วันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2554

ข่าวภูเก็ต ประจำวันที่ 7 เม.ย.54

เจ้าของเกสท์เฮ้าส์แยกซอยตัน ป่าตอง ยื่นหนังสือนายอำเภอ-ผู้กำกับฯ กะทู้ ร้องเรียนสถานบริการ


เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 5 เม.ย. ณ ที่ว่าการอำเภอกะทู้ นายจีรศักดิ์ บูรวัฒนะ อยู่บ้านเลขที่ 34/23 แยกซอยตัน ถ.ประชานุเคราะห์ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ได้เข้ายื่นหนังสือต่อนายศิริพัฒ พัฒกุล นายอำเภอกะทู้ ที่ห้องทำงาน เพื่อร้องเรียนสถานบริการ ซึ่งได้มาทำการเปิดกิจการอยู่ที่บ้านเลขที่ 34/24-25 ถ.ประชานุเคราะห์ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ เปิดเพลงเสียงดังรบกวน ทำให้เกิดความรำคาญทุกคืน และร้องเรียนว่าสถานบริการดังกล่าวมีการเคลียร์กับเจ้าหน้าที่บางคน

โดยนายจีรศักดิ์ กล่าวว่า สถานบริการดังกล่าว เปิดเพลงเสียงดังรบกวนเป็นอย่างมาก ตนได้เข้าทักท้วงกับทางเจ้าของร้าน XS หลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้รับการแก้ไขให้เสียงรบกวนลดน้อยลงได้เลย ทำให้เกิดความรำคาญทุกคืน สถานบันเทิงแห่งนี้เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 21.00-05.00 น.

นายจีรศักดิ์ กล่าวอีกว่า สถานบริการแห่งนี้ไม่ได้อยู่ในเขตโซนนิ่งที่กฎหมายกำหนด กล่าวคือสถานบริการที่ก่อให้เกิดเสียงดังรำคาญ จะต้องอยู่ห่างจากชุมชนพักอาศัย หรือสถานที่ที่ต้องการความสงบ ทำให้ชาวบ้านบริเวณนี้เบื่อหน่ายเป็นอย่างยิ่ง ธุรกิจที่ชาวบ้านประกอบอาชีพบริเวณนี้ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นประเภทให้บริการห้องพัก แต่พอมีสถานบันเทิงมาเปิดให้บริการทำให้เกิดมลภาวะทางเสียงเป็นสภาวะเสียงที่ดังเกินไปจนก่อให้เกิดความรำคาญเดือดร้อน ส่งผลต่อการนอนหลับพักผ่อน

“ผมได้มาซื้อเกสท์เฮ้าส์ เลขที่ 34/23 แยกซอยตัน ถ.ประชานุเคราะห์ ซึ่งอยู่ติดกับสถานบริการร้าน XS มีห้องพักจำนวน 8 ห้อง เพื่อให้นักท่องเที่ยว และผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัย เช่า ได้รับผลกระทบจากสถานบริการข้างเคียงดังกล่าวส่งเสียงดังรบกวนผู้ที่เข้าพัก และก่อนหน้านี้ก็ได้มีการเข้าไปเคลียร์กับทางร้านหลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้รับการแก้ไข และทางเจ้าของสถานบริการก็บอกมาว่ามีการเคลียร์กับเจ้าหน้าที่บางคนเรียบร้อยแล้ว ก็ไม่รู้ว่า แปลว่าอะไรผมจึงได้เดินทางมาร้องเรียนอีกครั้ง หลังจากมีการร้องเรียนไปครั้งหนึ่งแล้วก่อนหน้านี้” นายจีรศักดิ์ กล่าว

ทางด้านนายศิริพัฒ พัฒกุล นายอำเภอกะทู้ กล่าวภายหลังรับหนังสือร้องเรียนว่า ทางอำเภอได้เคยจับกุมสถานบริการดังกล่าวแล้ว เมื่อวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยกล่าวหาว่า ตั้งสถานบริการตามมาตรา 3(4) โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กะทู้ และอำเภอจะได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบอีกทางหนึ่งด้วย หากมีการฝ่าฝืนกฎหมาย ส่วนประเด็นการเคลียร์กับเจ้าหน้าที่อำเภอกะทู้ได้ตรวจสอบแล้วปรากฏว่าไม่มีข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่มีส่วนในการรับเคลียร์แต่อย่างใด แต่อย่างไรก็ตามทางอำเภอจะส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบตามที่มีการร้องเรียนเข้ามาในวันนี้อีกครั้ง เพื่อให้ดำเนินการเป็นไปตามกฎหมาย

