นางเมธินี ทิพย์มณเฑียร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดภูเก็ตแผนกคดีเยาวชนและครอบครัว เปิดเผยถึงคดีในส่วนรับผิดชอบของศาลจังหวัดภูเก็ตแผนกคดีเยาวชนและครอบครัว ว่า เฉพาะ 5 เดือนแรกของปี 2553 นี้ คดีฟ้องหย่าของชายชาวต่างประเทศที่ทำธุรกิจในจังหวัดภูเก็ตและแต่งงานกับหญิงไทยมีถึง 24 คดี โดยส่วนใหญ่จะเป็นสามีชาวต่างประเทศขอฟ้องหย่าในกรณี อีกฝ่ายประพฤติตนฉ้อฉล และนำอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นสินสมรสไปหาประโยชน์ส่วนตนฝ่ายเดียว ในขณะที่ฝ่ายหญิงอ้าง สามียกย่องหญิงอื่นฉันท์ภรรยา อย่างไรก็ตามศาลจังหวัดภูเก็ตแผนกคดีเยาวชนและครอบครัว โดยคณะผู้พิพากษาและผู้ประนีประนอมประจำศาล สามารถไกล่เกลี่ยให้คู่ความยุติข้อพิพาทแล้วเสร็จไป คิดเป็นจำนวนถึงร้อยละ 80-90 ของจำนวนคดีหย่าทั้งหมดในศาล นอกจากนี้ที่จังหวัดภูเก็ตยังมีหญิงไทยที่ครองคู่กับชายชาวต่างประเทศโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส แต่มีบุตรร่วมกัน มีธุรกิจทำมาหาได้ร่วมกันอีกจำนวนไม่น้อย ส่วนหนึ่งครองคู่อยู่ร่วมกันได้ อีกส่วนหนึ่งเลิกร้างกันไปแล้วแต่เพื่อประโยชน์แก่บุตรผู้เยาว์จึงมีคดีที่บิดาชาวต่างประเทศมาร้องต่อศาลจังหวัดภูเก็ตแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวเพื่อขอทะเบียนรับรองบุตรซึ่งในปี 2552 มีทั้งสิ้น 23 คดี ส่วนในรอบห้าเดือนแรกของปี 2553 ร้องเข้ามาแล้ว 6 คดี
นางเมธนี เปิดเผยต่อไปอีกว่า เหตุหย่าร้างดังกล่าวย่อมสร้างผลกระทบกระเทือนแก่บุตรผู้เยาว์ทั้งสิ้น ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งเป็นเหตุให้เยาวชนขาดการสื่อสารถ่ายทอดความเข้าใจและความอบอุ่นจากครอบครัว เป็นสาเหตุของการกระทำผิดนับตั้งแต่วัย 13-18 ปี ซึ่งพฤติกรรมกระทำผิดโดยการชอบลักขโมยรถจักรยานยนต์ ซึ่งเป็นสถิติคดีสูงสุดทุกปี ซึ่งในรอบปี 2552 เยาวชนถูกฟ้องร้องต่อศาลข้อหาลักทรัพย์และรับของโจรเป็นอันดับ 1 รวมทั้งสิ้น 147 คดี คดียาเสพติดให้โทษเป็นอันดับ 2 รวม 112 คดี ทั้งนี้ในช่วงตั้งแต่เดือนมกราคมถึงพฤษภาคม 2553 คดีอันดับ 1 ก็ยังคงเป็นคดีลักทรัพย์และรับของโจรถึง 88 คดี และเป็นที่น่าสังเกตว่าในปีนี้เยาวชนหันมานิยมเสพพืชกระท่อมและกัญชามากที่สุด
….โสภณ เคี่ยมการ /ภาพ/ ข่าว .เสงี่ยม เอียดตน ส.ปชส.ภูเก็ต / พิมพ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็นทั่วไป