างกับทางกรมป่าไม้ไปแล้ว 2 ครั้ง โดยครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2545-2549 และครั้งที่ 2 เมื่อปี พ.ศ.2550-2554 แต่การจัดสร้างก็ยังไม่แล้วเสร็จ ยังมีการขยายพื้นที่ก่อสร้างออกไปเรื่อยๆ จนไปกระทบกับพื้นที่รอบนอกของชาวบ้าน ทำให้มีการร้องเรียนเข้ามา

“ถ้าผู้ดำเนินการมีเจตนาบริสุทธิ์ คิดว่าการก่อสร้างพระน่าจะแล้วเสร็จ แล้วก็ปรับปรุงภูมิทัศน์ตามข้อตกลง รื้ออาคารสิ่งปลูกสร้างออก เพราะไม่มีกำหนดให้สร้าง และเมื่อสร้างแล้วเสร็จส่งมอบให้วัด และให้ทางกรมป่าไม้เข้ามาดำเนินการต่อ” นายภพพล กล่าว

อย่างไรก็ตาม ในประเด็นนี้ ได้มีการเสนอเงื่อนไข ให้ทางมูลนิธิฯ ไปทำแนวเขตก่อสร้างให้ชัดเจน พร้อมกับขึ้นป้ายว่าพื้นที่ตรงนี้ได้รับอนุญาตจากป่าไม้ให้ดำเนินการตรงส่วนใดบ้าง อย่างไร ให้ทางมูลนิธิฯ รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งไม่อยู่ในเงื่อนไขการดำเนินการออกไป และให้กำหนดระยะเวลากำก่อสร้างพระให้ชัดเจนว่าจะแล้วเสร็จวันไหนด้วย

และนอกจากนี้ยังมีการชี้แจงรายระละเอียดในประเด็นการอัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 พระบรมราชานุสาวรีย์ กรมหลวงชุมพร พร้อมทั้งพระปรมาภิไธย ย่อ จปร.มาประดิษฐาน บริเวณสถานที่จัดสร้างพระใหญ่

ตรงส่วนนี้ ทางร้อยเอก บุญฤทธิ์ ฉายสุวรรณ หัวหน้ากลุ่มวิชาการ สำนักศิลปากรที่ 15 ภูเก็ต บอกว่าการสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ ของกระษัตริย์ ทั้งหมด ต้องขออนุญาตให้ถูกต้อง แต่นี้จากการตรวจสอบพบว่าเป็นการสร้างโดยพละการ การดำเนินการผิดระเบียบว่าด้วยการก่อสร้างอนุสาวรีย์ ซึ่งตรงส่วนนี้เห็นควรที่จะอัญเชิญออกไปก่อน แต่ถ้าทางมูลนิธิฯ มีความประสงค์ที่จะจัดสร้าง ก็ต้องขออนุญาตให้ถูกต้องตามที่กระทรวงที่เกี่ยวข้องต่างๆ กำหนด เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน

ส่วนทางด้านนายประยูร หนูสุก วัฒนธรรมจังหวัดภูเก็ต ได้ชี้แจงประเด็นการใช้สื่อ ใช้คำที่ไม่เหมาะสมซึ่งเชื่อมโยงไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ อย่างเช่น คำว่า สร้างวัดถวายพ่อ หล่อพระถวายแม่ เรื่องนี้ก็ได้แจ้งไปยังประธานมูลนิธิพุทธมิ่งมงคลศรัทธา 45 เป็นลายลักษณะอักษรว่าให้ดำเนินการแก้ไข พร้อมกับได้มีการระงับเรื่องการใช้คำที่ไม่เหมาะสมไปแล้วด้วย

นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า เรื่องสร้างพระนั้นเป็นเรื่องที่ดี เพราะเป็นจุดรวมแห่งความศรัทธา เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ แต่ถ้าไม่ถูกต้องตามหลักกฎหมายต้องไปดำเนินการแก้ไข ซึ่งตามที่คณะกรรมการไปตรวจสอบก็พบว่ามีบางส่วนที่ไม่ถูกต้อง โดยในเรื่องบัญชี ขอให้ทางอำเภอเมืองไปดำเนินการรายงานมาในเรื่องของมูลนิธิ ว่ารายรับรายจ่ายที่ไม่ชัดเจนเป็นอย่างไร และฝากให้ทางทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ต (ทสจ.)ไปดูวัตถุประสงค์ ที่ทางมูลนิธิฯ ขอไปกับทางที่มูลนิธิทำนั้นคืออะไร ทางเราสามารถทำอะไรได้บ้าง ก่อนที่จะต่อใบอนุญาตก่อสร้างให้กับทางมูลนิธิฯ ไปอีก 5 ปี ในช่วงเดือนกันยายนที่จะถึงนี้

สารภี ศรีธรรมรัตน์ สนับสนุนข่าว/ โสภณ เคี่ยมการ ส.ปชส.ภูเก็ต/ทาน

--------------------------------------
คนต่างจังหวัดในภูเก็ต แห่มายื่นเรื่องขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า ส.ส.นอกเขตจังหวัด เป็นจำนวนมาก

ที่บริเวณที่ทำการอำเภอเมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต ประชาชนจำนวนมากทยอยมายื่นเรื่องขอใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ล่วงหน้า นอกเขตจังหวัด ซึ่งการลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัดนั้นจะไปสิ้นสุดในวันที่ 2 มิถุนายน 2554 และจะมีการลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าในวันที่ 26 มิถุนายน 2554

อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ที่ต้องการลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตเลือกตั้งจังหวัด จะต้องยื่นคำขอลงทะเบียนการใช้สิทธิเลือกตั้งนอกเขตจังหวัด แบบ ส.ส. 42 ซึ่งสามารถขอรับได้ที่ ที่ว่าการอำเภอทุกแห่งหรือสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด หรือดาวน์โหลดทาง เว็บไซด์ www.ect.go.th สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนหรือสำเนาบัตรที่มีรูปถ่ายที่ทางราชการออกให้และมีเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก โดยมีระยะเวลาในการลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งนอกเขตจังหวัด ตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวันที่ 2 มิถุนายน 2554 โดยยื่นต่อนายทะเบียนอำเภอ หรือนายทะเบียนท้องถิ่น ที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน โดยมีวิธีการยื่น 3 ทาง คือ 1.ยื่นด้วยตนเอง 2.ทำหนังสือมอบหมายให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งอื่นดำเนินการแทน และ 3.ส่งทางไปรษณีย์

สำหรับผู้ที่เคยลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าไว้แล้ว โดยไม่ได้ขอเปลี่ยนแปลงที่ลงคะแนน สามารถไปขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าได้ตามวันเวลาที่กำหนดได้เลย โดยการลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตเลือกตั้งจังหวัดภูเก็ต กำหนดใช้ศาลาประชาคมเป็นสถานที่ลงคะแนนเลือกตั้ง

นายศุภชัย โพชนุกูล นายอำเภอเมืองภูเก็ต กล่าวว่า ทางอำเภอเมืองภูเก็ตได้มีการเตรียมความพร้อมในเรื่องดังกล่าว เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่เดินทางมายื่นเรื่องขอใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส.ล่วงหน้านอกเขตจังหวัด โดยในแต่ละวันจะมีประชาชนมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก

ส่วนปัญหาที่พบคือ สถานที่คับแคบ เนื่องจากมีประชาชนมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก ในเรื่องของการขอทำบัตรประชาชน เพื่อเปลี่ยนจากบัตรเหลือง เป็นบัตรสมาร์ทการ์ดที่ก่อนหน้านี้ขาดแคลน เพื่อใช้ใช้เป็นบัตรประชาชน ในการไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ส.ส.ที่จะมีขึ้นในเร็วๆ นี้ ทำให้สถานที่ให้บริการคับแคบ แต่อย่างไรก็ตามทางอำเภอได้ขอความร่วมมือกับประชาชนในการเข้าคิว เพื่อความสะดวกและรวดเร็วของการให้บริการ ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากพี่น้องประชาชน และจากที่มีการยื่นเรื่องขอใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส.ล่วงหน้า นอกเขตจังหวัด ของอำเภอเมืองภูเก็ตจนถึงขณะนี้มีประชาชนมายื่นเรื่องกว่า 1,600 คน แล้ว และคาดว่าก่อนถึงกำหนดจะมีประชาชนมายื่นเรื่องเพิ่มขึ้น เนื่องจากภูเก็ตมีประชาชนจากต่างจังหวัดมาอาศัย ทำงานอยู่เป็นจำนวนมาก