อย่างไรก็ตามในวันเดียวกันนี้ หลังจากยื่นหนังสือร้องเรียนดังกล่าวผ่านทางนายอำเภอกะทู้แล้ว ทางผู้ร้องยังได้เดินทางเข้าร้องเรียนในเรื่องเดียวกันกับทาง พ.ต.อ.อารยะพันธ์ พุกบัวขาว ผกก.สภ.กะทู้ อีกทางหนึ่งด้วย เพื่อให้ปัญหาความเดือดร้อนของผู้ร้องได้รับการแก้ไขเป็นรูปธรรม

...สารภี ศรีธรรมรัตน์ /สนับสนนุนข่าว เสงี่ยม เอียดตน ส.ปชส.ภูเก็ต/ทาน
----------------------------------------------------
ผู้ว่าฯ ภูเก็ต นำข้าราชการ และประชาชน ประกอบพิธีวันพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และวันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์

เมื่อเวลา 09.00 น. วันพุธ ที่6 เมษายน พ.ศ. 2554 ที่ห้องประชุมศาลาประชาคมจังหวัดภูเก็ต อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานประกอบพิธีเนื่องในวัน พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และวันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์ โดยมี นายนิวิทย์ อรุณรัตน์ นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ และนายวีระวัฒน์ จันทร์เพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.พิกัด

ตันติพงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ข้าราชการพลเรือน ข้าราชการท้องถิ่น พนักงานรัฐวิสาหกิจ และประชาชนชาวภูเก็ตทุกหมู่เหล่า เข้าร่วมในพิธี

ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตได้จุดธูปเทียน ถวายเครื่องราชสักการะ และวางพานพุ่มต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เพื่อเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทิตาธรรมต่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งราชจักรีวงศ์ ที่ได้ทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี ปกครองปวงชนชาวไทย ให้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข ทั่วราชอาณาจักร ซึ่งพระมหากษัตริย์ไทยของบรมราชจักรีวงศ์ทุกพระองค์ได้ทรงเจริญรอยตามพระ ยุคลบาทสืบต่อกันมาโดยลำดับ ดังนั้น ในวันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์ ประชาชนทั้งหลายต่างมีความปรีดาปราโมทย์ที่สามารถตั้งบ้านเมืองเป็นอิสระสถาพรสืบมาจนถึงตราบเท่าทุกวันนี้ ก่อนที่จะกล่าวถวายราชสดุดี

ใจความตอนหนึ่งกล่าวว่า “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจักรีบรมนาถ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช นั้น พระองค์ทรงเป็นเอกอัครอัจฉริยะบุรุษโดยแท้ เพราะนอกจากจะสถาปนาความมั่นคงให้แก่ชาติไทยแล้ว ยังทรงสร้างกรุงเทพมหานครเป็นศูนย์รวมแห่งความเจริญรุ่งเรือง อันได้แผ่ขยายความสุขสำราญ ออกไปสู่พสกนิกรทั่วราชอาณาจักร ทรงจัด ระเบียบการปกครองด้วยการชำระพระราชกำหนดกฎหมายให้บริบูรณ์ และชอบด้วยยุติธรรม ทรงอาราธนาคณะสงฆ์ ร่วมกันสังคายนาพระไตรปิฎกให้บริสุทธิ์ บริบูรณ์เป็นหลักตราบเท่าปรัตยุบันกาล พร้อมกันนั้นก็ทรงฟื้นฟูวัฒนธรรมของชาติทุกสาขา อาทิ วรรณกรรมและงานศิลปหัตถกรรมอันงดงามเป็นแบบฉบับแก่ช่างรุ่นต่อมา ด้วยเหตุนี้เมื่อนักประวัติศาสตร์ได้ศึกษาถึงพระราชกรณียกิจอันเป็นคุณประโยชน์อเนกประการแล้ว จึงได้เผยแพร่ให้ทั้งฝ่ายราชการและประชาชนทราบ ซึ่งต่างก็เกิดความเลื่อมใส ในพระบรมราชกฤดาภินิหารเป็นล้นพ้น จึงพร้อมใจกันมีสมานฉันท์ที่จะถวายพระราชสมัญญาว่า “พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช”