สารภี ศรีธรรมรัตน์/สนับสนุนข่าว โสภณ เคี่ยมการ ส.ปชส.ภูเก็ต/ทาน

------------------------------------
กำหนดโซนนิ่งการเล่นเจ็ทสกีใน 5 พื้นที่ หาดป่าตอง หาดกะตะ หาดกะรน หาดกมลา และหาดบางเทา โดยให้คงจำนวนไว้ที่ 219 ลำ เตรียมฟังความเห็นจัดระเบียบเจ็ทสกีรอบใหม่‏

นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ช่วงประมาณปี 2547 ได้มีการร้องเรียนเกี่ยวกับการนำเจ็ทสกีมาให้บริการนักท่องเที่ยวบริเวณชายหาดต่างๆ ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายกับนักท่องเที่ยวที่เล่นน้ำอยู่บริเวณชายหาด ในครั้งนั้นได้มีการเรียกประชุมผู้เกี่ยวข้อง และได้สรุปมาตรการดำเนินการเพื่อให้เจ็ทสกีหมดไปภายใน 7 ปี นับตั้งแต่ปี 2547 และกำหนดโซนนิ่งการเล่นเจ็ทสกีใน 5 พื้นที่ ประกอบด้วย หาดป่าตอง หาดกะตะ หาดกะรน หาดกมลาและหาดบางเทา โดยให้คงจำนวนไว้ที่ 219 ลำ และในระหว่างใช้ประกาศดังกล่าวก็ได้มีการเรียกร้องของผู้ประกอบการเพื่อให้บริการเจ็ทสกีได้ตลอดไปภายในเงื่อนไขที่กำหนด และขณะนี้ระยะเวลาตามประกาศดังกล่าวก็ครบแล้วจำเป็นที่จะต้องพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

“การให้บริการเจ็ทสกีเป็นกิจกรรมท่องเที่ยวอย่างหนึ่งที่สร้างสีสันให้กับการท่องเที่ยวบริเวณชายหาด และมีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยที่ต้องการกิจกรรมดังกล่าว ดังนั้นจึงเป็นไปได้ยากที่จะยกเลิกไม่มีการให้บริการเจ็ทสกีเลย ตามที่มีการระบุไว้ในประกาศจังหวัดภูเก็ต เรื่องมาตรการจัดระเบียบเจ็ทสกี เมื่อปี 2547 ที่จะทำให้เจ็ทสกีหมดไปจากเกาะภูเก็ต เพราะที่ก่อให้เกิดปัญหาไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบที่กำหนดไว้ก็เป็นเพียงส่วนน้อย และต้องคำนึงผลกระทบที่จะตามมาด้วย”

นายตรี กล่าวด้วยว่า จากการหารือกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในเบื้องต้น เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมก็คงจะต้องมีการเชิญผู้ประกอบการเจ็ทสกีมาหารือ และรับฟังความคิดเห็นว่าเป็นอย่างไร รวมถึงการกำหนดมาตรการในการควบคุมดูแล เพื่อลดปัญหาที่เกิดขึ้น เนื่องจากตามกฎหมายแล้วเจ็ทสกีจะต้องนำมาใช้ในเรื่องของการกีฬาไม่สามารถที่จะนำมาให้บริการด้านการท่องเที่ยวได้ แต่ที่ผ่านมาก็ได้มีการอนุโลม เพราะเป็นกิจกรรมที่สร้างสีสันให้กับทางท่องเที่ยวได้อีกทางหนึ่ง”

ทั้งนี้ธงที่ตั้งไว้เบื้องต้นนั้นยังคงมีการจำกัดจำนวนเจ็ทสกีเช่นเดิม ส่วนพื้นที่ให้บริการและระยะเวลาในการดำเนินการจะเพิ่มขึ้นหรือไม่อย่างไรคงต้องรับฟังความคิดเห็นก่อน รวมถึงเงื่อนไขอื่นๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาตามมา ทั้งนี้ทั้งนั้นจะต้องเกิดความเป็นธรรมกับฝ่าย ส่วนการควบคุมดูแลเพื่อให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดนั้นคิดว่าหากทุกฝ่ายเข้าใจบทบาทและหน้าที่ของตัวเอง รวมทั้งคิดถึงประโยชน์ส่วนรวมก็คงไม่มีปัญหา แต่สาเหตุที่เกิดปัญหาขึ้นเพราะมีบางอย่างแอบแฝง นายตรี

กล่าวสาลินี ปราบ สนับสนุนข่าว โสภณ เคี่ยมการ ส.ปชส.ภูเก็ต/ทาน

------------------------------------------
ประมงของประเทศญี่ปุ่นสนใจดูงานประมงหลังสึนามิของจังหวัดภูเก็ต เพื่อหารือ รวบรวมข้อมูลในการฟื้นฟูหลังการเกิดสึนามิ

เมื่อวานที่ผ่านมา (30 พฤษภาคม 54) ที่ห้องทำงานผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายประมวล รักษ์ใจ รองผู้อำนวยการองค์การสะพานปลา นำมิสเตอร์ มิคามิ โนโบ ( Mr.Mikami Nobuo) พร้อมคณะ (Fisheries Agency of Japan Fisheries Infrastructure Department Senior Officer For Fisheries Infrastructure) เข้าพบ นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เพื่อหารือ การรวบรวมข้อมูลการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประกอบอาชีพประมงที่ได้รับผลกระทบและความเดือดร้อนหลังจากที่เกิดเหตุการณ์สึนามิที่จังหวัดภูเก็ต ปี 2547

นายประมวล กล่าวว่า หลังจากที่ประเทศญี่ปุ่นประสบภัยสึนามิ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทำให้การประมงของประเทศญี่ปุ่นได้รับความเสียหายอย่างมหาศาล และมีชาวประมงเสียชีวิตกว่า 20,000 คนและขณะนี้ทางรัฐบาลญี่ปุ่นได้ลงไปฟื้นฟู แต่อย่างไรก็ตามต้องใช้ระยะเวลาอีกระยะหนึ่งเพื่อให้การประมงกลับคืนสู่สภาพปกติ ทั้งนี้ทางคณะเจ้าหน้าที่ฯ จากประเทศญี่ปุ่น เห็นว่าในจังหวัดฝั่งอันดามันของประเทศไทยเมื่อปลายปี 2547 เคยประสบภัยสึนามิมา จึงได้เดินทางมาศึกษาดูแผนงาน ตลอดจนโครงการ

ต่าง ๆ ในการฟื้นฟูพื้นที่และอาชีพของประชาชนที่ประสบภัย เพื่อนำไปเป็นแนวทาง ให้ทางรัฐบาลญี่ปุ่นในการดำเนินการความช่วยเหลือ ประชาชนชาวประเทศญี่ปุ่นต่อไป

ตลอดจนทางคณะฯ ได้เดินทางมาเพื่อขอข้อมูลแนวทางการฟื้นฟู การส่งเสริมการประกอบอาชีพ ตลอดจนการปรับปรุงการก่อ สร้างเทียบเรือ การซ่อมแซมเรือประมง รวมถึงฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ ทางทะเล เพื่อให้ทะเลกลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง และประชาชนสามารถกลับมาประกอบอาชีพดั้งเดิมได้

สิรินทร สินอนันต์ ข่าว/พิมพ์ โสภณ เคี่ยมการ ส.ปชส.ภูเก็ต/ทาน

----------------------------------------------------
คนต่างจังหวัดในจังหวัดภูเก็ต แห่มายื่นเรื่องขอใช้สิทธิเลือกตั้ง สส. ล่วงหน้านอกเขตจังหวัดเป็นจำนวนมาก