ทั้งนี้เนื่องในวันที่ 6 เมษายน พ.ศ.2325 เป็นวันที่พระบรมราชวงศ์จักรี ได้สถิตมั่น ในแผ่นดินไทย จนถึงปีนี้ครบรอบ 229 ปี ด้วยพระปรีชาสามารถของสมเด็จพระกษัตริยาธิราชเจ้า แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ที่ทรงไว้ซึ่งทศพิธราชธรรม สืบทอดพระราชสันตติวงศ์ต่อมาถึง 9 รัชกาล ทรงอุทิศพระองค์เพื่อความอุดมสมบูรณ์ และมั่งคั่งของประชาชนตลอดมาทุกยุคทุกสมัย ด้วยความน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ แด่สมเด็จพระมหากษัตริยาธิราชเจ้า ในพระบรมราชวงศ์จักรีวงศ์ทุกพระองค์ ที่ทรงมีต่อชาติไทย และประชาชนชาวไทย จึงได้พร้อมใจกันประกอบพิธีถวายราชสักการะ และถวายราชสดุดี เพื่อเทิดทูนพระบรมราชจักรีวงศ์ ให้สถิตมั่น ในดวงใจชาวไทยทั้งชาติต่อไป

...สิรินทร สินอนันต์ ข่าว/พิมพ์ อารยา ตุลา/ ภาพ
---------------------------------------------------------
ผบ.เรือนจำจังหวัดภูเก็ตเผยตรวจยึดโทรศัพท์ที่โยนเข้ามาในเรือนจำ 6 เครื่อง หลังตรวจยึดการโยนโทรศัพท์มาแล้ว 2 เดือน กว่า 20 เครื่อง ย้ำผู้ที่คิดกระทำผิดอย่าทำเพราะเจ้าหน้าที่จับกุมได้ทั้งหมด

วันที่ 6 เม.ย.54 นายระพินทร์ นิชานนท์ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากทางเจ้าหน้าเวรประจำวันของเรือนจำฯ ซึ่งทำการตรวจตราความเรียบร้อยบริเวณโดยรอบเรือนจำจังหวัดภูเก็ตก่อนที่จะมีการเปิดให้ผู้ต้องขังออกมาจากเรือนนอน ปรากฏว่าพบกล่องไม้ขนาดความยาวประมาณ 1 ฟุต จำนวน 2 กล่อง ตกอยู่บริเวณด้านข้างรั้วกำแพงเรือนจำด้านหลังโรงงานจักสาน โดยมีกล่องแตกอยู่ 1 กล่อง จนทำให้เห็นมีโทรศัพท์บรรจุอยู่ภายใน จึงนำมาตรวจสอบรายละเอียดพบว่าภายในบรรจุโทรศัพท์มือถือกล่องละ 3 เครื่อง รวมทั้งหมด 6 เครื่อง พร้อมด้วยอุปกรณ์ จึงได้ตรวจยึดไว้เพื่อเป็นหลักฐาน และจะได้แจ้งความดำเนินคดีเพื่อหาผู้กระทำผิดมาลงโทษต่อไป

“ที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่มีการตรวจสอบพบการโยนโทรศัพท์มือถือเข้ามาในเรือนจำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมาก็มีการตรวจพบโทรศัพท์ที่โยนเข้ามา 5 เครื่อง โดยเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตรวจพบโทรศัพท์มือถือที่มีการโยนเข้ามาในเรือนจำแล้วประมาณ 20 เครื่อง และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นกลุ่มที่ต้องการนำมาใช้ในเรื่องที่ไม่ถูกต้องและเรื่องที่เป็นความลับ เพราะในส่วนของเรือนจำก็มีโทรศัพท์สาธารณะไว้บริการอยู่แล้ว จึงอยากฝากไปยังผู้ที่คิดจะทำผิดว่าอย่าได้ทำเช่นนี้อีก เพราะเป็นการเสียเวลาเปล่า เนื่องจากโทรศัพท์ที่มีการโยนเข้ามาในเรือนจำนั้นส่วนใหญ่แล้วก็จะสามารถจับกุมได้ทั้งหมด หากไม่สามารถจับกุมได้ในทันทีทันใดก็จะสามารถจับกุมได้ในเวลาต่อมา” นายระพินทร์กล่าว