ที่บริเวณที่ทำการอำเภอเมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต ประชาชนจำนวนมากทยอยมายื่นเรื่องขอใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ล่วงหน้า นอกเขตจังหวัด ซึ่งการลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัดนั้นจะไปสิ้นสุดในวันที่ 2 มิถุนายน 2554 และจะมีการลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าในวันที่ 26 มิถุนายน 2554

อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ที่ต้องการลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตเลือกตั้งจังหวัด จะต้องยื่นคำขอลงทะเบียนการใช้สิทธิเลือกตั้งนอกเขตจังหวัด แบบ ส.ส. 42 ซึ่งสามารถขอรับได้ที่ ที่ว่าการอำเภอทุกแห่งหรือสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด หรือดาวน์โหลดทาง เว็บไซด์ www.ect.go.th สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนหรือสำเนาบัตรที่มีรูปถ่ายที่ทางราชการออกให้และมีเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก โดยมีระยะเวลาในการลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งนอกเขตจังหวัด ตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวันที่ 2 มิถุนายน 2554 โดยยื่นต่อนายทะเบียนอำเภอ หรือนายทะเบียนท้องถิ่น ที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน โดยมีวิธีการยื่น 3 ทาง คือ 1.ยื่นด้วยตนเอง 2.ทำหนังสือมอบหมายให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งอื่นดำเนินการแทน และ 3.ส่งทางไปรษณีย์

สำหรับผู้ที่เคยลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าไว้แล้ว โดยไม่ได้ขอเปลี่ยนแปลงที่ลงคะแนน สามารถไปขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าได้ตามวันเวลาที่กำหนดได้เลย โดยการลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตเลือกตั้งจังหวัดภูเก็ต กำหนดใช้ศาลาประชาคมเป็นสถานที่ลงคะแนนเลือกตั้ง

นาย ศุภชัย โพชนุกูล นายอำเภอเมืองภูเก็ต กล่าวว่า ทางอำเภอเมืองภูเก็ตได้มีการเตรียมความพร้อมในเรื่องดังกล่าว เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่เดินทางมายื่นเรื่องขอใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส.ล่วงหน้านอกเขตจังหวัด โดยในแต่ละวันจะมีประชาชนมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก

ส่วนปัญหาที่พบคือ สถานที่คับแคบ เนื่องจากมีประชาชนมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก ในเรื่องของการขอทำบัตรประชาชน เพื่อเปลี่ยนจากบัตรเหลือง เป็นบัตรสมาร์ทการ์ดที่ก่อนหน้านี้ขาดแคลน เพื่อใช้ใช้เป็นบัตรประชาชน ในการไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ส.ส.ที่จะมีขึ้นในเร็วๆ นี้ ทำให้สถานที่ให้บริการคับแคบ แต่อย่างไรก็ตามทางอำเภอได้ขอความร่วมมือกับประชาชนในการเข้าคิว เพื่อความสะดวกและรวดเร็วของการให้บริการ ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากพี่น้องประชาชน และจากที่มีการยื่นเรื่องขอใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส.ล่วงหน้า นอกเขตจังหวัด ของอำเภอเมืองภูเก็ตจนถึงขณะนี้มีประชาชนมายื่นเรื่องกว่า 1,600 คน แล้ว และคาดว่าก่อนถึงกำหนดจะมีประชาชนมายื่นเรื่องเพิ่มขึ้น เนื่องจากภูเก็ตมีประชาชนจากต่างจังหวัดมาอาศัย ทำงานอยู่เป็นจำนวนมาก

สารภี ศรีธรรมรัตน์/สนับสนุนข่าว เสงี่ยม เอียดตน ส.ปชส.ภูเก็ต/ทาน

--------------------------------
สังหารโหดภรรยาผู้รับเหมาก่อสร้างดัง จงกระบี่ ทั้งทุบด้วยขวานและยิงด้วยปืน ก่อนนำศพไปโยนลงเหว ส่วนสามีรอดปฎิหาริย์อ้างเพราะแกล้งเสียชีวิต

เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่อาสาสมัครบ้านในคลำ อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ได้ช่วยกันนำศพนางอุไร ลิ้มสกุล อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 160 หมู่ที่ 2 ต.เขาต่อ อ.ปลายพญา จ.กระบี่ และนายเล็ก (ไม่ทราบชื่อจริง) ส่งให้แพทย์เวรทำการชันสูจน์พลิกศพหาหลักฐานจากการถูกฆาตกรรม หลังจากที่พบศพถูกโยนลงเหวลึก 8 เมตร ติดกับทะเล บ้านในทอน อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เบื้องต้นจากการตรวจสอบศพของนางอุไร ลิ้มสกุล พบถูกมัดมือไขว่หลังด้วยเชือก และทุบด้วยของแข็งเข้าที่บริเวณศีรษะและตามร่างกายหลายแห่ง ส่วนศพนายเล็ก ถูกล็อดด้วยกุญแจมือตำรวจ ถูกยิงเข้าบริเวณหน้าอก 1 นัดที่กกหู 1 นัด และถูกปาดคอด้วยของมีคม ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบรถยนต์กระบะเลขที่ บฉ-4233 จ.กระบี่ จอดทิ้งบริเวณริมถนนบ้าป่าครองชีพ ต.เทพกระษัตรี อ.ถลาง จ.ภุเก็ต บนกะบะหลังและในรถพบรอยเลือดเป็นจำนวนมาก

จากการสอบสวน นายสนิท ชูชื่น อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 160 ม.2 ต.เขาต่อ อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ อาชีพผู้รับเหมาก่อสร้างสามีของนางอุไร ผู้เสียชีวิต ที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ที่ให้การกับ พ.ต.ท.รัษฎา กลึ่งวงศ์ สารวัตรเวร สภ.ท่าฉัตรไชย อ.ถลาง จงภูเก็ต ว่าได้เดินทางมาจาก จ.กระบี่เพื่อรับนางอุไร ภรรยาพร้อมด้วยนายเล็กไม่ทราบชื่อจริงเมื่อคืนที่ผ่านมา และขณะที่กำลังเดินทางออกจาก จ.ภูเก็ต เพื่อกลับ จงกระบี่นั้น ปรากฎว่ามีโทรศัพท์เข้ามาหานางอุไร ให้ไปหาที่บริเวณถนนบ้านป่าคลอกชีพ เมื่อไปถึงปรากฏว่าถูกชายฉกรรจ์หลายคนเข้ามาล็อคตัวแล้วมัดมือมัดเท้านำไปที่แห่งหนึ่งไม่ทราบว่าที่ไหน จากนั้นได้ยินเสียงทุบนายเล็กและนางอุไร ภรรยา พร้อมได้ยินเสียงปืนด้วย จากนั้นก็หันมาทุบตนเอง จึ่งทำเป็นแกล้งนอนนิ่งเสียชีวิต จากนั้นมารู้สึกเหมือนถูกโยนจากที่สูง เมื่อได้ยินเสียงรถวิ่งออกไปและเงียบลง จึ่งได้พยายามดิ้นจากเชือกที่ถูกมัดมือและที่ผูกตาออก และปีนขึ้นมาได้ และเดินไปขอความช่วยเหลือจากประชาชนในบริเวณใกล้เคียงดังกล่าว ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้บันทึกไว้เป็นหลักฐาน และในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่สัณนิฐานถึงการสังหารโหดครั้งนี้ไว้หลายประเด็นคือ 1.เรื่องธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง 2.เรื่องยาเสพติด 3.เรื่องชู้สาว ซึ่งจากการให้การของนายสินทที่รอดชีวิตนั้นเจ้าหน้าที่ยังมีข้อสงสัยหลายประการ คาดว่าจะมีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า ซึ่งเจ้าหน้าทีกำลังเร่งสอบสวนอยู่