และกล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาในส่วนของเรือนจำได้มีการจู่โจมตรวจค้นเรือนนอนของผู้ต้องขังมาโดยตลอด ทั้งการใช้กำลังเจ้าหน้าที่ของเรือนจำเองและการใช้กำลังเจ้าหน้าที่จากภายนอก เพื่อเป็นการป้องปรามในเบื้องต้น รวมถึงมาตรการอื่นๆ ตามความเหมาะสม ซึ่งอนาคตก็จะได้มีการนำเครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์มาใช้ โดยปัจจุบันเรือนจำจังหวัดภูเก็ตมีผู้ต้องขังทั้งชายและหญิงจำนวนรวม 1,390 คน ส่วนใหญ่ 80% เป็นผู้ต้องขังที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด

...สาลินี ปราบ/สนับสนุนข่าว เสงี่ยม เอียดตน ส.ปชส.ภูเก็ต /ทาน
-----------------------------------------------
อบต.ฉลอง จัดบรรพชาสามเณร ภาคฤดูร้อน เยาวชน 108 คน เข้าร่วม

เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 6 เม.ย.54 นายเรวัต อารีรอบ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานโครงการบรรพชาภาคฤดูร้อน ตำบลฉลอง เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ณ วัดลัฎฐิวนาราม (วัดใต้) ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยมีนายณัฎฐ์พงศ์ วิมลพันธุ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลฉลอง ประธานจัดงาน ฝ่ายบริหาร สมาชิกสภา ข้าราชการ พนักงาน อบต.ฉลอง แขกผู้มีเกียรติ และผู้ปกครอง ร่วมในพิธี

นายณัฎฐ์พงศ์ วิมลพันธุ์ นายก อบต.ฉลอง กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้สืบเนื่องจากสภาวการณ์ปัจจุบัน เยาวชนมีความรุนแรงทางด้านอารมณ์มากขึ้น และมีการมั่วสุม ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจนำไปสู่แหล่งอบายมุข สิ่งเสพติด ดังนั้นพระครูเมตตาภิรม เจ้าอาวาสวัดลัฎฐิวนาราม ร่วมกับ อบต.ฉลอง อบจ.ภูเก็ต สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดภูเก็ต จัดให้มีโครงการบรรพชาภิกษุสามเณร ภาคฤดูร้อน ประจำปี 2554 ขึ้น เพื่อให้เยาวชนในตำบลฉลองและใกล้เคียงได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ในช่วงปิดภาคเรียน โดยการเรียนรู้หลักธรรมเบื้องต้นในพระพุทธศาสนา อันเป็นหนทางลดความรุนแรงทางอารมณ์และห่างไกลยาเสพติด ซึ่งมีเยาวชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการฯจำนวน 108 คน

ด้านนายเรวัต อารีรอบ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การบรรพชาอุปสมบทพระภิกษุสามเณร ภาคฤดูร้อน ถือเป็นวัฒนธรรมประเพณีของคนไทยเรา เพราะว่าการได้บวชเรียนเป็นการสร้างกุศลอันสูงส่ง ได้แสดงความกตัญญูกตเวทีทดแทนพระคุณพ่อ-แม่ นอกจากนี้ ลูกหลานเราได้มีส่วนสืบทอดพระพุทธศาสนาได้เผยแพร่ธรรมะของพระพุทธองค์ ช่วยให้สังคมมีความสุขอีกด้วย

“ในการบวชครั้งนี้แม้นว่า ใช้ระยะเวลาไม่มากนัก แต่ถือว่าทุกท่านได้เห็นประโยชน์ร่วมกันว่าการพัฒนาเด็ก หรือเยาวชน จำเป็นต้องเสริมสร้างหลักธรรมคุณธรรม จริยะธรรมควบคู่กัน โดยเฉพาะสภาพปัจจุบันในบางครั้งมีความล่อแหลมต่อลูกหลานเรา ดังนั้นทุกฝ่ายต้องช่วยจัดทำโครงการนี้ ขึ้น ซึ่งถือได้ว่าเป็นวิธีการหนึ่งในการอบรมพัฒนาลูกหลานเราได้” นายเรวัต กล่าว

...สารภี ศรีธรรมรัตน์/สนับสนุนข่าว เสงี่ยม เอียดตน ส.ปชส.ภูเก็ต/ทาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็นทั่วไป