วิเชียร อุตส่าห์/สนับสนุนข่าว

-----------------------------------
ผวจ.ภูเก็ตนำสื่อมวลชนลงพื้นที่กะรน หลังสื่อฯ เยอรมันนำเสนอข่าวการลักลอบปล่อยน้ำเสียลงทะเล จากการตรวจสอบพบหน่วยงานในพื้นที่เกี่ยวข้องนำตัวอย่างน้ำตรวจสอบทุก 3 เดือนและไม่ปรากฏมีน้ำเสียลงทะเลแต่อย่างใด

เมื่อวันที่ 30 พ.ค. 2554 นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยนายทวี ทองแช่ม นายกเทศมนตรีตำบลกะรน นายประเจียด อักษรธรรมกุล หัวหน้าสำนักงานจังหวัดภูเก็ต นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธ์ หัวหน้าเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต นายวีระศักดิ์ อเนกวงศ์สวัสดิ์ ปลัดเทศบาลตำบลกะรน นายวันชัย แซ่ตัน ผู้อำนวยการกองช่างเทศบาลตำบลกะรน ตัวแทนบริษัทเซ้าเทิร์นไทย คอนซัลติ้ง จำกัด นำคณะสื่อมวลชนตรวจพื้นที่บริเวณชายหาดกะรน ซึ่งถูกระบุว่ามีการปล่อยน้ำเสียลงทะเล และตรวจสอบระบบระบายน้ำ ระบบรวบรวม และบำบัดน้ำเสียเทศบาลตำบลกะรนจากกรณี อันสืบเนื่องมาจากการนำเสนอข่าวของผู้สื่อข่าวชาวเยอรมันเกี่ยวกับการลักลอบปล่อยน้ำเสียลงทะเลของผู้ประกอบการโรงแรมบริเวณหาดกะตะกะรน ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับจนส่งภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต

ทั้งนี้จากการลงพื้นที่พบว่าบริเวณชายหาดกะตะกะรนยังคงมีนักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำตามปกติ และสภาพน้ำทะเลทั่วไปก็ไม่ปรากฎลักษณะว่ามีน้ำเสียไหลลงทะเล โดยนายทวี กล่าวว่า จากการเก็บตัวอย่างน้ำและนำไปตรวจสอบคุณภาพน้ำของสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเล และป่าชายเลน พบว่าคุณภาพน้ำบริเวณชายหาดกะตะและชายหาดกะรนมีความสะอาดร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งจะมีการเก็บตัวอย่างน้ำไปตรวจสอบทุก 3 เดือน จึงขอให้นักท่องเที่ยวอย่ากังวลและลงเล่นน้ำได้ตามปกติ

“ภาพน้ำเสียลงทะเลที่ทางสื่อมวลชนเยอรมันบันทึกได้นั้น เป็นช่วงที่ระบบบำบัดน้ำเสียมีปัญหาเนื่องจากกระแสไฟฟ้าขัดข้องทำให้ไม่สามารถสูบน้ำเข้าระบบได้ จึงเอ่อล้นและไหลลงทะเล แนวทางในการแก้ปัญหานั้นก็จะได้มีการติดต่อเครื่องสำรองไฟเพื่อจะได้ไม่มีปัญหาขึ้นอีก ประกอบกับในส่วนของผู้ประกอบการบริเวณชายหาดก็จะเป็นผู้แจ้งข่าวให้กับทางเทศบาลฯได้เป็นอย่างดีเมื่อเกิดปัญหาขึ้นเพราะจะกระทบกับเขาโดยตรง”

นายทวี กล่าวด้วยว่า สำหรับเทศบาลตำบลกะรนได้มีการจัดทำระบบระบายน้ำ ระบบรวบรวม และบำบัดน้ำเสีย ซึ่งสามารถรองรับน้ำเสียได้วันละ 6,000 ลูกบาศก์เมตร ครอบคลุมประมาณ 70 % ของพื้นที่ และขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการในเฟสที่ 2 ซึ่งรองรับปริมาณน้ำเสียได้ประมาณ 4,000 ลูกบาศก์เมตร คาดว่าจะดำเนินการได้ประมาณปี 2556

...สาลินี ปราบ/สนับสนุนข่าว โสภณ เคี่ยมการ ส.ปชส.ภูเก็ต/ทาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็นทั่วไป